😊 สวัสดีคะ เราอายุ13-14 อีกไม่เกิน3สัปดาห์ เราคิดไว้ว่าจะตายแน่นอน เราเกิดวันที่13พ.ค คิดไว้ว่าจะตายสักวันที่ 12พ.ค
กระทู้นี่แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตก่อนฆ่าตัวตาย
คือเริ่มแรกแต่ก่อนเราเป็นเด็กร่าเริงมาก แถมยังชอบเกี่ยวกับเรื่องทำบุญ เชื่องเรื่องพวกนี่มาก แล้วก็ตอนอยู่รร.แทบจะเป็นหัวหน้าแก็งห้องป.5/3เลย ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่วด้วย เพราะเราอยู่ห้องสามมาโดยตลอด ด้วยความชิน และตอนเด็กก็โดนครูปลูกฝังว่าอย่าไปยุ่งกับห้องอื่นนะ รู้จักแค่ในห้องเราก็พอ แล้วตอนนั้นคือชีวิตพลิกผันมาก ขึ้นป.6มา โดนย้ายมาอยู่ห้องหนึ่ง เพราะมีคนย้ายออกเยอะมาก ตอนนั้นแทบร้องร่วงเลย เพราะเดินเข้าห้องไป ไม่มีคนรู้จักเลย ถึงมีแต่ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบ แล้วตอนนั้นทำตัวไม่ถูก กลัวมาก ก็ไปนั่งหน้าห้องเฉย แทนที่จะเลือกหลังๆห้อง (ตอนนั้นโควิดมาพอดี เลยแยกเป็นกลุ่มเอ บีเพื่อนเราก็อยู่กลุ่มเอกันหมด) ปีนั้นเราได้ของขวัญวันเกิดเป็นนาฬิกา เลยนั่งก้มหน้ามองนาฬิกาอย่างเดียวเลยตอนนั้น กดติ้กๆๆ แล้วเพื่อนข้างๆก็พูดว่าเสียงอะไรวะ รำคาญวะ ตอนนั้นอึ้งไปเลย แล้วก็หยุดกด มารร.ไปสักพักครูประจำชั้นเริ่มสังเกตุเห็นเราเป็นคนเงียบๆ เวลาพูดในห้องเรียน เขาก็มักจะพูดชื่อเราตลอด ตอนนั้นใจฟูมากเพราะเราไม่เคยอยู่ในสายตาใครแบบนี้ตลอด แต่มันก็เหมือนเดิม ทุกๆเช้ามา เรามักจะบอกพี่ว่า วนรถให้หน่อย เพราะไม่อยากรีบเข้ารร.
พอโควิดเริ่มจางช่วงนั้น เลยให้นักเรียนมาเรียนรวมกัน ตอนนั้นเราก็มีเพื่อน เริ่มปรับตัวได้แล้ว ก็เริ่มแอบชอบเพื่อนในห้องที่เป็นผู้หญิง แล้วก็จะผิดหวังตลอดเพราะ เวลาชอบใครคนนั้นก็จะย้ายรร.ไปตลอดเลย แล้วก็จบการศึกษาปีนั้นไป พอขึ้นม.1มา โควิดกลับมาระบาดหนักอีกรอบ ดีใจมากเพราะได้เรียนออนไลน์ ไม่ต้องไปรร. ตอนนั้นชีวิตมีความสุขมาก อยู่บ้านนอก ตื่นเช้ามาเดินไปรดน้ำต้นไม้ ให้อาหารปลากับหมา แล้วเข้าเรียน เรียนเสร็จก็ไปขับรถเล่น กลับบ้านมาก็มานั่งวาดรูป คอลคุยเล่นเกมกับเพื่อนต่อ มันเป็นชีวิตที่ไม่ต้องขึ้นสวรรค์ก็เหมือนสวรรค์แล้วอะ
พอจบม.1ไปแล้วขึ้นม.2 นึกว่าดินสะดุดขี้หมาบนสวรรค์แล้วตกนรกสะอีก 💀เริ่มมาเทอมหนึ่ง เราตัดผมทรงไหม่มา เป็นทรงที่ไม่ค่อยมีใครทำ เหมือนเป็นผู้นำแฟชั่นอะ เพราะเริ่มมีคนทำทรงนี้ตามเรื่อยๆ พอถึงวิชาศิลปะ เราก็เป็นคนชอบวาดรูปไงพอวาดรูปสวย ทุกคนก็จับตามองมาที่เรา ก็เป็นจุดสนใจของคนอื่นนิดๆ แต่ก็ยังโดนมองว่าเป็นนเงียบๆ เพื่อนที่เข้ามาก็มักจะมาแค่หวังผลประโยชน์ ตอนนั้นเรารู้จักวิธีการหยุดละ เลยมักจะแกล้งป่วยเพื่อขอหยุดสักหนึ่งวันสองวัน ช่วงนั้นมีปัญหากับเพื่อนที่นั่งข้างหน้ากับข้างๆ(เรานั้งหลังห้องริมสุดเลย) มีปัญหาเพราะ พวกมันชอบบังคับอย่างงู้นอย่างงี้ แต่เราก็ไม่ไได้ขี้แง้ทำตามนะ แต่พวกมันเหมือนเด็กปัญญาอ่อนอะ พอไม่ได้อะไรดั่งใจก็จะตี แล้วไม่ใช่ไม่อยากตีกลับนะ ด้วยความที่เราเป็นคนแรงเยอะ ตัวใหญ่ เลยไม่อยากทำร้ายใคร มีปมที่ไปทำคนอื่นเขาด้วยแหละ เลยหันหน้าไปปรึกษาครูประจำชั้น ครูคนนี้เป็นแฟนครูคอนที่เราอยู่ปห้า ทั้งสองเป็นครูที่น่าจะดีที่สุดในรร.ละ
