[CR] ประสบการณ์โควิดเม.ย.2023 กับ 3 โรงพยาบาลเมืองจัน ในวันเดียว

ขอเริ่มต้นด้วยการเล่าอาการของเราและแม่ให้ฟังก่อนนะคะ
วันแรก ตอนกลางคืน เรารู้สึกตัวร้อนๆ ปวดเมื่อยเนื้อตัวมากๆ เหมือนมีไข้
ตี 2 ของวันนั้น แม่ปวดกระดูกและเนื้อตัว มีไข้

วันที่ 2 ยังคงปวดเมื่อยเนื้อตัว หนาว และมีไข้ อากาศร้อนแต่ขนลุก
คืนวันนั้น เริ่มมีอาการเจ็บคอมาก
ส่วนแม่ก็ปวดเมื่อยเนื้อตัว และเริ่มไอ

วันที่ 3 เจ็บคอ คอแดง ตอนเย็นเราและแม่เลยลองตรวจดู ของเราขึ้น t จางๆ ส่วนแม่ t ชัดกว่า c 
ตอนกลางคืนแม่ไอหนักมาก แทบไม่ได้นอนเลย เราตื่นมาดูแม่ตอนตี 3 และไลน์บอกพี่สาวที่อยู่กทม.ให้ไปหาหมอประจำของแม่เพื่อเอายาให้แม่ เนื่องจากรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด รพ.รัฐที่แม่หาประจำที่จันนี่น่าจะหยุด และแม่มีโรคประจำตัวหลายโรคเลยคิดว่าควรปรึกษาหมอประจำตัวดีกว่า

วันที่ 4 มีน้ำมูก และไอนิดหน่อย เรากะจะไปหาหมอ แต่เปลี่ยนใจลองแวะไปดูรพ.รัฐประจำจังหวัดที่แม่หาประจำ ปรากฎว่าเค้ามีให้รับยาถึงเที่ยงวัน เราไปถึงใกล้เที่ยงแล้ว คุณหมอบอกว่าต้องพาแม่มาด้วยจะได้มาตรวจ และวัดค่าออกซิเจน ถ้าทนไหวให้มาใหม่ในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าไม่ไหวให้ไปที่ห้องฉุกเฉินตอนบ่ายโมง เดี๋ยวให้ทางนั้นส่งตัว

#1 รพ.ประจำจังหวัด
เราเห็นว่าแม่ไอเยอะมาก และเค้าอายุ 70 แล้ว มีโรคประจำตัวด้วย เลยรีบกลับมาพาแม่ไปหาหมอที่รพ.รัฐ ประจำจังหวัด 
เราจอดรถตรงห้องฉุกเฉินเพื่อส่งแม่ลง 
เจ้าหน้าที่: เป็นอะไรมา
เรา: โควิดค่ะ 
เจ้าหน้าที่: อย่าลงมา ขึ้นรถไปๆ มาเอายาพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงที่ตึกนู้น 
เรา: ทางนู้นเค้าบอกว่าถ้าไม่ไหวให้มาที่นี่ค่ะ
เจ้าหน้าที่:  ขึ้นรถไปก่อนๆ แล้วเปิดประตูไว้
แม่กลับขึ้นมานั่งบนรถ แล้วพยาบาลผู้ชายก็มาสังเกตอาการแม่ แม่น่าจะเริ่มหายใจถี่เร็ว พยาบาลเลยบอกให้แม่ลงจากรถ
เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนบอกแม่ว่า “เดินมานี่ๆ” ท่าทาหงุดหงิดๆ ส่วนแม่เราที่ตาไม่ดี เพราะจอประสาทตาเสื่อม และเข่าไม่ดี ก็ยืนงงๆ อยู่ ขยับไปไหนไม่ได้เพราะมองแทบไม่ค่อยเห็น เจ้าหน้าที่ก็ตะโกน “เดินมานี่เลยๆ” เราจึงตะโกนบอกไปว่า “เค้ามองไม่เห็นๆ ค่ะ” ไม่รู้น้ำเสียงเราดูเหมือนตะคอกหรือเปล่า แต่ว่าเราตั้งใจตะโกนให้เค้าได้ยิน เพราะเราอยู่ในรถ ใส่แมส 2 ชั้น เจ้าหน้าที่ก็อยู่ห่างออกไปจากรถราว 2-3 เมตร เสียงเครื่องรถก็ดังอีก 
เจ้าหน้าที่หันกลับมาตาถลึงใส่ฉันและบอกว่า: ก็ผมไ่ม่รู้
เรา: (สงสัยเราเหมือนตะคอก) ขอโทษค่ะเรากลัวคุณไม่ได้ยิน

