เงินเก็บเป็นสิบล้าน ตายไปไม่ได้ใช้สักบาท

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เดินทางสายกลางดีที่สุด
จะเก็บแบบไม่ใช้เลย ก็เกินไป
จะเที่ยวและใช้แบบไม่เก็บเลยก็เกินไป

ใช้ซื้อความสุขให้ตัวเอง และมีเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินและใช้ตอนแก่ด้วย
ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพจิตมากกว่า
ความคิดเห็นที่ 10
ขึ้นอยู่กับคนและกรอบวิธีคิด ส่วนตัวผมเกิดมาจนมากจำสมัยที่ต้องขึ้นรถเมล์เบียดเสียดผู้คนตั้งแต่เรียนหนังสือในวัยประถม จนถึงวันที่ไปทำงานทุกวันช่วงแรก ๆ มันลำบากมาก แล้วก็ตอนอยากกินของอร่อย ๆ แต่ไม่มีเงินซื้อนี่จำได้ขึ้นใจเลย ตั้งแต่นั้นมาผมตั้งปนิธานไว้เลยว่าต้องเก็บเงินให้มาก ๆ และต้องไม่กลับไปจนอีกเพราะ ความจนมันทำให้ชีวิตลำบาก พอเข้ามาสู่ช่วงวัยทำงานผ่านไปสักพัก ก็ยังมารู้สึกอีกว่าชีวิตมนุษย์เงินเดือนมันลำบาก ต้องกลายเป็นหุ่นยนต์ ทำงานตามเวลา ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ขับรถออกไปเจอรถติดทุกวันเช้าเย็น ไปทำงานก็เจอสารพัดปัญหาทั้งคนทั้งงาน ทั้งคนสั่งและเจ้าของเงอน เลยมีความรู้สึกว่าต้องเก็บเงินให้ได้มาก ๆ พื่อให้ชีวิตหลุดพ้นวงจรชีวิตแบบนี้ให้ได้

ชีวิตผ่านมาจนปลาย 40 เก็บเงินได้ตามตั้งใจ ทุกวันนี้ไม่ต้องทำงานแล้ว เกษียณออกมาใข้ชีวิตในบ้านสวนที่ซื้อเอาไว้ สงบ ร่มเย็น ใช้ชีวิตพอดี พอเพียง ไม่ได้อยากไปเที่ยวที่ไหน เพราะตอนทำงานก็เดินทางฟรีด้วยหน้าที่ไปทำงานทุกทวีปแล้ว ไม่ได้รู้สึกอินกับการท่องเที่ยวรู้สึกเหนื่อยมากกว่าที่ต้องเดินทางไกล ทุกวันตื่นเช้ามารู้สึกดีใจที่คิดถูก ว่าต้องเป็นคนรู้จักประหยัดอดออมมาตั้งแต่เริ่มชีวิตทำงานใหม่ ๆ จนได้เกษียณเร็วกว่าคนอื่น ๆ ที่ยังต้องตรากตำทำงานกันจนเกษียณ ซึ่งหลายคนก็ยังเกษียณไม่ได้เพราะไม่มีเงินออมบางคนเงิน้ดือนน้อยไม่เหลือเก็บ บางคนรายได้ดีแต่ใช้มากจนไม่มีเงินเหลือ

ทุกวันนี้ถึงแม้ว่ามีเงินมาก แต่ผมกลับสุขใจในการใช้ชีวิตที่ธรรมดามากกว่า ทั้ง ๆ ที่เงินที่ผมมีสามารถย้ายไปอยู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรปได้สบาย ๆ แต่ผมกลับมีความรู้สึกสุขใจกับชีวิตในบ้านสวนแบบที่เป็นทุกวันนี้ และใช้ชีวิต ง่าย ๆ กินอยู่ง่าย ๆ มีผักผลไม้เก็บกินจากสวนที่ปลูกเองได้ทุกวัน

จากชีวิตที่ผ่านมาทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า การมีความสุขในชีวิต มันต้องมีเงินทอง แต่ความสุขในใจ มันไม่ได้แปรผันตรงกับจำนวนเงินในกระเป๋าครับ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเลือกทำงานเดือนละ 5 แสนแล้วเอาเงินไปเที่ยวไปใช้ แทนที่จะเลือกเกษียณตัวเองอยู่เฉย ๆ แบบนี้ ที่สำคัญ การใช้เงินมาก ทุก ๆ วันเพื่อให้รางวัลชีวิตมันก็ไม่ใช่ทางออกของความสุขสำหรับผม ความสุขใจในการใช้ชีวิตง่าย ๆ ต่างหากมันคือทางออก ส่วนเงินที่เหลือผมไม่ได้คิดอะไร ยกเป็นมรดกให้ลูกไป หลังจากนั้นเขาอยากเอาไปทำอะไรก็เป็นเรื่องความสุขในชีวิตเขาแล้วครับ