เราก็ไปปรึกษาครูว่า อยากย้ายที่นั่งเพราะอย่างนู้นอย่างนี้ ครูเลยจัดการให้ พอย้ายมันหนักกว่าเดิมอีก จากที่เคยนั้งริมหลังห้อง มานั่งกลางห้อง มันอึดอัดมาก เราเหมือนจะเป็นโรคกลัวสังคมมั้ง เวลาอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆจะรู้สึกไม่ค่อยดี เราก็ทนมาได้สักพัก เพราะไม่กล้าปรึกษาครูอีกกลัวจะรบกวนมากไป
เมือ่ปิดเทอมเป็นอะไรที่รักมากกก อยากปิดสักสิบเดือน แต่เวลามันก็เร็วเกินไป เปิดเทอมสองมา สองอาทิตย์ผ่านไป เรามีเรื่องกับเพื่อนในห้อง เพราะแฟนของคนในห้องเรามาถามเราว่ามันเป็นยังไงอยู่ในห้องเรา แล้วเราโกหกไม่เป็นเลยพูดไปหมดเลย ความจริงไม่อยากบอกหรอก แต่แฟนมันบอกว่า จะไม่บอกใครไม่งอนมันด้วย อาทิตย์ผ่านไป อีแฟนมันงอนคนในห้องเรา แล้วมันนั้งข้างๆ ก็พูดว่าใครเอาอะไรไปบอกวะ เราก็คิดว่า ถ้าเราไม่บอกตอนนี้ถ้ามันรู้เอง จะหนักกว่า เลยตัดสินใจพูดเลย ตอนนั้นเป็นพักสิบ พวกนั้นก็ออกไปพูดกันเรื่องนี้ พอเข้าห้องมา แก็งมันก็ทัวลงเรา ด้วยความที่เราเป็นคนอย่างนี้ ก็พยายามอธิบายให้มันฟัง ว่ามันตื้อให้พูด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ พักเที่ยงวันนั้น เราชวนเพื่อนสนิทคนนึงไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ปล่อยโหเลย มันไม่ไหวจริงๆ การที่ทั้งห้องมองเราเป็นคนอย่างนั้น พอออกมาเราก็มานั้ตรงโต็ะอาหารเรานั้งหันไปคุยกับมัน(แฟนของคนที่เราพูด) เอาแต่พูดว่าขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ มันก็แถบอกว่าไม่เป็นไร แล้วที่เราทำถึงขนาดนี้เพราะ ตอนที่บนห้องพวกนั้นทัวลง มันมีคนๆนึงในเเก็งนั้นให้ไอเด็กทรงช่างมันมาแกล้งล้มเอา เข็มวงเวียนมาแทงหลังเรา ตอนนั้นเราคิดว่าไม่ใช่แล้วที่จะมาทำอย่างนี้ เกินไปรึป่าว แล้วพวกนั้นก็มองเราเป็นหนอนบ่อนไส้เลย เพราะเอาเรื่องในห้องไปคุยกับห้องอื่น เราก็เอาไปปรึกษากับเพื่อนสนิทคนนึง มันบอกว่า ก็ไม่ต้องสนใจดิ จะเเคร์อะไรมันขนาดนั้น เดี๋ยวผ่านไปมันก็ลืมๆเองแหละ ตอนนั้นก็พยามยามทำตามที่เพื่อนมันบอก ก็ทำไม่ไดเพราะ เราเป็นคนที่แคร์คนอื่นมาก มากจนไม่สนตัวเองเลย ผ่านไปสักระยะนึง อาการเราก็เริ่มหนักขึ้น มีวันนึงหลังจาก พี่มารับออกจากรร. เราร้องไห้เลย เพราะความรู้สึกนี้มันอดทนไม่ไหวเเล้ว เราก็ระบายให้พี่ฟัง แต่เล่าไม่ค่อยระเอียด พี่อาจจะเข้าใจอีกแบบ กลับบ้านมา เราก็ยังร้องไห้ไม่หยุด แล้วก็นั่งซึกตลอดคืนนั้นเลย เช้าวันถัดมา ก็เดินไปท่องศัพท์กับครูปกติ ท่องเสร็จครูก็ทักเลยบอกว่า เรามีเรื่องอะไรรึป่าว ทำไมทุกเช้าไม่ค่อยยิ้มแย้มเลย แล้วเขาก็ให้เรามานั้งเล่าให้ฟังก่อน ตอนนั้นด้วยความรู้สึกที่มันค้างมาจากเมื่อคืน น้ำตามันก็คลอ พูดไม่ออก แต่ก็กลั้นใจพูดออกไปได้ เราก็แต่งเรื่องประมาณว่า เราทะเลาะกับเพื่อนสนิท เพราะตอนนั้นพูดอะไรไม่ค่อยออก เเล้วพวกเเก้งนั้นก็นั้งอยู่ข้างหลังด้วย แถมช่วงนั้นเรายังรู้สึกว่าเพื่อนสนิทเริ่มตีตัวออกห่าง เกือบทุกคนเลย เลยพูดแค่เรื่องนี้ ครูก็พยายามถามเรื่อยๆ เราก็ได้แต่พูดเบาๆ เขาก็เตือนว่าระวังเป็นโรคซึมเศร้าเเล้วฆ่าตัวตายนะ เราไม่ได้ได้เชื่ออะไรมากหรอก เขาก็บอกว่าเรามารร. เพื่อทำตามหน้าที่ของเรา ดูอย่างครูสิ ครูก็ไม่อยากมาหรอก แต่ครูเป็นครูไงมีหน้าที่มาสอนนักเรียน ก็แค่มาสอน ไม่ได้ไปยุ่งกับครูคนอื่น แต่ในใจเราคิดว่า มันจะไม่ยุ่งได้ไง ถ้าคิดตามความจริง เรามารร.