จากที่ช่วงนี้กำลังจะเลือกตั้ง ปี 66 ผมเห็นพรรคนึง มีนโยบายเลิกเกณฑ์ทหาร เลยอยากเล่าชีวิตทหาร อยากรีวิวให้รู้กัน เพื่อประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลด้านนี้ด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า ผมเรียน ป.ตรี หลักสูตร 4 ปี และผมเริ่มเรียนปี 60 และ (รหัส 60) ผมเรียนจบปี 64 (จบปกติตามหลักสูตร ไม่ช้ากว่ากำหนด) ก่อนหน้านี้ ผมก็ไปรับ สด.9 ตามกำหนดการณ์ และแสดงตัวผ่อนผันเรื่อยมา จนกระทั่งเรียนจบ
ในระหว่างที่ผมจะจบการศึกษา (ช่วงปลายเดือน ก.พ.64 ฝึกงานเดือนสุดท้าย ) ผมสอบถามสัสดีอำเภอ เกี่ยวกับการสละสิทธิ์ผ่อนผัน เพื่อที่จะรับการตรวจเลือกในรอบเมษายนที่จะมาถึง และสัสดีให้เตรียมเอกสารดังนี้
1.หนังสือรับรองการจบการศึกษาจาก ม.
2.วุฒิการศึกษารับุวันจบ
3.บัตร ปปช. ฉบับจริง
4.ทะเบียนบ้านฉบับจริง
5.สด.9
พอฝึกงานเสร็จประมาณปลายเดือน ก.พ.64 ผมก็ไปที่สัสดี และสอบถามว่าผมจับปีนี้ได้มั้ย จบป.ตรีมา เขาบอกว่า สระสิทธิ์ได้นะ แต่ถ้าได้ใบแดง น้องต้องได้เป็น 2 ปีเหมือนเดิม เพราะน้องยังไม่ได้วุฒิระบุวันจบมา ซึ่งกว่าจะได้วุฒิระบุวันจบก็น่าจะกลางเดือน เมษายน 64 ซึ่งอำเภอผมคัดเลือกทหารวันที่ 2 เมษายน แปลว่า วุฒิผมจะมาไม่ทันวันที่ 2 แค่ไม่กี่อาทิตย์ (ย้ำนะครับ ผมเรียนตามปกติ ไม่ช้ากว่ากำหนด จบตามหลักสูตรปกติ 4 ปี) หลังจากที่ว่า ยังไงวุฒิก็มาไม่ทัน ผมเลยผ่อนผันไปอีก 1 ปี
สรุปว่า วุฒิผมระบุวันที่จบ 16 เม.ย.64 และผมจบแล้วแต่ต้องผ่อนผันไปอีก 1 ปี ฟรีๆ เพราะกลัวจับได้ใบแดง วุฒิที่เรียนมาจะไม่มีความหมาย และตอนนี้ ผมเรียนจบแล้ว แต่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร ทำให้หลายบริษัท ไม่ค่อยอยากรับทำงาน เนื่องจากยังไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร แต่ก็มีบางบริษัทที่รับทำงาน แต่ก็ได้เงินเดือนที่น้อย ไม่สมกับความสามารถที่เราทำได้ เพียงเพราะคำว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร" (ที่ฝึกงานก่อนจะจบ ผมก็สอบข้อกาเรียบร้อยคุยเงินเดือนสวัสดิการจะทำงานต่อ แต่สุดท้ายก็ทำต่อไม่ได้ HR โทรมาบอกว่าอยากรับนะ แต่ รับไม่ได้เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร) แต่ยังดีที่ ที่บ้านมีธุรกิจเล็กๆ ช่วงหนึ่งปีที่รอจับใบดำใบแดง ผมก็มาช่วยงานที่บ้าน พอมีรายได้นิดหน่อย สรุปช่วงนี้ เสียเวลา 1 ปี รอจับปีหน้า
//เกร็ดความรู้ครับ ถ้าคุณเรียนจบต้องแจ้งจบการศึกษาที่สัสดีอำเภอภายใน30วัน ถ้าช้ากว่านี้จะมีค่าปรับครับ จำไม่ได้เท่าไหร่ แต่หลักร้อยนี่แหละ
ต่อมา พอถึง เม.ย.65 ผมมีวุฒิระบุวันจบเรียบร้อย และผมจับได้ใบแดง ทบ.2 (เรียกเข้าค่ายทหารคือ 1 พ.ย.65 เวลาเรียกเข้าค่ายทหารของแต่ละผลัดมีข้อมูลอยู่ครับลองหาดูตามเว็บได้เลย ทบ.มี 2 ผลัด ทร.มี 4 ผลัด ประมาณนี้) สรุปปีนี้ผมต้องเสียเวลาอีกประมาณ 6 เดือน(เม.ย.-พ.ย).เพื่อรอเรียกเข้าประจำการตามสังกัดทหารที่จับได้
