Exclusive Talk
จิม โสภณ ศักดาพิศิษฎ์ กับ บ้านเช่า..บูชายัญ
วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับคำชวนจาก GDH ให้ไปพูดคุยแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัวของผู้กำกับหนังกระแสแรงตอนนี้ บ้านเช่า ...บูชายัญ ..ทางเพจขอนำบทสนทนาพูดคุยในบ่ายวันนั้น มาถ่ายทอดมุมมอง ความคิดของผู้กำกับเจ้าของฉายา "เจ้าพ่อหนังผีอสังหา" มาฝากกันครับ
แอดมิน : หนังฉายมาถึงตอนนี้ถือว่าหายเหนื่อยรึยังครับ
จิม : (หัวเราะ) ถือว่าหายเหนื่อยเยอะมากครับ ผมไม่เคยเจอฟีดแบคหนังผีแบบนี้ เท่าที่ผ่านมาจะได้ฟีดแบคน่ากลัวมาก หลอนมาก แต่อันนี้ฟีดแบคมาทางสนุก และเอ็นจอยไปกับหนังมากกว่าน่ากลัว
แอดมิน : จากหนังของจิมที่ผ่านมา ขอพูดตรงๆ นะ ทั้งฝากไว้ในกายเธอ เพื่อนที่ระลึก ซีรีส์เคว้ง มันดรอปลงไปเลย ถามตรงๆ ตอนนั้นมันเฟลไหม และจิมทำยังไง ถึงฟื้นพลังจากความเฟลมาทำหนังเรื่องใหม่นี้ได้
จิม : ถ้ารู้สึกเฟลจริงๆ สำหรับผมคือหนังเรื่องแรก (โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต) มากกว่า ที่เฟลเพราะความเป็นหนังเรื่องแรก เราคาดหวังเยอะ เราใหม่ เรายังคอนโทรลสิ่งที่ยากได้ไม่ได้อย่างที่คิด จนวันหนึ่งผมไปเรียนพิเศษภาษาจีน ตอนนั้นกะไปเรียนต่อ ได้ยินเด็กๆ กลุ่มหนึ่งคุยกัน ดูรึยังโปรแกรมหน้า มันน่ากลัวมากๆ เลย ทำให้ผมค้นพบว่า ธรรมชาติหนังเราไม่มีทางทำหนังให้ทุกคนชอบเหมือนกันได้ ผมมองย้อนกลับไป ต่อให้หนังดีแค่ไหนก็ตาม ก็จะมีคนที่ไม่ชอบ มาถึงลัดดาแลนด์ มาฝากไว้ มันมีจุดที่น่าเสียดายมากกว่า เออ..อันนี้มันน่าจะเป็นอย่างนี้นะ ไม่รู้สึกเฟลเหมือนเรื่องแรก เราเรียนรู้ว่า อ๋อ อันนี้คนไม่ชอบเพราะอะไร ..เวลาทำหนังมันก็เหมือนซื้อหวย เราไม่มีวันรู้เลยว่าคนจะชอบ ไม่ชอบเพราะอะไร จนถึงจุดหนึ่ง เราต้องทำสิ่งที่เราชอบที่สุดก่อน ณ.วินาทีนั้นนะครับ
แอดมิน : รู้มาว่าส่วนตัวคือกลัวผีมาก แล้วได้เอาประสบการณ์ของคนกลัวผีมาทำหนังผียังไงให้คนรู้สึกกลัว
จิม : จริงๆ เราไม่รู้หรอกว่า คนเรากลัวผีเบอร์เดียวกันรึเปล่า อย่างเรากลัวผีเบอร์นี้ คือกลัวมาก คนดูอาจจะไม่กลัว ความกลัวคนเรามีดีกรีไม่เท่ากัน เรากลัวอะไร เราก็ทำสิ่งนั้นออกมา ผมอาจจะได้เปรียบคนอื่นมั้งครับที่มีมาตรวัดความกลัวผีของเราเอง ทีนี้พอเราไปที่ไหน พอเราเจออะไรบางอย่างเราก็หยิบมาใช้หนังได้ หรืออย่างเรื่องนี้ (บ้านเช่า) แท่นบูชาที่ซ่อนอยู่ในห้องชาร์ป อันนี้ได้จากตอนไปถ่ายเพื่อนที่ระลึก แม่บ้านที่ตึกที่ไปถ่ายตามให้ผมไปไหว้มันซ่อนอยู่ในห้องน้ำชาย เปิดมาปุ๊บ ตกใจเลย โรงแรมที่หรูมาก แต่มันมีหิ้งนี้ซ่อนอยู่ข้างใน
แอดมิน : หนังบ้านเช่า มันมีข่าวนึงที่หลายคนคิดว่าใช่ คือข่าวลัทธิฆ่าเด็กบูชาพระอินทร์ มันอิงมาจากเรื่องนั้นใช่ไหมครับ