เพื่อนฝึกอยู่ในสังคมให้เป็น การเรียนก็เป็นเเค่ส่วนนึงเท่านั้น อันนี้ความคิดเรานะ ตอนที่พูโน้ำตาก็ไหลไปแต่ก็พยายามยิ้ม เพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นเราในสภาพแบบนี้ แล้วก็ผ่านไปเรื่อยๆ ครูก็พยายามหากิจกรรมอะไรให้เราทำ ทั้งๆที่เเค่อยากอยู่นิ่งๆบ้าง ไม่ได้รู้สึกสนุกเลย แล้วช่วงเทอมนี้เราหยุดเเบบบ่อยมากกกกกกกก เพื่อนหยุดเราหยุด เพื่อนไม่หยุดเราก็หยุด จนทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเรามาก เกลียดที่สุดคือช่วงวันสอบสามวัน เวลาเรามารร.เราไม่ค่อยชอบนอน ฟุบนอนด้วยเดี๋ยวผมยุ่ง เเล้วเวลาทำข้อสอบเสร็จ เราก็จะนั่งชันศอกมิงโต็ะทั้งที่คนอื่นเขานอนกัน แล้วก็โดนพวกนั้นนินทา พอถึงวันสอบสุดท้ายจริงๆแบบขึ้นม.สามเลย เราก็ฟุบนอนบ้างจะได้ไม่แตกแยกจากเขา
พอถึงวันที่สาม เป็นวันที่ทุกคนกินเลี้ยงฉลองจบกัน พี่ม.สามก็จะแยกย้ายไปทำความความฝัน มีแต่คนร้องไห้ ยกเว้นเราที่ไม่มีอิสระเลย วันจบทั้งที่ ยังโดนแม่กับพี่ด่า เพี่ยงเพราะไม่ให้เราไปกินเลี้ยง ตอนนั้นคิดว่าวันจบทั้งที เราเอาแต่ฟังคำสั่งนั้น คัดควางไม่ให้มีความสุข ตอนที่เาโทรมาเราก็ตัดสายเลย แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเพื่อน เเล้วไปกินบุฟเฟ่กับเพื่อน ตอนนั้นมันช่างมีความสุขเหลือเกิน บราวนี่กับข้าวผัดมื้อนี้อร่อยมาก แต่ยังกินไม่ทันอิ่ม พี่ก็ขับ รถมา พร้อมทำหน้าบึ้งตึง เราก็เดินไม่หาแล้วว่าเราอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วบอกให้กลับบ้าน เราเศร้ามาก เลยเดินกลับไปบอกลาเพื่อนแล้วก็เอาจดหมายเล็กๆเกี่ยวกับความทรงจำของพวกเราให้เพื่อน แล้วก็เดินจากความสุขนั้นไป กลับบ้านไปด้วยความที่ตอนนั้นเราคิดได้แล้วว่า ถ้าเราโตไปเรื่อยๆ พวกเขาจะโทรตามเรากลับบ้านแบบนี้ตลอดไปเลยหรอ เราก็มีความคิดนะ รู้ว่าเวลาไหนควรกลับอะไรยังไง ปิดเทอมมาเราก็กลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตอิสระเลย ไม่สนอะไร
ตอนเเรกคิดว่าปิดเทอมจะดีเหมือนทุกครั้ง แต่ไม่เลย เราโดนบังคับไม่ให้ย้ายรร. ทั้งที่ก็เห็นเเล้วว่ารร.นี้มันทำเราเจ็บขนาดไหน แแต่พี่ก็แม่ก็จะพูดว่า
,เพราะเราเป็นอย่างนี้ไง เลยเข้ากับคนอื่นไม่ได้, ตอนนั้นช็อกเลย ทำไมมัยถึงเป็นอย่างนั้น จากนั้นเราก็ไม่สน
ไรละ เป็นพ่อแม่พี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดด่าอะไรกับเราก็ได้ เราก็เริ่มด่าพ่อ ด่าแม่ ด่าพี่ อาจฟังดูเลวนะ แต่ทั้งชีวิตที่ทนมานี้มันทรมาณเหลือเกิน ต้องทำตามสิ่ง
ๆมาโดยตลอด
ในเมื่อทำให้ทุกคนผิดหวังแล้วจะแคร์
อะไรละ😕ทั้งๆที่ทำให้เด็กคนนึงเป็รแบบนี้ได้ ก็ต้องรับให้ได้ เวลาเราด่าไป เขาก็จะพูดเรื่องบาปบุญคุณโทษ ถ้าเป็นแต่ก่อนเราจะเงียบเเล้ว เเต่เดี๋ยวนี้เราเข้าใจเเล้ว ว่ามันที่เป็นสิ่งที่พวกคนชั้นสูงเเต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อควบคุมคนชั้นต่ำ ได้ง่ายๆ จนกลายเป็นความเชื่อว่าทำดีได้บุญ ทำชั่วได้บาป ทั้งๆที่ทำอะไรแล้วมันไม่ได้อะไรเลย เราก็ทำตัวเละเทะเเบบนี้มาโดยตลอด แล้วก็โดนด่ามาโดยตลอด คำที่ทำให้เรากลายเป็นคนชั่วแบบทุกวันนี้คือ เก่งแต่ในครอบครัว พออยู่กับเพื่อนนี้เป็นหมาหงอยทันที ทำให้เรารู้สึกถึงความเท่าเทียม จึงไม่สนว่าใครเป็นใครเเล้ว
ถึงเราจะดูเลวขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่ทุกคนนอนหลับ เรามักจะร้องไห้ เเละคิดว่าทำไม่ทำอย่างนี้ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เเล้ว กาลเวลาผ่านไป วันึงเราก็มาช่วยแม่ขายของตามปกติ แล้วพ่อมักชอบกวนตีน ตอนนั้นเราทนไม่ไหว ด้วยสันดานชั่ว เลยด่าออกไปว่าพ่อตาย แล้วใช้กูกับมัน พ่อก็ตบหน้ากุด้วยความโกรธ มันโดนจมูกเจ็บมาก แต่สันดานมันสั่งให้เรายิ้มเยาะเย้ย เเล้วด่ากลับ ตอนนั้นที่โดน เราหันหน้าหันหลังหามีดแต่หาไม่เจอ ถ้าหาเจอนะคงกลายข่าวลูกทรพีฆ่าพ่อชัว แล้วตอนนั้นแม่เห็น แม่รีบเดินมาปกป้องเราอย่างไว ทำให้ตอนนั้นเราคิดว่า คนดีๆอย่างนี้ทำไมถึงมีลูกเลวๆ ตอนนั้นเราคิดจะตายแบบนี้จริงจังเเล้วๆ ใครมาปรอบก็ไม่ทำให้ความคิดเราเปลี่ยน แต่เราก็เสียใจนะ แต่ก่อนเรารักพ่อมากกว่าแม่ เพราะเรากับพ่อสันดานเหมือนกัน แต่พอเห็นเเม่มาปกป้องเราขนาดนี้ อยากจะฆ่าตัวเองทิ้งตรงนั้นเลย ที่แต่ก่อนเกลียดแม่เพราะ ชอบตีเราทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเขา แถมยังชอบพูดว่าพ่อชอบทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ตอนนั้นเราไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เชื่อเเล้ว คงกลับไปเปลี่ยนอดีตอะไรไม่ได้แล้วเเหละ พอกลับบ้านมาแม่ถามเราด้วยความเป็นห่วงต่างๆนาๆ แต่เราก็ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์แบบนี้ พอเเม่นอนหลับไปเราก็ร้องหนักมาก เเต่พอเขาตื่นก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แม่ก็ออกไม่ข้างนอกอีกครั้ง
ตอนนั้นเราอยู่คนเดียว เราใช้มีดคัตเตอร์กรีดไปทั่วๆ บีบคอตัวเอง ผูกเชือกรัดคอ เอามีดเเทงตัวเองซ้ำไปซ้ำมา พอถึงตอนที่ทุกคนกลับบ้านมานอนจริงๆ เราก็เหมือนเดิมแหละ นอนร้องไห้ โทษตัวเองหนักมาก ถ้าเราไม่เป็นคนอย่างนี้ ทุกเรื่องมันจะไม่เกิดขึ้น แล้วเราก็เกิดอาการหวาดระแวงทุกคนขึ้นมา เราคิดว่าจะหาซื้อมีดพก เรากลัว พอเผลอนอนหลับไป เราก็ฝันซ้ำๆว่า พ่อเดินถือมีดมาแทงเรา พ่อเดินถือปืนมายิง พ่อเอาค้อนมาทุบ พ่อฆ่าตัวตาย เท่าที่จำได้มันมีเยอะกว่านี้ แต่ตื่นมาวันนี้เราก็ไม่อยากไปเจอหน้าพ่ออีก เลยไม่ปช่วยแม่ขายของวันนี้ เเล้วก็มานั่งพิมกระทู้นี้เนี้ยแหละ
เราคิดว่าเราเป็นโรคจิตไปเเล้ว ทั้งซึมเศร้า หวาดระแวง กลัวสังคม ทั้งที่เเต่ก่อนเวลาว่างเราจะเอาเวลามานั่งวาดรูปฟังเพลง เเต่เดี๋ยวนี้เรากลับมานั้งดูคลิปคนฆ่ากัน ทั้งที่แต่ก่อนกลัวมาก
ที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้มันเกิดจากตัวเราเอง เราทำชีวิตเราเอง ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ไปเเล้ว เราก็จะเฝ้ารอความตายอย่างเดียว ปัญหาทุกอย่างมันจะหมดไปถ้าเราตายไปคนนึง แม่กับพี่ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อไม่มีเรา ไม่มีภาระ เราก็จะได้มีอิสระในเเบบที่เราต้องการโดยไม่ต้องเดือดร้อนแม่กับพี่และ คนอื่นๆ