//เกร็ดความรู้นิดหน่อยครับ หลังจากที่เราจับได้ใบแดง ทบ.2 จะได้หมายให้มารายงานตัวที่สัสอำเภอ 27 ต.ค.เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าค่ายทหาร ก็ให้เรามาตามหมายที่ได้ของแต่ละผลัดครับ
พอวันที่ 27 ผมก็ไปรายงานตัวตามเขาบอก วันนี้สัสดีเขานัดเราไป เเนะนำเราเกี่ยวกับการเตรียมตัว ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ขึ้นรถเวลาเท่าไหร่ ต้องตัดผมยังไง เอกสารที่ต้องเตรียม ฯลฯ
วันที่ 1 พ.ย. ตามหมาย ผมก็มาขึ้นรถที่ ที่ว่าการอำเภอกับคนอื่นๆ เพื่อที่จะไปที่ตัวจังหวัด(ทหารเรือและทหารอากาศ ไม่มีเงินค่าเดินทางให้หรือรถที่จะมารับก็ไม่มี ต้องนั่งรถส่วนตัวสัสดี เลยขอเก็บค่าน้ำมันคนละ 50฿ เพื่อไปค่ายทหารตัวจังหวัด ส่วน ทบ.มีรถมารับและค่าเดินทาง 100฿/คน) ภาพบรรยากาศตอนนี้คือ คนเยอะแยะ มาส่งญาติของตัวเองขึ้นรถบัส ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่แก่ชรา มาส่งลูกชาย แฟนมาส่งแฟน แม้แต่ภรรยากับลูกน้อยไม่กี่เดือน ก็อุ้มมาส่งพ่อขึ้นรถ เพื่อไปเป็นทหาร ผมนั่งริมหน้าต่าง ผมจำภาพเหล่านั้นได้ดีครับ เป็นช่วงเวลาที่มีแต่น้ำตา น้ำตาของภรรยาที่กำลังอุ้มลูกน้อย โบกมือลาพ่อ ภาพแม่กับหลานโบกมือลารถ หลายคนร้องไห้ส่ง ตอนนั้นบรรยากาศบนรถเงียบมากครับ แต่ละคนลุ้น ไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรกับสิ่งที่ไม่เคยเจอ และได้ยินมาว่าหนัก หลายคนก็กังวล และพอเดินทางไปถึงค่ายทหารจังหวัด ก็จะคัดกรองโรค และ แยกขึ้นรถตาม มทบ.ที่ตัวเองจับได้ ใช้เวลา เช้าถึงเที่ยง พอบ่ายก็แยก มทบ.เรียบร้อย และเริ่มออกเดินทางจากตัวหวัดตัวเอง ไปยัง มทบ.ที่จับได้ ตามรถที่เขาจัดมารับ พอช่วงเย็นก็ถึง มทบ.ที่ผมจับได้ พอดีเขาก็จะคัดกรองโรคและแยกไปตามหน่วยที่ตัวเองได้(เขาจะเลือกมาแล้ว เช่น หน่วย ช., สห., พธ.,ลว. เป็นต้น ) แยกตามหน่วยเรียบร้อย ก็จะรวมกันขึ้นรถไปยังหน่วยฝึกทหารใหม่ของตัวเอง ที่อยู่ในค่ายนั่นแหละครับ ระหว่างนี้ บางคนก็รีบดูดบุหรี่เลยครับ มีเท่าไหร่ดูดเกือบหมด บางคนดูดหมดเป็นซอง เพราะเขาบอกว่า ไปถึงหน่วยฝึกจะไม่ให้ดูดดแล้ว
พอผมไปถึงหน่วยฝึกก็ค่ำพอดี สิ่งแรกที่ทำคือ รับป้ายกลุ่ม จะมีกลุ่ม A,B,C ไปเรื่อยๆ กลุ่มละ 8 คน มีหมายเลขสำหรับแต่ละคน เป็นป้ายให้ เช่น A1 , C7 ไรงี้ จากนั้นก็ถอดชุดและเครื่องประดับทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่างครับ ไม่เหลืออะไรในตัว แม้กระทั่งกางเกงใน ของทุกอย่างที่เตรียมมา ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา โทรศัพท์ ปลั๊กไฟ ครีมกันแดด นั่นนู้นนี่ เขาจะเก็บไว้หมดครับ ฝึกเสร็จค่อยจะแจกของคืน พอถอดออกหมดแล้ว ฝากของแล้ว เขาก็จะให้ของ ทบ.ที่เตรียมไว้ พวกชุดนั่นนี่ที่ใหญ่เหมือนผ้าห่ม กางเกงในที่ใส่แล้วแต่ไม่รัดอะไรเลยเพราะใหญ่มาก เครื่องนอน เทป เข็มกลัด มีดตัดเล็บ ขันอาบน้ำ สบู่ แปรงสีฟัน ของใช้ต่างๆนาๆครับ (บอกไว้ก่อนว่า ไม่มีของฟรีใน ทบ.) พอแจกของเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็แยกย้ายเข้าโรงนอน ประจำเตียงตัวเอง แต่ละกลุ่มจะมีครูทหารใหม่(พลทหารผลัดที่เข้ามาก่อน)และครูนายสิบ(นายสิบประจำกลุ่ม) คอยดูแลครับ แล้วแต่ว่ากลุ่มไหนครูประจำกลุ่มจะเป็นยังไง
