😎😎😎
ด้วยความที่เป็นชื่อของ Guy Ritchie แล้ว เราจะนึกถึงหนังที่มีการรวมตัวละครเยอะๆ แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ชัดเจน บทสนทนาที่ยาวแต่คมคาย และมีบทหนังที่พลิกไปพลิกมาได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งหนังของเขาจะมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่จะคงเอกลักษณ์ที่ว่าไว้ทุกเรื่อง เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มีเอกลักษณ์แบบนั้น เพียงแต่มันเหมือนหนังมันสนุก แต่ย่ำอยู่ที่เดิมไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย
😎😎😎
เรื่องราวของซุปเปอร์สปาย Orson Fortune ต้องตามล่าและหยุดยั้งการขายเทคโนโลยีอาวุธสุดอันตรายชิ้นใหม่ที่อยูในมือของพ่อค้าอาวุธพันล้าน Greg Simmonds โดยต้องร่วมทีมกับสุดยอดมือดีระดับโลกหลายคนอย่างไม่เต็มใจ Fortune และทีมของเขายังจ้างตัวดาราดังที่สุดในฮอลลีวูดอย่าง Danny Francesco เพื่อช่วยพวกเขาในภารกิจลับเพื่อช่วยโลกใบนี้
😎😎😎
หนังยังคงเหมือนเดิม ด้วยการพาตัวละครเยอะแยะมากมายมาเจอกันในหนังด้วยการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างรวดเร็วฉับไว แต่เต็มไปด้วยไดอะล็อกการพูดที่ยาวเหยียด แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของหนังที่จะกลายไปเป็นองค์ประกอบสำคัญของแต่ละช่วงของบทสรุปของตัวหนัง ซึ่งมันก็คือเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ Guy Ritchie ได้ทำไว้กับหนังทุกเรื่องของเขา
😎😎😎
เรื่องนี้มีความมันส์แบบสุดโต่งในตอนช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นแอ็คชั่นที่เล่นใหญ่มากๆ เรียกว่าประมาณ 20 นาทีท้ายนี่แบบดูกันอย่างตื่นเต้นและมันส์แบบสุดๆ เพียงแต่ว่าช่วงก่อนหน้าของหนังเกือบๆ ชั่วโมงครึ่ง หนังมันพาเราไปแบบเนือยๆ และไม่ได้มีอะไรที่พลิกแพลง หนังมันเหมือนเป็นสูตรสำเร็จของหนังแนวสายลับแบบนี้ ซึ่งคนดูจะรู้อยู่แล้วว่าหนังจะจบแบบไหนยังไง
😎😎😎
ในส่วนของตัวละครในเรื่องที่มีมากมาย ความเก่งของ Guy Ritchie คือ การสร้างให้คาแรคเตอร์แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในตัวเองทุกตัวละคร เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วความโดดเด่นทางด้านคาแรคเตอร์ กลับไม่ได้ถูกใช้สักเท่าไหร่ในตอนไคลแม็กซ์ของเรื่อง แต่ละคนที่ดูมีความสามารถอันโดดเด่นที่ถูกปูมา ในตอนท้ายเรื่องที่น่าจะถูกดึงออกมาใช้ กลับไม่ได้ดึงออกมาเลย มีแค่แอ็คชั่นแบบใครก็ได้ ซึ่งการปูมาตอนต้นคือจบกัน ปูมาทำไม เสียดายมากๆ
😎😎😎
ภาพรวมของหนังสำหรับผม ผมว่าน่าผิดหวังกับความคาดหวังของผู้กำกับที่ชื่อ Guy Ritchie อย่างที่เล่าาทั้งหมด ด้วยความที่หนังมันเดินตามสูตรแบบไม่มีอะไรพลิกแพลงเลย ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเกือบสองชั่วโมง มันกลายเป็นหนังธรรมดาๆ ไปเลย ดูเพลินๆ ก็พอได้น่ะ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Operation Fortune : Ruse de guerre ปฏิบัติการระห่ำ โคตรคนฟอร์จูน - หนังที่น่าผิดหวังของ Guy Ritchie