เรารีบไปจอดรถและขึ้นมาหาแม่ เจ้าหน้าที่เข็นแม่มาอยู่หน้าลิฟต์ที่ห่างไกลผู้คน แม่อยู่กับคุณยายอีกคนที่เป็นโควิดเหมือนกัน แม่บอกว่ายายแกหูตึง เจ้าหน้าที่เค้าเข็นรถมาแล้วก็บ่นว่า “อยู่ตรงนี้ไปแหละ ไม่รู้จักดูแลตัวเองกันดีๆ ปล่อยให้ติดโควิด”

เรายืนรอสักพักใหญ่ ยังไม่เห็นมีใครมาถามชื่อ หรือมาบอกอะไรเลย เลยเดินเข้าไปถามพยาบาลตรงห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ผู้หญิง 2 คนหันมาถามฉันว่าคนไข้ชื่ออะไร แล้วหันกลับไปที่คอมพิวเตอร์ น่าจะไปหาชื่อและก็ไม่เจอ เพราะยังไม่ได้ลงทะเบียนใดๆ พอพยาบาลผู้ชายที่รับแม่เข้ามา เจ้าหน้าที่ผู้หญิง 2 คนนั้นก็ถามว่าทำของคนไข้ “ชื่อแม่เรา” หรือยัง “ยัง” เจ้าหน้าที่ผู้หญิง 2 คนพูดพร้อมกัน “อ้าว ทำไมยังไม่ทำอีกอ่ะ” 
พยาบาลผู้ชาย: “ก็ยุ่งอยู่ เดินไปเดินมา ก็ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้ทำ แต่รู้แล้ว เดี๋ยวทำ”
จากนั้นพยาบาลผู้ชายก็เดินไปหาแม่เราพร้อมกับบอกเราว่า 
“คุณต้องรอหน่อยนะ คือถ้าผมเดินไปเดินมา ผมนี่แหละจะกลายเป็นพาหะนำเชื้อโรคไปแพร่ให้คนอื่นๆ อีก”
เราได้แต่ค่ะๆ ขอโทษค่ะ 
(เรารู้สึกผิดที่เป็นตัวเชื้อโรค คือเราก็พยายามดูแลตัวเอง ใส่แมสก์ ฉีดแอลกอฮอล์เวลาไปข้างนอก ล้างมือ แต่มันติดจากไหน เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน และที่เดินมาถามเจ้าหน้าที่ ก็เพราะไม่มีใครบอกอะไรแม่เราหรือเราเลยว่าต้องทำยังไงต่อ ต้องติดต่อตรงไหนไหม หรือต้องรออะไร)
พยาบาลวัดค่าออกซิเจน และความดัน แล้วบอกว่า “หายใจเร็วนิดนึง กลับบ้านไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยมารับยาก่อนเที่ยง หลังเที่ยงเค้าปิดแล้ว แต่ว่าคุณคอยสังเกตอาการด้วย ถ้าหายใจเร็วเกินกว่า 30 ครั้งต่อนาที หรือมีอะไรฉุกเฉินก็โทร. 1669”

เราพาแม่กลับบ้าน ในขณะที่พี่สาวของเราไปหาหมอประจำของแม่ที่รพ.ในกทม.
หมอประจำกล่าวหลังจากที่พี่สาวบอกเรื่องที่ฉันเล่าข้างต้นให้หมอฟัง “อะไรกัน ทำไมคุณป้าไม่ได้เจอหมอ คุณป้าเค้าเป็นกลุ่มเสี่ยงนะ มีโรคประจำตัวด้วย ไปโรงพยาบาลอะไรมาเนี่ย ทำไมเค้าไม่มีหมอเลยหรอ หมอยังไม่จ่ายยาให้คุณป้าหรอกนะ เพราะคุณป้าต้องไปหาหมอ ต้องเอกซเรย์ปอดนะ ลองไปรพ.เอกชนที่จันก็ได้ ถ้าไม่ได้ยังไงให้รีบขึ้นมาหาหมอ”