เอาล่ะครับ ต่อจากนี้เป็นช่วงฝึกทหารใหม่แล้ว เขาจะเริ่มจากฝึกเบาไปหาเข้มข้น ผมจะแบ่งเป็นช่วงคร่าวๆดังนี้นะครับ
สัปดาห์ที่ 1 ช่วงกักตัว ฝึกพื้นฐานครับ เช่น ซ้ายหัน ขวาหัน ระเบียบเเถว
สัปดาห์ที่ 2 ยังฝึกท่าแถวชิดอยู่ การเข้าแถว การเดินแบบนั้นนี่ การเรียกแถว
สัปดาห์ที่ 3 เริ่มฝึกท่าอาวุธปืน การถอดประกอบ การฝึกแถวแบบมีอาวุธ(ปวดแขนเป็นบ้า อย่าคิดว่าสนุก) และเริ่มมีการฝึกท่าใช้อาวุธ เช่น ท่าแทงปืน ท่าขว้างลูกละเบิด และสัปดาห์นี้ เปิดให้ญาติเยี่ยมครับ
ช่วงนี้ ทุกคนจะคิดถึงบ้านแบบสุดครับ ทุกครั้งที่เหนื่อย ครูฝึกเขาจะเอาคำว่า เดี๋ยวก็ถึงวันญาติเยี่ยมแล้วมาอ้างให้มีกำลังใจ
ปล.ในห้วงการฝึกทหารใหม่ จะไม่ได้ใช้เงินเลยนะครับ เพราะงั้นอยสกกินอะไรก็ไม่ได้กิน ได้แค่ข้าวจากโรงเลี้ยง ที่มีผักทุกเมนูส่วนเนื้อก็มีแต่วิญญาณ ตามวลีที่ว่า ผัก 1 ไร่ ไก่ 1 โล แถมไก่ ก็เป็นแค่โครงไก่นะครับ เราก็ได้กินแค่นี้ บางทีมีการแอบเก็บขนมไว้กินด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอ การซ่อนขนมดชิ้นเล็กๆกินแอบกินเหมือนเด็ก แต่บางวันก็จะมี PX บริการครับ PX คือร้านขายขนม ที่มีแค่ 2-3 อย่าง ที่ผู้ฝึกเอามาขาย และให้ซื้อได้แค่ที่นี่เท่านั้น เขาจะมีบัญชีลงไว้ ว่าใครกินเท่าไหร่ แล้วฝึกเสร็จจะหักเอาเงินทีหลังครับ ส่วนราคาก็บวกเพิ่มจากปกติครับ เช่น นมแล็คตาซอย 300 มม. จากปกติข้างนอก 10฿ เขาจะขาย 15฿ พวกลูกชิ้น 12 ลูก 20฿ ขนมปังที่ซื้อตามร้านขายของชำอันละ 5฿ เขาก็จะมาขาย 10฿ ครับ มีแค่ นมแล็คตาซอย ลูกชิ้น และขนมปังที่ว่า แค่นั้นครับ กินแบบนั้นพอแก้ขัด แต่ในระหว่างฝึกนี้ พวกครูทหารใหม่ก็จะแอบเอาเข้ามาขายเรื่อยๆครับ ก็แอบซื้อกันไป แต่ราคาแพงมากกว่าปกติเยอะ พอถึงวันญาติเยี่ยมก็เป็นเรื่องปหติ ที่จะเห็นทหารบางคนร้องไห้ ต่อให้อาหารที่ญาติเอามาจะอร่อยแค่ไหน ทหารใหม่เกือบทุกคนก็จะกินไม่ลง ผมคือหนึ่งในนั้นครับ และทุกคนเป็นเหมือนกัน
สัปดาห์ที่ 4 ฝึกยุทธวิธี การยิงประกบคู่(ยิงปากนะ พูดเอา ปั้งๆๆ) ฝึกท่ายิ่ง นั้งยิง นอนยิง ต่างๆ ฝึกคลานต่ำ สูง แผนที่เข็มทิศ การจู่โจมแบบหมู่ ป้อมสนาม การพลาง การดำรงชีพในป่า ประมาณนี้ครับ
สัปดาห์ที่ 5 ทบทวนการเข้าแนวยิง และการยิงปืนด้วยกระสุนจริง และการตรวจสอบที่ฝึกมา (จะมีกรรมการมาตรวจสอบว่า โดยรวมฝึกผ่านมั้ย ถ้าไม่ผ่านต้องฝึกใหม่หมดครับ แต่ส่วนมากจะผ่านหมด
)
สัปดาห์ที่ 6 หลังจากยิงปืนด้วยกระสุนจริงเสร็จแล้ว ก็มาเดินทางไกลครับ สัปดาห์นี้จะเตรียมตัวเดินทางไกล และซ้อมสวนสนาม (ทบ.2 จะได้สวนสนามด้วยครับ ในวันกองทัพไทย 18 ม.ค.ของทุกปี แต่ ทบ.1 จะไม่ได้สวนสนาม เนื่องจากเข้ามาหลังวันกองทัพไทย) สัปดาห์นี้เดินทางไกล เข้าค่ายพักแรม หลังจากเดินทางไกลเสร็จก็จะคืนพวกของใช้เดินทางไกล เช่น เต็นท์สนาม ร็อคแซ็ก ต่างๆ แล้วย้ายของนอนแบบหน่วยครับ (ตั้งแต่เริ่มฝึกมา เขาจะนอนตามกลุ่มที่บอกครับ A B C แต่ละกลุ่มจะมีทหารจากกองร้อยอื่นอยู่ด้วย เพราะหน่วยฝึกทหารใหม่จะฝึกทหารที่มาจาก 1-4 กองร้อย เช่น ทหารสื่อสาร ทหารปืน ทหารพลาธิการ ฯลฯ )