ยาวจัง
ประสบการณ์ชีวิตก่อนตาย
กระทู้นี่แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตก่อนฆ่าตัวตาย
คือเริ่มแรกแต่ก่อนเราเป็นเด็กร่าเริงมาก แถมยังชอบเกี่ยวกับเรื่องทำบุญ เชื่องเรื่องพวกนี่มาก แล้วก็ตอนอยู่รร.แทบจะเป็นหัวหน้าแก็งห้องป.5/3เลย ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่วด้วย เพราะเราอยู่ห้องสามมาโดยตลอด ด้วยความชิน และตอนเด็กก็โดนครูปลูกฝังว่าอย่าไปยุ่งกับห้องอื่นนะ รู้จักแค่ในห้องเราก็พอ แล้วตอนนั้นคือชีวิตพลิกผันมาก ขึ้นป.6มา โดนย้ายมาอยู่ห้องหนึ่ง เพราะมีคนย้ายออกเยอะมาก ตอนนั้นแทบร้องร่วงเลย เพราะเดินเข้าห้องไป ไม่มีคนรู้จักเลย ถึงมีแต่ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบ แล้วตอนนั้นทำตัวไม่ถูก กลัวมาก ก็ไปนั่งหน้าห้องเฉย แทนที่จะเลือกหลังๆห้อง (ตอนนั้นโควิดมาพอดี เลยแยกเป็นกลุ่มเอ บีเพื่อนเราก็อยู่กลุ่มเอกันหมด) ปีนั้นเราได้ของขวัญวันเกิดเป็นนาฬิกา เลยนั่งก้มหน้ามองนาฬิกาอย่างเดียวเลยตอนนั้น กดติ้กๆๆ แล้วเพื่อนข้างๆก็พูดว่าเสียงอะไรวะ รำคาญวะ ตอนนั้นอึ้งไปเลย แล้วก็หยุดกด มารร.ไปสักพักครูประจำชั้นเริ่มสังเกตุเห็นเราเป็นคนเงียบๆ เวลาพูดในห้องเรียน เขาก็มักจะพูดชื่อเราตลอด ตอนนั้นใจฟูมากเพราะเราไม่เคยอยู่ในสายตาใครแบบนี้ตลอด แต่มันก็เหมือนเดิม ทุกๆเช้ามา เรามักจะบอกพี่ว่า วนรถให้หน่อย เพราะไม่อยากรีบเข้ารร.
พอโควิดเริ่มจางช่วงนั้น เลยให้นักเรียนมาเรียนรวมกัน ตอนนั้นเราก็มีเพื่อน เริ่มปรับตัวได้แล้ว ก็เริ่มแอบชอบเพื่อนในห้องที่เป็นผู้หญิง แล้วก็จะผิดหวังตลอดเพราะ เวลาชอบใครคนนั้นก็จะย้ายรร.ไปตลอดเลย แล้วก็จบการศึกษาปีนั้นไป พอขึ้นม.1มา โควิดกลับมาระบาดหนักอีกรอบ ดีใจมากเพราะได้เรียนออนไลน์ ไม่ต้องไปรร. ตอนนั้นชีวิตมีความสุขมาก อยู่บ้านนอก ตื่นเช้ามาเดินไปรดน้ำต้นไม้ ให้อาหารปลากับหมา แล้วเข้าเรียน เรียนเสร็จก็ไปขับรถเล่น กลับบ้านมาก็มานั่งวาดรูป คอลคุยเล่นเกมกับเพื่อนต่อ มันเป็นชีวิตที่ไม่ต้องขึ้นสวรรค์ก็เหมือนสวรรค์แล้วอะ
พอจบม.1ไปแล้วขึ้นม.2 นึกว่าดินสะดุดขี้หมาบนสวรรค์แล้วตกนรกสะอีก 💀เริ่มมาเทอมหนึ่ง เราตัดผมทรงไหม่มา เป็นทรงที่ไม่ค่อยมีใครทำ เหมือนเป็นผู้นำแฟชั่นอะ เพราะเริ่มมีคนทำทรงนี้ตามเรื่อยๆ พอถึงวิชาศิลปะ เราก็เป็นคนชอบวาดรูปไงพอวาดรูปสวย ทุกคนก็จับตามองมาที่เรา ก็เป็นจุดสนใจของคนอื่นนิดๆ แต่ก็ยังโดนมองว่าเป็นนเงียบๆ เพื่อนที่เข้ามาก็มักจะมาแค่หวังผลประโยชน์ ตอนนั้นเรารู้จักวิธีการหยุดละ เลยมักจะแกล้งป่วยเพื่อขอหยุดสักหนึ่งวันสองวัน ช่วงนั้นมีปัญหากับเพื่อนที่นั่งข้างหน้ากับข้างๆ(เรานั้งหลังห้องริมสุดเลย) มีปัญหาเพราะ พวกมันชอบบังคับอย่างงู้นอย่างงี้ แต่เราก็ไม่ไได้ขี้แง้ทำตามนะ แต่พวกมันเหมือนเด็กปัญญาอ่อนอะ พอไม่ได้อะไรดั่งใจก็จะตี แล้วไม่ใช่ไม่อยากตีกลับนะ ด้วยความที่เราเป็นคนแรงเยอะ ตัวใหญ่ เลยไม่อยากทำร้ายใคร มีปมที่ไปทำคนอื่นเขาด้วยแหละ เลยหันหน้าไปปรึกษาครูประจำชั้น ครูคนนี้เป็นแฟนครูคอนที่เราอยู่ปห้า ทั้งสองเป็นครูที่น่าจะดีที่สุดในรร.ละ