เงินมีความจำเป็นสำหรับชีวิตในระดับหนึ่ง ถ้ามันมีเพียงพอสำหรับชีวิตมันก็พอแล้ว ส่วนที่เกินไปมันทำหน้าที่ในการสร้างความมั่นคงในใจเฉย ๆ ใครที่คิดว่าสามารถใช้ชีวิตให้ก่อนตายแล้วเงินส่วนนี้หมดพอดี ก็เก่งมาก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าชีวิตมันจะอยู่อีกกี่ปี เพราะ  แสนเสียดายตายไปใช้เงินไม่หมด แต่ แสนสลดเงินหมดแต่ยังไม่ตาย
ความคิดเห็นที่ 9
ชีวิตไม่มีอะไร แน่นอน การเก็บเงินถือว่าเป็น  security แค่นั้นแหละ
ใครจะไปรู้ว่า จะตายเมื่อไหร่ อายุมากอายุน้อย สุขภาพจะดีหรือไม่ดี
แล้วเลิกพูดได้แล้วว่า ทำงานจนป่วย
ป่วย มันมาจากการไม่ดูแลร่างกาย ตอนทำงาน ก็ไม่ได้มีใครห้ามไม่ให้ออกกำลังกาย ไม่ให้ดูแลสุขภาพนิ
มีแต่พวก ไม่ดูแลตัวเองนี่แหละ เอะอะ ก็โทษ อย่างอื่น ทำงานหนัก บราๆๆ
อีกส่วนของเรื่องป่วย ก็คงแล้วแต่เวรแต่กรรม หรือ dna หรือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ หลายๆโรค ไม่ต้องทำอะไร
จะทำงาน จะนั่งจะนอนอยู่เฉยๆ บทจะเป็นมันก็เป็นได้

มีคนเยอะแยะ เก็บเงินทำงานหนักตอนหนุ่มตอนสาว แล้วแก่ลงก็มีความสุขมี security กับการที่มีเงินเก็บสะสมมาตั้งแต่อายุน้อยๆ
บางคนก็ตายเร็วยังไม่ทันได้ใช้อะไร ก็มี แต่เห็นคนคนเดียว ตายก่อนใช้เงินก็เลยเป็นกระต่ายตื่นตูมรีปใช้เงิน นี่มันก็ไม่ถูกต้องนะ
รู้ได้ไง เกิดโชคดี (หรือโชคร้าย) ไม่ยอมตายสักที แต่ไม่เคยเก็บเงินใช้หมด
จนแก่ไม่มีแรงทำงานแล้ว แต่ ดันมีชีวืตอยู่ได้อีกนาน แล้วจะทำไงหละ คอนอายุน้อยๆ คุณเลือกชีวิตคุณได้เหรอว่า
รีปใช้ แล้วตายไวๆ หรือ จะอดออมทนลำบากตอนแรก มาสบายตอนหลัง หรือ คิดว่า รีปๆใช้ พอหมดปัญญาหา เงินหมด ก็จะฆ่าตัวตาย
อย่างนั้นหรือ
คนที่เก็บเงินมานานๆ จริงว่า ชีวิตอาจจะไม่สะดวกสบายมาก แต่เขาก็สบายทางใจนะ รู้ว่า อีกหน่อย เขาก็สะสมเงินได้มากพอ
แก่ลงไม่ต้องห่วงอะไร มาก เทียบกับคนที่ไม่เก็บใช้แหลก คิดว่า สบายใจไหม ที่รู้ว่าแก่ลง จะหาอะไรกิน จะอยู่ยังไง
จริงๆ ชีวิตใครสะดวกสบายกว่ากันแน่ในแง่ จิตย์ใจ สบายใจ
ความคิดเห็นที่ 4
พ่อเราเองค่ะ แกมีเงินเก็บประมาณ 2 ล้าน และมีรายได้หลังเกษียณประมาณเดือนล่ะ 2 หมื่นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ก็เป็นคนขี้เหนียว แม้จะอายุเยอะก็ยังรับจ้างทำงานแบบ ทำนา ว่านข้าว ฉีดยา ซึ่งเราเคยเตือนว่าแก่แล้ว ทำงานที่เบาๆพอ เงินที่ได้ปันผลและค่าเช่าต่างๆเอามาซื้อของดีๆกินซิ อยู่กับลูกหลานกอดหลานในวัยที่กำลังน่ารัก 3 ขวบ กับ 1 ขวบ แถมขี้อ้อน ซึ่งไม่มีใครไปเบียดบังหรือขอเงินพ่อ เราแค่อยากให้เค้าเติมเต็มความสุข แต่เค้าก็ไม่เชื่อเอาเงินไปลงทุนทำไร่ ทำนั้นนี้ เจ๋งหมด แล้วยังมาป่วยโดนตัดขา 2 ข้าง เงินเก็บที่มีก็ใช้รักษาตัวเอง ค่าเดินทาง ค่าแพมเพิส ค่ายา สุดท้ายแกก็ยังมีความหวังว่าแกจะหาย แต่ร่างกายแกคือไม่ไหวแล้ว แล้วแกก็ตายไปเมื่อปีที่แล้วเองคะ

เราเห็นพ่อเป็นแบบนั้น ก็ไม่อยากประมาท อยากซื้อ อยากกินอะไร อยากไปเที่ยวก็ไปคะ อย่างกินข้าวนอกบ้านก็ 3 เดือนครั้ง ไปเที่ยวต่างจังหวัดปีละ 1-2 ครั้ง ทำบ้านสวยๆอยู่กับลูกๆ ซื้อของที่เราอยากได้บ้าง อยากกินทุเรียนก็ซื้อกิน งบปีละ 3000 บาท และก็ทำบุญใหญ่ปีละครั้ง ต้องใช้ชีวิตแบบกลางๆ ไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป แล้วจะมีความสุข มีความทุกข์บ้าง แต่เดียวมันก็ผ่านไป
ความคิดเห็นที่ 13
คุณเป็นใครล่ะ ถึงจะไปบอกคนอื่นว่าเขาใช้ชีวิตไม่ถูก ทั้งที่เจ้าของชีวิตเขาพอใจจะใช้แบบนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่