สัปดาห์ที่ 7 ฝึกสวนสนามและแยกฝึกเฉพาะทางของแต่ละกองร้อยครับ เช่น กองร้อยทหารปืน ก็จะฝึกปืน กองร้อยทหารสื่อสาร ก็จะฝึกวิทยุ สัปดาห์นี้จะแจกของคืน จำได้มั้ยครับ ของที่มาวันแรกเขายึดเก็บไว้หน่ะ ตอนนี้จะแยกฝึกเฉพาะกองร้อย เขาจะแจกคืน ให้กองร้อยเป็นคนจัดการเองแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับกองร้อยตัวเอง ว่าจะอนุญาตให้ทาครีมได้ หรือพกโทรศัพท์ได้ดูดบุหรี่ได้ ไรงี้ครับ
สัปดาห์ที่ 8 สัปดาห์นี้ผมลืมครับ เพราะขี้เกียจเขียนลงสมุดแล้ว แต่เท่าที่จำได้คือ ฝึกมวยครับ มวยไทย ลูกไม้มวยไทย แม่ไม้มวยไทย
ปล.ในระหว่างการฝึกทหารใหม่ มีบทลงโทษและกิจกรรมต่างๆนาๆอยู่เสมอครับ ผมนึกว่าในปี 65 จะไม่มีแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ แต่เผยแพร่ไม่ได้แค่นั้นเอง เนื่องจากทหารใหม่ไม่มีโทรศัพท์ มีหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นโดดบ่อขี้ เล่นคว* ดึงคว*กันอาบน้ำ บทลงโทษที่ไร้สาระ ตามความพอใจของเขา มันมีหมดจริงๆ แต่ขอไม่พูดถึงมากครับ
ครับ จากที่ฝึกมาครบ 8 สัปดาห์แล้ว หน่วยฝึกทหารใหม่ ก็ปล่อยกลับบ้านครั้งแรก 10 วัน
10 วันผ่านไป พอกลับมาจากบ้านแล้วก็แยกขึ้นกองร้อยตัวเอง แล้วก็ฝึกสวนสนาม 2 สัปดาห์ และสวนสนามจริงในที่กิงทัพไทย จากนั้นก็รอฝึกภาคกองร้อยอีกที ชีวิตในกองร้อยก็ตาม รปจ.ครับ(ระเบียบประจำวัน) ตื่น ออกกำลังกาย กินข้าว จ่ายงาน พักเที่ยง ทำงาน เย็นออกกำลังกาย กินข้าว อาบน้ำ นอน ประมาณนี้ในแต่ละวัน งานแต่ละวันก็แล้วแต่สิบเวรเขาจะสั่ง ตัดหญ้ามั่ง ไปช่วยงานนั่นนี่มั่ง ขอไม่ลงรายละเอียดครับ
_______________________________
สรุปรีวิวครับ ผมเสียเวลาชีวิตจากเรียนจบ 1 ปี สำหรับการผ่อนผันรอคัดเลือก 6 เดือน สำหรับรอกำหนดเรียกตัว และ 1 ปี สำหรับเวลาประจำการ รวมๆแล้ว 2 ปีครึ่ง อันนี้ไม่รวมเวลาย่อยๆที่ต้องตามเอกสารตอนเรียน ต้องมาผ่อนผันเรื่อยๆ เสียทั้งเวลา ทั้งค่าเดินทางจากมหาลัยกลับมาที่อำเภอตามภูมิลำเนา ตอนนี้ผมอายุ 25 ยังเป็นทหาร กว่าจะปลด กว่าจะไปหางาน น่าจะ 27-28 ผมมีภาระคือ หนี้ กยศ.หลักแสน ที่ต้องจ่ายแล้วเพราะถึงกำหนด แต่เงินเดือนทหาร 7000 บาท ผมบอกตรงนี้เลยว่า มันไม่พอครับ จะซื้อน้ำปั้นกินแก้วละ 30 บาท ยังคิดแล้วคิดอีก ขนาดประหยัดขนาดนี้ยังไม่พอ และอายุ เกือบจะ 30 ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานวิชาชีพเลย ออกไปก็ต้องหางานอีก ทั้งๆที่อายุจ่อเข้า30แล้ว ตอนนี้เพื่อนผมที่ไม่ติดทหาร ไม่เสียเวลาตรงนี้ เขาไปไกลแล้วครับ เขาใช้หนี้ กยศ.จะหมดแล้ว เขาซื้อรถแล้ว ผมไม่เปรียบเทียบว่าผมด้อยกว่าใคร แต่ผมพูดคือ ผมพลาดหลายโอกาสที่จะเติบโต และเริ่มเดินทางตามชีวิตผมที่วางแผนไว้ แต่ต้องมาเสียเวลากับใบแดง ซึ่งผมมองว่า มันแย่สำหรับผม
ปล.ทหารใหม่เยอะมาก แต่ผมไม่เห็นคนรวยในหมู่ทหารเกณฑ์ผลัดผมเลยครับ
สุดท้ายแล้ว ก็แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละคนครับ ว่าควรหรือไม่ควรยังไง กับการเกณฑ์ทหารนี้...