เราก็ไปปรึกษาครูว่า อยากย้ายที่นั่งเพราะอย่างนู้นอย่างนี้ ครูเลยจัดการให้ พอย้ายมันหนักกว่าเดิมอีก จากที่เคยนั้งริมหลังห้อง มานั่งกลางห้อง มันอึดอัดมาก เราเหมือนจะเป็นโรคกลัวสังคมมั้ง เวลาอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆจะรู้สึกไม่ค่อยดี เราก็ทนมาได้สักพัก เพราะไม่กล้าปรึกษาครูอีกกลัวจะรบกวนมากไป
เมือ่ปิดเทอมเป็นอะไรที่รักมากกก อยากปิดสักสิบเดือน แต่เวลามันก็เร็วเกินไป เปิดเทอมสองมา สองอาทิตย์ผ่านไป เรามีเรื่องกับเพื่อนในห้อง เพราะแฟนของคนในห้องเรามาถามเราว่ามันเป็นยังไงอยู่ในห้องเรา แล้วเราโกหกไม่เป็นเลยพูดไปหมดเลย ความจริงไม่อยากบอกหรอก แต่แฟนมันบอกว่า จะไม่บอกใครไม่งอนมันด้วย อาทิตย์ผ่านไป อีแฟนมันงอนคนในห้องเรา แล้วมันนั้งข้างๆ ก็พูดว่าใครเอาอะไรไปบอกวะ เราก็คิดว่า ถ้าเราไม่บอกตอนนี้ถ้ามันรู้เอง จะหนักกว่า เลยตัดสินใจพูดเลย ตอนนั้นเป็นพักสิบ พวกนั้นก็ออกไปพูดกันเรื่องนี้ พอเข้าห้องมา แก็งมันก็ทัวลงเรา ด้วยความที่เราเป็นคนอย่างนี้ ก็พยายามอธิบายให้มันฟัง ว่ามันตื้อให้พูด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ พักเที่ยงวันนั้น เราชวนเพื่อนสนิทคนนึงไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ปล่อยโหเลย มันไม่ไหวจริงๆ การที่ทั้งห้องมองเราเป็นคนอย่างนั้น พอออกมาเราก็มานั้ตรงโต็ะอาหารเรานั้งหันไปคุยกับมัน(แฟนของคนที่เราพูด) เอาแต่พูดว่าขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ มันก็แถบอกว่าไม่เป็นไร แล้วที่เราทำถึงขนาดนี้เพราะ ตอนที่บนห้องพวกนั้นทัวลง มันมีคนๆนึงในเเก็งนั้นให้ไอเด็กทรงช่างมันมาแกล้งล้มเอา เข็มวงเวียนมาแทงหลังเรา ตอนนั้นเราคิดว่าไม่ใช่แล้วที่จะมาทำอย่างนี้ เกินไปรึป่าว แล้วพวกนั้นก็มองเราเป็นหนอนบ่อนไส้เลย เพราะเอาเรื่องในห้องไปคุยกับห้องอื่น เราก็เอาไปปรึกษากับเพื่อนสนิทคนนึง มันบอกว่า ก็ไม่ต้องสนใจดิ จะเเคร์อะไรมันขนาดนั้น เดี๋ยวผ่านไปมันก็ลืมๆเองแหละ ตอนนั้นก็พยามยามทำตามที่เพื่อนมันบอก ก็ทำไม่ไดเพราะ เราเป็นคนที่แคร์คนอื่นมาก มากจนไม่สนตัวเองเลย ผ่านไปสักระยะนึง อาการเราก็เริ่มหนักขึ้น มีวันนึงหลังจาก พี่มารับออกจากรร. เราร้องไห้เลย เพราะความรู้สึกนี้มันอดทนไม่ไหวเเล้ว เราก็ระบายให้พี่ฟัง แต่เล่าไม่ค่อยระเอียด พี่อาจจะเข้าใจอีกแบบ กลับบ้านมา เราก็ยังร้องไห้ไม่หยุด แล้วก็นั่งซึกตลอดคืนนั้นเลย เช้าวันถัดมา ก็เดินไปท่องศัพท์กับครูปกติ ท่องเสร็จครูก็ทักเลยบอกว่า เรามีเรื่องอะไรรึป่าว ทำไมทุกเช้าไม่ค่อยยิ้มแย้มเลย แล้วเขาก็ให้เรามานั้งเล่าให้ฟังก่อน ตอนนั้นด้วยความรู้สึกที่มันค้างมาจากเมื่อคืน น้ำตามันก็คลอ พูดไม่ออก แต่ก็กลั้นใจพูดออกไปได้ เราก็แต่งเรื่องประมาณว่า เราทะเลาะกับเพื่อนสนิท เพราะตอนนั้นพูดอะไรไม่ค่อยออก เเล้วพวกเเก้งนั้นก็นั้งอยู่ข้างหลังด้วย แถมช่วงนั้นเรายังรู้สึกว่าเพื่อนสนิทเริ่มตีตัวออกห่าง เกือบทุกคนเลย เลยพูดแค่เรื่องนี้ ครูก็พยายามถามเรื่อยๆ เราก็ได้แต่พูดเบาๆ เขาก็เตือนว่าระวังเป็นโรคซึมเศร้าเเล้วฆ่าตัวตายนะ เราไม่ได้ได้เชื่ออะไรมากหรอก เขาก็บอกว่าเรามารร. เพื่อทำตามหน้าที่ของเรา ดูอย่างครูสิ ครูก็ไม่อยากมาหรอก แต่ครูเป็นครูไงมีหน้าที่มาสอนนักเรียน ก็แค่มาสอน ไม่ได้ไปยุ่งกับครูคนอื่น แต่ในใจเราคิดว่า มันจะไม่ยุ่งได้ไง ถ้าคิดตามความจริง เรามารร.