#2 ฉันกับรพ.เอกชนใกล้ห้างดัง
ระหว่างที่พี่สาวไปหาหมอประจำของแม่ที่กทม. ฉันก็ไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่แถวห้างดังในจันทบุรี เผื่อว่าจะขอยาให้แม่ได้ด้วย (ไม่ได้พาแม่มาด้วย เพราะแม่อยากพัก และเราก็ไม่อยากให้เค้าออกมาเจอคนเยอะๆ เค้าไอเยอะ)
ที่เต็นท์ตรวจโควิดหน้ารพ. โต๊ะแรกเป็นโต๊ะวัดความดัน มีเจ้าหน้าที่เรียกคนไข้วัดความดันอยู่ โต๊ะที่สองที่อยู่ถัดไปเป็นโต๊ะลงทะเบียน ฉันเดินเข้าไปในเต็นท์
เจ้าหน้าที่: นั่งแล้วรอเรียกเลยค่ะ
(เราคิดในใจ คือคุณพยาบาลเค้าเห็นหน้าเราแล้วจะรู้เลยหรอว่าเราชื่ออะไร หรือเค้ามีระบบสแกนหน้าดึงช้อมูล ไม่น่าใช่ เห็นเรียกจากกระดาษ พอไปถามคุณพยาบาล คุณพยาบาลก็พูดเหมือนเดิม เราเลยบอกว่าแต่เรายังไม่ได้แจ้งชื่อหรืออะไรเลยนะคะ คุณพยาบาลถาม “ลงทะเบียนหรือยังคะ ถ้ายัง ลงทะเบียนก่อนค่ะ”)
จริงๆ ตอนแรกฉันก็มายืนแถวๆ โต๊ะลงทะเบียนแล้ว แต่พยาบาลก็บอกว่า "ไปนั่งรอก่อนค่ะๆ"​ ฉันแอบนึกในใจระหว่างรอคิวลงทะเบียนว่าทำไม โต๊ะลงทะเบียนมันอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ถัดจากโต๊ะวัดความดันหว่า มันน่าจะมาถึงแล้วลงทะเบียนก่อนค่อยวัดความดันนินา
 
ลงทะเบียนเสร็จ รอสักพัก เจ้าหน้าที่พาไปตาวจ ATK แหย่จมูก 
“ของคนไข้ขึ้นตัว T แบบนี้ ก็แสดงว่าติดแหละนะคะ ไม่ต้องรอขึ้นตัว C ก็ได้ คนไข้ต้องการเอกซเรย์ปอดไหมคะ”
ฉัน: จำเป็นต้องเอกซเรย์ไหมคะ
พยาบาล: งั้นเดียวลองคุยกับคุณหมอก็ได้นะคะ

หมอนั่งอยู่ที่โต๊ะในเต็นท์โอเพ่นแอร์ซึ่งมีคอกพลาสติกใสกั้น ระยะห่างของฉันกับหมอประมาณหนึ่งช่วงแขนบวกๆ หมอถามว่าฉีดวัคซีนมากี่เข็มแล้ว และพูดอะไรบ้างก็ไม่รู้ แทบไม่ค่อยได้ยินเพราะหมอพูดเบาและใส่แมสด้วย เท่าที่ได้ยินคือ “เหมือนสายพันธุ์ใหม่นะเนี่ย ตามันจะเชื่อมๆ และเจ็บคอแบบนี้แหละ เดี๋ยวเอายาไปกิน อย่าไปกินกับฟ้าทะลายโจรนะ เดี๋ยวตับอักเสบ เจ็บคอใช่ไหม เอายาไปพ่นไหม” ฉันพยักหน้า แล้วฉันก็ได้ยา
1. โมลนูพิราเวียร์ 1 กระปุก 40 เม็ด 
2. สเปรย์ดิฟฟลิส 15 ml.
ราคาทั้งหมด 3,791 บาท!!!
โอนจ่ายและได้ใบเสร็จมาเฉพาะส่วนเกินจากประกันที่ต้องจ่ายเองเกือบ 1,500 บาท เลยไม่รู้ค่าอะไรเป็นค่าอะไรบ้าง