รีวิวทหารเกณฑ์
เรื่องมีอยู่ว่า ผมเรียน ป.ตรี หลักสูตร 4 ปี และผมเริ่มเรียนปี 60 และ (รหัส 60) ผมเรียนจบปี 64 (จบปกติตามหลักสูตร ไม่ช้ากว่ากำหนด) ก่อนหน้านี้ ผมก็ไปรับ สด.9 ตามกำหนดการณ์ และแสดงตัวผ่อนผันเรื่อยมา จนกระทั่งเรียนจบ
ในระหว่างที่ผมจะจบการศึกษา (ช่วงปลายเดือน ก.พ.64 ฝึกงานเดือนสุดท้าย ) ผมสอบถามสัสดีอำเภอ เกี่ยวกับการสละสิทธิ์ผ่อนผัน เพื่อที่จะรับการตรวจเลือกในรอบเมษายนที่จะมาถึง และสัสดีให้เตรียมเอกสารดังนี้
1.หนังสือรับรองการจบการศึกษาจาก ม.
2.วุฒิการศึกษารับุวันจบ
3.บัตร ปปช. ฉบับจริง
4.ทะเบียนบ้านฉบับจริง
5.สด.9
พอฝึกงานเสร็จประมาณปลายเดือน ก.พ.64 ผมก็ไปที่สัสดี และสอบถามว่าผมจับปีนี้ได้มั้ย จบป.ตรีมา เขาบอกว่า สระสิทธิ์ได้นะ แต่ถ้าได้ใบแดง น้องต้องได้เป็น 2 ปีเหมือนเดิม เพราะน้องยังไม่ได้วุฒิระบุวันจบมา ซึ่งกว่าจะได้วุฒิระบุวันจบก็น่าจะกลางเดือน เมษายน 64 ซึ่งอำเภอผมคัดเลือกทหารวันที่ 2 เมษายน แปลว่า วุฒิผมจะมาไม่ทันวันที่ 2 แค่ไม่กี่อาทิตย์ (ย้ำนะครับ ผมเรียนตามปกติ ไม่ช้ากว่ากำหนด จบตามหลักสูตรปกติ 4 ปี) หลังจากที่ว่า ยังไงวุฒิก็มาไม่ทัน ผมเลยผ่อนผันไปอีก 1 ปี
สรุปว่า วุฒิผมระบุวันที่จบ 16 เม.ย.64 และผมจบแล้วแต่ต้องผ่อนผันไปอีก 1 ปี ฟรีๆ เพราะกลัวจับได้ใบแดง วุฒิที่เรียนมาจะไม่มีความหมาย และตอนนี้ ผมเรียนจบแล้ว แต่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร ทำให้หลายบริษัท ไม่ค่อยอยากรับทำงาน เนื่องจากยังไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร แต่ก็มีบางบริษัทที่รับทำงาน แต่ก็ได้เงินเดือนที่น้อย ไม่สมกับความสามารถที่เราทำได้ เพียงเพราะคำว่า "ไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร" (ที่ฝึกงานก่อนจะจบ ผมก็สอบข้อกาเรียบร้อยคุยเงินเดือนสวัสดิการจะทำงานต่อ แต่สุดท้ายก็ทำต่อไม่ได้ HR โทรมาบอกว่าอยากรับนะ แต่ รับไม่ได้เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ทหาร) แต่ยังดีที่ ที่บ้านมีธุรกิจเล็กๆ ช่วงหนึ่งปีที่รอจับใบดำใบแดง ผมก็มาช่วยงานที่บ้าน พอมีรายได้นิดหน่อย สรุปช่วงนี้ เสียเวลา 1 ปี รอจับปีหน้า
//เกร็ดความรู้ครับ ถ้าคุณเรียนจบต้องแจ้งจบการศึกษาที่สัสดีอำเภอภายใน30วัน ถ้าช้ากว่านี้จะมีค่าปรับครับ จำไม่ได้เท่าไหร่ แต่หลักร้อยนี่แหละ
ต่อมา พอถึง เม.ย.65 ผมมีวุฒิระบุวันจบเรียบร้อย และผมจับได้ใบแดง ทบ.2 (เรียกเข้าค่ายทหารคือ 1 พ.ย.65 เวลาเรียกเข้าค่ายทหารของแต่ละผลัดมีข้อมูลอยู่ครับลองหาดูตามเว็บได้เลย ทบ.มี 2 ผลัด ทร.มี 4 ผลัด ประมาณนี้) สรุปปีนี้ผมต้องเสียเวลาอีกประมาณ 6 เดือน(เม.ย.-พ.ย).เพื่อรอเรียกเข้าประจำการตามสังกัดทหารที่จับได้
//เกร็ดความรู้นิดหน่อยครับ หลังจากที่เราจับได้ใบแดง ทบ.2 จะได้หมายให้มารายงานตัวที่สัสอำเภอ 27 ต.ค.เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าค่ายทหาร ก็ให้เรามาตามหมายที่ได้ของแต่ละผลัดครับ