เพื่อนฝึกอยู่ในสังคมให้เป็น การเรียนก็เป็นเเค่ส่วนนึงเท่านั้น อันนี้ความคิดเรานะ ตอนที่พูโน้ำตาก็ไหลไปแต่ก็พยายามยิ้ม เพราะไม่อยากให้ใครมาเห็นเราในสภาพแบบนี้ แล้วก็ผ่านไปเรื่อยๆ ครูก็พยายามหากิจกรรมอะไรให้เราทำ ทั้งๆที่เเค่อยากอยู่นิ่งๆบ้าง ไม่ได้รู้สึกสนุกเลย แล้วช่วงเทอมนี้เราหยุดเเบบบ่อยมากกกกกกกก เพื่อนหยุดเราหยุด เพื่อนไม่หยุดเราก็หยุด จนทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเรามาก เกลียดที่สุดคือช่วงวันสอบสามวัน เวลาเรามารร.เราไม่ค่อยชอบนอน ฟุบนอนด้วยเดี๋ยวผมยุ่ง เเล้วเวลาทำข้อสอบเสร็จ เราก็จะนั่งชันศอกมิงโต็ะทั้งที่คนอื่นเขานอนกัน แล้วก็โดนพวกนั้นนินทา พอถึงวันสอบสุดท้ายจริงๆแบบขึ้นม.สามเลย เราก็ฟุบนอนบ้างจะได้ไม่แตกแยกจากเขา
พอถึงวันที่สาม เป็นวันที่ทุกคนกินเลี้ยงฉลองจบกัน พี่ม.สามก็จะแยกย้ายไปทำความความฝัน มีแต่คนร้องไห้ ยกเว้นเราที่ไม่มีอิสระเลย วันจบทั้งที่ ยังโดนแม่กับพี่ด่า เพี่ยงเพราะไม่ให้เราไปกินเลี้ยง ตอนนั้นคิดว่าวันจบทั้งที เราเอาแต่ฟังคำสั่งนั้น คัดควางไม่ให้มีความสุข ตอนที่เาโทรมาเราก็ตัดสายเลย แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเพื่อน เเล้วไปกินบุฟเฟ่กับเพื่อน ตอนนั้นมันช่างมีความสุขเหลือเกิน บราวนี่กับข้าวผัดมื้อนี้อร่อยมาก แต่ยังกินไม่ทันอิ่ม พี่ก็ขับ รถมา พร้อมทำหน้าบึ้งตึง เราก็เดินไม่หาแล้วว่าเราอย่างนู้นอย่างนี้ แล้วบอกให้กลับบ้าน เราเศร้ามาก เลยเดินกลับไปบอกลาเพื่อนแล้วก็เอาจดหมายเล็กๆเกี่ยวกับความทรงจำของพวกเราให้เพื่อน แล้วก็เดินจากความสุขนั้นไป กลับบ้านไปด้วยความที่ตอนนั้นเราคิดได้แล้วว่า ถ้าเราโตไปเรื่อยๆ พวกเขาจะโทรตามเรากลับบ้านแบบนี้ตลอดไปเลยหรอ เราก็มีความคิดนะ รู้ว่าเวลาไหนควรกลับอะไรยังไง ปิดเทอมมาเราก็กลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตอิสระเลย ไม่สนอะไร
ตอนเเรกคิดว่าปิดเทอมจะดีเหมือนทุกครั้ง แต่ไม่เลย เราโดนบังคับไม่ให้ย้ายรร. ทั้งที่ก็เห็นเเล้วว่ารร.นี้มันทำเราเจ็บขนาดไหน แแต่พี่ก็แม่ก็จะพูดว่า
,เพราะเราเป็นอย่างนี้ไง เลยเข้ากับคนอื่นไม่ได้, ตอนนั้นช็อกเลย ทำไมมัยถึงเป็นอย่างนั้น จากนั้นเราก็ไม่สน ไรละ เป็นพ่อแม่พี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดด่าอะไรกับเราก็ได้ เราก็เริ่มด่าพ่อ ด่าแม่ ด่าพี่ อาจฟังดูเลวนะ แต่ทั้งชีวิตที่ทนมานี้มันทรมาณเหลือเกิน ต้องทำตามสิ่ง ๆมาโดยตลอด
ในเมื่อทำให้ทุกคนผิดหวังแล้วจะแคร์ อะไรละ😕ทั้งๆที่ทำให้เด็กคนนึงเป็รแบบนี้ได้ ก็ต้องรับให้ได้ เวลาเราด่าไป เขาก็จะพูดเรื่องบาปบุญคุณโทษ ถ้าเป็นแต่ก่อนเราจะเงียบเเล้ว เเต่เดี๋ยวนี้เราเข้าใจเเล้ว ว่ามันที่เป็นสิ่งที่พวกคนชั้นสูงเเต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อควบคุมคนชั้นต่ำ ได้ง่ายๆ จนกลายเป็นความเชื่อว่าทำดีได้บุญ ทำชั่วได้บาป ทั้งๆที่ทำอะไรแล้วมันไม่ได้อะไรเลย เราก็ทำตัวเละเทะเเบบนี้มาโดยตลอด แล้วก็โดนด่ามาโดยตลอด คำที่ทำให้เรากลายเป็นคนชั่วแบบทุกวันนี้คือ เก่งแต่ในครอบครัว พออยู่กับเพื่อนนี้เป็นหมาหงอยทันที ทำให้เรารู้สึกถึงความเท่าเทียม จึงไม่สนว่าใครเป็นใครเเล้ว
ถึงเราจะดูเลวขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่ทุกคนนอนหลับ เรามักจะร้องไห้ เเละคิดว่าทำไม่ทำอย่างนี้ แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เเล้ว กาลเวลาผ่านไป วันึงเราก็มาช่วยแม่ขายของตามปกติ แล้วพ่อมักชอบกวนตีน ตอนนั้นเราทนไม่ไหว ด้วยสันดานชั่ว เลยด่าออกไปว่าพ่อตาย แล้วใช้กูกับมัน พ่อก็ตบหน้ากุด้วยความโกรธ มันโดนจมูกเจ็บมาก แต่สันดานมันสั่งให้เรายิ้มเยาะเย้ย เเล้วด่ากลับ ตอนนั้นที่โดน เราหันหน้าหันหลังหามีดแต่หาไม่เจอ ถ้าหาเจอนะคงกลายข่าวลูกทรพีฆ่าพ่อชัว แล้วตอนนั้นแม่เห็น แม่รีบเดินมาปกป้องเราอย่างไว ทำให้ตอนนั้นเราคิดว่า คนดีๆอย่างนี้ทำไมถึงมีลูกเลวๆ ตอนนั้นเราคิดจะตายแบบนี้จริงจังเเล้วๆ ใครมาปรอบก็ไม่ทำให้ความคิดเราเปลี่ยน แต่เราก็เสียใจนะ แต่ก่อนเรารักพ่อมากกว่าแม่ เพราะเรากับพ่อสันดานเหมือนกัน แต่พอเห็นเเม่มาปกป้องเราขนาดนี้ อยากจะฆ่าตัวเองทิ้งตรงนั้นเลย ที่แต่ก่อนเกลียดแม่เพราะ ชอบตีเราทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเขา แถมยังชอบพูดว่าพ่อชอบทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ตอนนั้นเราไม่เชื่อ แต่ตอนนี้เชื่อเเล้ว คงกลับไปเปลี่ยนอดีตอะไรไม่ได้แล้วเเหละ พอกลับบ้านมาแม่ถามเราด้วยความเป็นห่วงต่างๆนาๆ แต่เราก็ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์แบบนี้ พอเเม่นอนหลับไปเราก็ร้องหนักมาก เเต่พอเขาตื่นก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แม่ก็ออกไม่ข้างนอกอีกครั้ง
ตอนนั้นเราอยู่คนเดียว เราใช้มีดคัตเตอร์กรีดไปทั่วๆ บีบคอตัวเอง ผูกเชือกรัดคอ เอามีดเเทงตัวเองซ้ำไปซ้ำมา พอถึงตอนที่ทุกคนกลับบ้านมานอนจริงๆ เราก็เหมือนเดิมแหละ นอนร้องไห้ โทษตัวเองหนักมาก ถ้าเราไม่เป็นคนอย่างนี้ ทุกเรื่องมันจะไม่เกิดขึ้น แล้วเราก็เกิดอาการหวาดระแวงทุกคนขึ้นมา เราคิดว่าจะหาซื้อมีดพก เรากลัว พอเผลอนอนหลับไป เราก็ฝันซ้ำๆว่า พ่อเดินถือมีดมาแทงเรา พ่อเดินถือปืนมายิง พ่อเอาค้อนมาทุบ พ่อฆ่าตัวตาย เท่าที่จำได้มันมีเยอะกว่านี้ แต่ตื่นมาวันนี้เราก็ไม่อยากไปเจอหน้าพ่ออีก เลยไม่ปช่วยแม่ขายของวันนี้ เเล้วก็มานั่งพิมกระทู้นี้เนี้ยแหละ
เราคิดว่าเราเป็นโรคจิตไปเเล้ว ทั้งซึมเศร้า หวาดระแวง กลัวสังคม ทั้งที่เเต่ก่อนเวลาว่างเราจะเอาเวลามานั่งวาดรูปฟังเพลง เเต่เดี๋ยวนี้เรากลับมานั้งดูคลิปคนฆ่ากัน ทั้งที่แต่ก่อนกลัวมาก
ที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้มันเกิดจากตัวเราเอง เราทำชีวิตเราเอง ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ไปเเล้ว เราก็จะเฝ้ารอความตายอย่างเดียว ปัญหาทุกอย่างมันจะหมดไปถ้าเราตายไปคนนึง แม่กับพี่ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เมื่อไม่มีเรา ไม่มีภาระ เราก็จะได้มีอิสระในเเบบที่เราต้องการโดยไม่ต้องเดือดร้อนแม่กับพี่และ คนอื่นๆ
ยาวจัง