😎😎😎
ด้วยความที่เป็นชื่อของ Guy Ritchie แล้ว เราจะนึกถึงหนังที่มีการรวมตัวละครเยอะๆ แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ชัดเจน บทสนทนาที่ยาวแต่คมคาย และมีบทหนังที่พลิกไปพลิกมาได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งหนังของเขาจะมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่จะคงเอกลักษณ์ที่ว่าไว้ทุกเรื่อง เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มีเอกลักษณ์แบบนั้น เพียงแต่มันเหมือนหนังมันสนุก แต่ย่ำอยู่ที่เดิมไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย
😎😎😎
เรื่องราวของซุปเปอร์สปาย Orson Fortune ต้องตามล่าและหยุดยั้งการขายเทคโนโลยีอาวุธสุดอันตรายชิ้นใหม่ที่อยูในมือของพ่อค้าอาวุธพันล้าน Greg Simmonds โดยต้องร่วมทีมกับสุดยอดมือดีระดับโลกหลายคนอย่างไม่เต็มใจ Fortune และทีมของเขายังจ้างตัวดาราดังที่สุดในฮอลลีวูดอย่าง Danny Francesco เพื่อช่วยพวกเขาในภารกิจลับเพื่อช่วยโลกใบนี้
😎😎😎
หนังยังคงเหมือนเดิม ด้วยการพาตัวละครเยอะแยะมากมายมาเจอกันในหนังด้วยการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างรวดเร็วฉับไว แต่เต็มไปด้วยไดอะล็อกการพูดที่ยาวเหยียด แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของหนังที่จะกลายไปเป็นองค์ประกอบสำคัญของแต่ละช่วงของบทสรุปของตัวหนัง ซึ่งมันก็คือเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ Guy Ritchie ได้ทำไว้กับหนังทุกเรื่องของเขา
😎😎😎
เรื่องนี้มีความมันส์แบบสุดโต่งในตอนช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นแอ็คชั่นที่เล่นใหญ่มากๆ เรียกว่าประมาณ 20 นาทีท้ายนี่แบบดูกันอย่างตื่นเต้นและมันส์แบบสุดๆ เพียงแต่ว่าช่วงก่อนหน้าของหนังเกือบๆ ชั่วโมงครึ่ง หนังมันพาเราไปแบบเนือยๆ และไม่ได้มีอะไรที่พลิกแพลง หนังมันเหมือนเป็นสูตรสำเร็จของหนังแนวสายลับแบบนี้ ซึ่งคนดูจะรู้อยู่แล้วว่าหนังจะจบแบบไหนยังไง
😎😎😎
ในส่วนของตัวละครในเรื่องที่มีมากมาย ความเก่งของ Guy Ritchie คือ การสร้างให้คาแรคเตอร์แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในตัวเองทุกตัวละคร เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วความโดดเด่นทางด้านคาแรคเตอร์ กลับไม่ได้ถูกใช้สักเท่าไหร่ในตอนไคลแม็กซ์ของเรื่อง แต่ละคนที่ดูมีความสามารถอันโดดเด่นที่ถูกปูมา ในตอนท้ายเรื่องที่น่าจะถูกดึงออกมาใช้ กลับไม่ได้ดึงออกมาเลย มีแค่แอ็คชั่นแบบใครก็ได้ ซึ่งการปูมาตอนต้นคือจบกัน ปูมาทำไม เสียดายมากๆ
😎😎😎
ภาพรวมของหนังสำหรับผม ผมว่าน่าผิดหวังกับความคาดหวังของผู้กำกับที่ชื่อ Guy Ritchie อย่างที่เล่าาทั้งหมด ด้วยความที่หนังมันเดินตามสูตรแบบไม่มีอะไรพลิกแพลงเลย ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเกือบสองชั่วโมง มันกลายเป็นหนังธรรมดาๆ ไปเลย ดูเพลินๆ ก็พอได้น่ะ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้