พอวันที่ 27 ผมก็ไปรายงานตัวตามเขาบอก วันนี้สัสดีเขานัดเราไป เเนะนำเราเกี่ยวกับการเตรียมตัว ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ขึ้นรถเวลาเท่าไหร่ ต้องตัดผมยังไง เอกสารที่ต้องเตรียม ฯลฯ
วันที่ 1 พ.ย. ตามหมาย ผมก็มาขึ้นรถที่ ที่ว่าการอำเภอกับคนอื่นๆ เพื่อที่จะไปที่ตัวจังหวัด(ทหารเรือและทหารอากาศ ไม่มีเงินค่าเดินทางให้หรือรถที่จะมารับก็ไม่มี ต้องนั่งรถส่วนตัวสัสดี เลยขอเก็บค่าน้ำมันคนละ 50฿ เพื่อไปค่ายทหารตัวจังหวัด ส่วน ทบ.มีรถมารับและค่าเดินทาง 100฿/คน) ภาพบรรยากาศตอนนี้คือ คนเยอะแยะ มาส่งญาติของตัวเองขึ้นรถบัส ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่แก่ชรา มาส่งลูกชาย แฟนมาส่งแฟน แม้แต่ภรรยากับลูกน้อยไม่กี่เดือน ก็อุ้มมาส่งพ่อขึ้นรถ เพื่อไปเป็นทหาร ผมนั่งริมหน้าต่าง ผมจำภาพเหล่านั้นได้ดีครับ เป็นช่วงเวลาที่มีแต่น้ำตา น้ำตาของภรรยาที่กำลังอุ้มลูกน้อย โบกมือลาพ่อ ภาพแม่กับหลานโบกมือลารถ หลายคนร้องไห้ส่ง ตอนนั้นบรรยากาศบนรถเงียบมากครับ แต่ละคนลุ้น ไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรกับสิ่งที่ไม่เคยเจอ และได้ยินมาว่าหนัก หลายคนก็กังวล และพอเดินทางไปถึงค่ายทหารจังหวัด ก็จะคัดกรองโรค และ แยกขึ้นรถตาม มทบ.ที่ตัวเองจับได้ ใช้เวลา เช้าถึงเที่ยง พอบ่ายก็แยก มทบ.เรียบร้อย และเริ่มออกเดินทางจากตัวหวัดตัวเอง ไปยัง มทบ.ที่จับได้ ตามรถที่เขาจัดมารับ พอช่วงเย็นก็ถึง มทบ.ที่ผมจับได้ พอดีเขาก็จะคัดกรองโรคและแยกไปตามหน่วยที่ตัวเองได้(เขาจะเลือกมาแล้ว เช่น หน่วย ช., สห., พธ.,ลว. เป็นต้น ) แยกตามหน่วยเรียบร้อย ก็จะรวมกันขึ้นรถไปยังหน่วยฝึกทหารใหม่ของตัวเอง ที่อยู่ในค่ายนั่นแหละครับ ระหว่างนี้ บางคนก็รีบดูดบุหรี่เลยครับ มีเท่าไหร่ดูดเกือบหมด บางคนดูดหมดเป็นซอง เพราะเขาบอกว่า ไปถึงหน่วยฝึกจะไม่ให้ดูดดแล้ว
พอผมไปถึงหน่วยฝึกก็ค่ำพอดี สิ่งแรกที่ทำคือ รับป้ายกลุ่ม จะมีกลุ่ม A,B,C ไปเรื่อยๆ กลุ่มละ 8 คน มีหมายเลขสำหรับแต่ละคน เป็นป้ายให้ เช่น A1 , C7 ไรงี้ จากนั้นก็ถอดชุดและเครื่องประดับทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่างครับ ไม่เหลืออะไรในตัว แม้กระทั่งกางเกงใน ของทุกอย่างที่เตรียมมา ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา โทรศัพท์ ปลั๊กไฟ ครีมกันแดด นั่นนู้นนี่ เขาจะเก็บไว้หมดครับ ฝึกเสร็จค่อยจะแจกของคืน พอถอดออกหมดแล้ว ฝากของแล้ว เขาก็จะให้ของ ทบ.ที่เตรียมไว้ พวกชุดนั่นนี่ที่ใหญ่เหมือนผ้าห่ม กางเกงในที่ใส่แล้วแต่ไม่รัดอะไรเลยเพราะใหญ่มาก เครื่องนอน เทป เข็มกลัด มีดตัดเล็บ ขันอาบน้ำ สบู่ แปรงสีฟัน ของใช้ต่างๆนาๆครับ (บอกไว้ก่อนว่า ไม่มีของฟรีใน ทบ.) พอแจกของเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็แยกย้ายเข้าโรงนอน ประจำเตียงตัวเอง แต่ละกลุ่มจะมีครูทหารใหม่(พลทหารผลัดที่เข้ามาก่อน)และครูนายสิบ(นายสิบประจำกลุ่ม) คอยดูแลครับ แล้วแต่ว่ากลุ่มไหนครูประจำกลุ่มจะเป็นยังไง