#3 ฉัน แม่ ที่รพ.เอกชนชื่อดัง มีสาขาทั่วประเทศ
ฉันกลับมาบ้าน พาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลหลักเมือง
เราต้องเข้าไปลงทะเบียนก่อนในตึกของ รพ. ก่อนเดินกลับออกมาที่เต็นท์โควิดอีกครั้ง
พยาบาลถามว่า “หากอายุมากกว่า 60 (หรือ 65 ฟังไม่ถนัด) คุณหมอจะแนะนำให้เจาะเลือดตรวจน้ำตาล และค่าตับ อะไรอย่างนี้ด้วยค่ะ ค่าแลปประมาณ 2 พันบาท จะตรวจด้วยเลยไหมคะ
ฉัน: ตรวจก็ได้ค่ะ
หลังจากนั้นพยาบาลก็แต่งตัวป้องกันเต็มยศมาเจาะเลือดแม่ นั่งรออีกสักพักใหญ่ พยาบาลก็มาตามแม่ไปเอกซเรย์ปอด เสร็จแล้วเราก็มานั่งรอหมอ รอนานใช้ได้ พอถึงคิว ฉันพาแม่เดินเข้าไปในห้องแอร์ซึ่งอยู่ในโซนเต็นท์โควิดด้านหน้ารพ.นั่นแหละ หมอกับเราอยู่คนละห้องกัน มีห้องกระจกกั้น แต่เสียงหมอดังฟังชัดด้วยไมโครโฟนที่ต่อลำโพงมาไว้ที่ห้องที่เราอยู่ กลางกระจกที่กั้นระหว่างหมอกับคนไข้มีรูเป็นถุงมือพลาสติกใหญ่ๆ ที่หมอสามารถเอื้อมมาจับคนไข้ผ่านถุงมือพลาสติกนั้นได้ 
หมอ: หมอดีใจที่เห็นผลเอกซเรย์และผลเลือดดีแบบนี้นะคะ ทุกอย่างดีหมดเลย ยกเว้นเกล็ดเลือดที่ดูจะต่ำกว่าปกติ มีทานยาอะไรอยู่บ้างไหมคะ
เราบอกรายละเอียดหมอไป และหมอก็ถามว่าแพ้ยาอะไรบ้าง กินยาอะไรอยู่บ้าง มีอาการยังไงบ้าง หมอจดรายละเอียดลงในคอม 
หมอยังให้แม่อ้าปากดูคอ และยังใช้หูฟัง ฟังเสียหัวใจแม่ด้วย
ยาที่แม่ได้รับ
1. Molnupiravir 40 เม็ด 
2. บาคามอล (แก้ปวด ลดไข้) 2 แผง
3. โคเดอีน แก้ไอ 20 เม็ด
4. ซูโดเอฟรีดิน แก้แน่นจมูก คัดจมูก 28 เม็ด
ราคาทั้งหมด 4,874 บาท
ได้ยาเพียบ ได้ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอดด้วย 
รู้สึกดีใจที่พาแม่มารพ.นี้ 

หลังจากหาหมอแล้ว ก็ยังมีอาการไอ น้ำมูก เพลีย ส่วนแม่ก็ดีขึ้นเช่นกัน แต่ว่ามีผื่นขึ้นด้วย แต่โดยรวมคือดีขึ้นเยอะมาก 

เราอยากมาแชร์ประสบการณ์เผื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของคนจันที่อาจจะติดโควิดแล้วอยากไปรพ. แต่ละที่ก็มีวิธีการดูแลคนไข้ และวิธีการจัดการที่ต่างกันไป ขอให้ทุกคนแข็งแรง ปลอดภัยค้า
ชื่อสินค้า:   โรงพยาบาลเมืองจันทบุรี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่