เอาล่ะครับ ต่อจากนี้เป็นช่วงฝึกทหารใหม่แล้ว เขาจะเริ่มจากฝึกเบาไปหาเข้มข้น ผมจะแบ่งเป็นช่วงคร่าวๆดังนี้นะครับ
สัปดาห์ที่ 1 ช่วงกักตัว ฝึกพื้นฐานครับ เช่น ซ้ายหัน ขวาหัน ระเบียบเเถว
สัปดาห์ที่ 2 ยังฝึกท่าแถวชิดอยู่ การเข้าแถว การเดินแบบนั้นนี่ การเรียกแถว
สัปดาห์ที่ 3 เริ่มฝึกท่าอาวุธปืน การถอดประกอบ การฝึกแถวแบบมีอาวุธ(ปวดแขนเป็นบ้า อย่าคิดว่าสนุก) และเริ่มมีการฝึกท่าใช้อาวุธ เช่น ท่าแทงปืน ท่าขว้างลูกละเบิด และสัปดาห์นี้ เปิดให้ญาติเยี่ยมครับ
ช่วงนี้ ทุกคนจะคิดถึงบ้านแบบสุดครับ ทุกครั้งที่เหนื่อย ครูฝึกเขาจะเอาคำว่า เดี๋ยวก็ถึงวันญาติเยี่ยมแล้วมาอ้างให้มีกำลังใจ
ปล.ในห้วงการฝึกทหารใหม่ จะไม่ได้ใช้เงินเลยนะครับ เพราะงั้นอยสกกินอะไรก็ไม่ได้กิน ได้แค่ข้าวจากโรงเลี้ยง ที่มีผักทุกเมนูส่วนเนื้อก็มีแต่วิญญาณ ตามวลีที่ว่า ผัก 1 ไร่ ไก่ 1 โล แถมไก่ ก็เป็นแค่โครงไก่นะครับ เราก็ได้กินแค่นี้ บางทีมีการแอบเก็บขนมไว้กินด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอ การซ่อนขนมดชิ้นเล็กๆกินแอบกินเหมือนเด็ก แต่บางวันก็จะมี PX บริการครับ PX คือร้านขายขนม ที่มีแค่ 2-3 อย่าง ที่ผู้ฝึกเอามาขาย และให้ซื้อได้แค่ที่นี่เท่านั้น เขาจะมีบัญชีลงไว้ ว่าใครกินเท่าไหร่ แล้วฝึกเสร็จจะหักเอาเงินทีหลังครับ ส่วนราคาก็บวกเพิ่มจากปกติครับ เช่น นมแล็คตาซอย 300 มม. จากปกติข้างนอก 10฿ เขาจะขาย 15฿ พวกลูกชิ้น 12 ลูก 20฿ ขนมปังที่ซื้อตามร้านขายของชำอันละ 5฿ เขาก็จะมาขาย 10฿ ครับ มีแค่ นมแล็คตาซอย ลูกชิ้น และขนมปังที่ว่า แค่นั้นครับ กินแบบนั้นพอแก้ขัด แต่ในระหว่างฝึกนี้ พวกครูทหารใหม่ก็จะแอบเอาเข้ามาขายเรื่อยๆครับ ก็แอบซื้อกันไป แต่ราคาแพงมากกว่าปกติเยอะ พอถึงวันญาติเยี่ยมก็เป็นเรื่องปหติ ที่จะเห็นทหารบางคนร้องไห้ ต่อให้อาหารที่ญาติเอามาจะอร่อยแค่ไหน ทหารใหม่เกือบทุกคนก็จะกินไม่ลง ผมคือหนึ่งในนั้นครับ และทุกคนเป็นเหมือนกัน
สัปดาห์ที่ 4 ฝึกยุทธวิธี การยิงประกบคู่(ยิงปากนะ พูดเอา ปั้งๆๆ) ฝึกท่ายิ่ง นั้งยิง นอนยิง ต่างๆ ฝึกคลานต่ำ สูง แผนที่เข็มทิศ การจู่โจมแบบหมู่ ป้อมสนาม การพลาง การดำรงชีพในป่า ประมาณนี้ครับ
สัปดาห์ที่ 5 ทบทวนการเข้าแนวยิง และการยิงปืนด้วยกระสุนจริง และการตรวจสอบที่ฝึกมา (จะมีกรรมการมาตรวจสอบว่า โดยรวมฝึกผ่านมั้ย ถ้าไม่ผ่านต้องฝึกใหม่หมดครับ แต่ส่วนมากจะผ่านหมด
)
สัปดาห์ที่ 6 หลังจากยิงปืนด้วยกระสุนจริงเสร็จแล้ว ก็มาเดินทางไกลครับ สัปดาห์นี้จะเตรียมตัวเดินทางไกล และซ้อมสวนสนาม (ทบ.2 จะได้สวนสนามด้วยครับ ในวันกองทัพไทย 18 ม.ค.ของทุกปี แต่ ทบ.1 จะไม่ได้สวนสนาม เนื่องจากเข้ามาหลังวันกองทัพไทย) สัปดาห์นี้เดินทางไกล เข้าค่ายพักแรม หลังจากเดินทางไกลเสร็จก็จะคืนพวกของใช้เดินทางไกล เช่น เต็นท์สนาม ร็อคแซ็ก ต่างๆ แล้วย้ายของนอนแบบหน่วยครับ (ตั้งแต่เริ่มฝึกมา เขาจะนอนตามกลุ่มที่บอกครับ A B C แต่ละกลุ่มจะมีทหารจากกองร้อยอื่นอยู่ด้วย เพราะหน่วยฝึกทหารใหม่จะฝึกทหารที่มาจาก 1-4 กองร้อย เช่น ทหารสื่อสาร ทหารปืน ทหารพลาธิการ ฯลฯ )
สัปดาห์ที่ 7 ฝึกสวนสนามและแยกฝึกเฉพาะทางของแต่ละกองร้อยครับ เช่น กองร้อยทหารปืน ก็จะฝึกปืน กองร้อยทหารสื่อสาร ก็จะฝึกวิทยุ สัปดาห์นี้จะแจกของคืน จำได้มั้ยครับ ของที่มาวันแรกเขายึดเก็บไว้หน่ะ ตอนนี้จะแยกฝึกเฉพาะกองร้อย เขาจะแจกคืน ให้กองร้อยเป็นคนจัดการเองแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับกองร้อยตัวเอง ว่าจะอนุญาตให้ทาครีมได้ หรือพกโทรศัพท์ได้ดูดบุหรี่ได้ ไรงี้ครับ
สัปดาห์ที่ 8 สัปดาห์นี้ผมลืมครับ เพราะขี้เกียจเขียนลงสมุดแล้ว แต่เท่าที่จำได้คือ ฝึกมวยครับ มวยไทย ลูกไม้มวยไทย แม่ไม้มวยไทย
ปล.ในระหว่างการฝึกทหารใหม่ มีบทลงโทษและกิจกรรมต่างๆนาๆอยู่เสมอครับ ผมนึกว่าในปี 65 จะไม่มีแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่ แต่เผยแพร่ไม่ได้แค่นั้นเอง เนื่องจากทหารใหม่ไม่มีโทรศัพท์ มีหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นโดดบ่อขี้ เล่นคว* ดึงคว*กันอาบน้ำ บทลงโทษที่ไร้สาระ ตามความพอใจของเขา มันมีหมดจริงๆ แต่ขอไม่พูดถึงมากครับ
ครับ จากที่ฝึกมาครบ 8 สัปดาห์แล้ว หน่วยฝึกทหารใหม่ ก็ปล่อยกลับบ้านครั้งแรก 10 วัน
10 วันผ่านไป พอกลับมาจากบ้านแล้วก็แยกขึ้นกองร้อยตัวเอง แล้วก็ฝึกสวนสนาม 2 สัปดาห์ และสวนสนามจริงในที่กิงทัพไทย จากนั้นก็รอฝึกภาคกองร้อยอีกที ชีวิตในกองร้อยก็ตาม รปจ.ครับ(ระเบียบประจำวัน) ตื่น ออกกำลังกาย กินข้าว จ่ายงาน พักเที่ยง ทำงาน เย็นออกกำลังกาย กินข้าว อาบน้ำ นอน ประมาณนี้ในแต่ละวัน งานแต่ละวันก็แล้วแต่สิบเวรเขาจะสั่ง ตัดหญ้ามั่ง ไปช่วยงานนั่นนี่มั่ง ขอไม่ลงรายละเอียดครับ
_______________________________
สรุปรีวิวครับ ผมเสียเวลาชีวิตจากเรียนจบ 1 ปี สำหรับการผ่อนผันรอคัดเลือก 6 เดือน สำหรับรอกำหนดเรียกตัว และ 1 ปี สำหรับเวลาประจำการ รวมๆแล้ว 2 ปีครึ่ง อันนี้ไม่รวมเวลาย่อยๆที่ต้องตามเอกสารตอนเรียน ต้องมาผ่อนผันเรื่อยๆ เสียทั้งเวลา ทั้งค่าเดินทางจากมหาลัยกลับมาที่อำเภอตามภูมิลำเนา ตอนนี้ผมอายุ 25 ยังเป็นทหาร กว่าจะปลด กว่าจะไปหางาน น่าจะ 27-28 ผมมีภาระคือ หนี้ กยศ.หลักแสน ที่ต้องจ่ายแล้วเพราะถึงกำหนด แต่เงินเดือนทหาร 7000 บาท ผมบอกตรงนี้เลยว่า มันไม่พอครับ จะซื้อน้ำปั้นกินแก้วละ 30 บาท ยังคิดแล้วคิดอีก ขนาดประหยัดขนาดนี้ยังไม่พอ และอายุ เกือบจะ 30 ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานวิชาชีพเลย ออกไปก็ต้องหางานอีก ทั้งๆที่อายุจ่อเข้า30แล้ว ตอนนี้เพื่อนผมที่ไม่ติดทหาร ไม่เสียเวลาตรงนี้ เขาไปไกลแล้วครับ เขาใช้หนี้ กยศ.จะหมดแล้ว เขาซื้อรถแล้ว ผมไม่เปรียบเทียบว่าผมด้อยกว่าใคร แต่ผมพูดคือ ผมพลาดหลายโอกาสที่จะเติบโต และเริ่มเดินทางตามชีวิตผมที่วางแผนไว้ แต่ต้องมาเสียเวลากับใบแดง ซึ่งผมมองว่า มันแย่สำหรับผม
ปล.ทหารใหม่เยอะมาก แต่ผมไม่เห็นคนรวยในหมู่ทหารเกณฑ์ผลัดผมเลยครับ