จิม : จริงๆ มันมีความน่ากลัวจากหลายๆ ข่าวที่หยิบมาใช้ แต่ผมไม่ได้ Base on True Story ไง มันดึงเอาองค์ประกอบหลายๆ อย่างจากนั่น นี่มาใช้ ..บ้านเช่าเป็นหนังที่ผมใช้เวลาเขียนบทนานที่สุด คือ 2 ปี ซึ่งอาจเป็นเพราะช่วงติดโควิดด้วย ที่ GDH จะมีการสกรีนหนังเป็นเสมือนตัวแทนคนดูหลายๆ รอบ ...เราส่งให้โปรดิวเซอร์อ่าน โอเคอาจจะชอบแล้ว ก็ส่งให้บอร์ดอ่านซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนคนดูมาสกรีนอีกที เหมือนเราต้องผ่านด่านไปหลายๆ รอบก่อนเท่ากับเทสได้ประมาณนึง
แอดมิน : หลังๆ เหมือนคนดูจับทางหนังได้ แรกๆ GDH ทำหนังอะไรมาคนส่วนใหญ่จะชอบหมด ..แต่หลังๆ อย่างเธอกับฉันกับฉัน คือส่วนตัวชอบมาก เขียนรีวิวแบบบวกเลย แต่ก็มีคนด่าหนัง ทั้งดูมา ผสมโรงด่า ถามตรงๆ จิมกดดันในตรงนี้ไหม รู้สึกไหมว่าคนทำหนังไทยตอนนี้ทำงานยากขึ้น
จิม : จริงๆ มันยากมากแต่ไหนแต่ไร ในเรื่องของการทำ แต่ตอนนี้มันยากขึ้นอีกในเรื่องของการรองรับอารมณ์คน คือโซเชียลมันถึงเรา คือผู้กำกับหรือคนทำหนังชอบอ่านฟีดแบค คือหนังเรื่องนี้ ต่อให้คนชมเยอะมาก พอเจอคนไม่ชม เราก็เอ๊ะ เราทำอะไรผิดเปล่านะ ...จริงๆ สิ่งที่หนังเรื่องนี้ตั้งใจจะบอก คือความน่ากลัวจากความไม่รู้ การตัดสินคนจากภายนอก คือผมอิงมาจากเรื่องของโซเชี่ยลเลยนะ คนเราชอบตัดสินคนจากมุมที่เราเลือกจะเชื่อ มันเป็นธรรมชาติของหนังเรื่องนี้เลย อย่างใครพูด คนนี้เป็นหมอนะ เราก็พร้อมจะเชื่อถือเขาแล้ว ผมกลั่นกรองมาจากสิ่งที่โซเชียลเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน อย่างข่าวนึงที่ผมอินมาก ที่มีคนยืนบนรถไฟฟ้า รองเท้าขาด โดนหาว่าซ่อนกล้องในรองเท้า ชีวิตคนนั้นพังไปเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพี่เขารองเท้าเสียเพราะโดนสะเก็ดไฟจากการทำงานในโรงงาน เราก็ตัดสินเขาไปแล้วจากภายนอก บ้านเช่านี่ประเด็นมาทางนั้นเลย
แอดมิน : ถามเรื่อง Casting ครับ เวียร์ มิว พี่ต่าย นี่แคสแรกๆ เลยไหม
จิม : เวียร์ มิว นี่แคสแรกหมดเลยทั้งสองคน ..มิวนี่ชัดเจนมาก พอมีลูกเองแล้ว เขารักลูกมาก คนที่รักลูกเบอร์นี้ ถ้าต้องสูญเสียลูกนี่จะเบอร์ไหน มันเลยเป็นอินเนอร์มากกว่าการแสดงมาอีกขึ้นนึงมิวนี่อ่านบทแล้วอินมาก ..อย่างพี่ต่าย แรกสุดปกติหนังผีบทที่เป็นแนวอย่างนี้ต้องแคสนักแสดงที่คนดูไม่รู้จัก พอมาเป็นสามพาร์ตแล้ว ต้องเอานักแสดงที่มีพลังมาคานกับเวียร์ มิว คือนักแสดงบทนี้ต้องเชื่อเลย ต้องมีพลัง มีองค์บางอย่าง พอมาเป็นพี่ต่ายนี่ใช่เลย ... อย่างน้องกัสจัง ที่เป็นอิง นี่ถือว่าโชคช่วย กัสจังเคยเล่นซีรีส์กับผู้ช่วยผม เด็กคนนี้มีเซนท์ดีมาก ปกติถ้าจะให้ร้องไห้ จะเทียบเคียงกับชีวิตจริง เช่นถ้าคุณพ่อดุอย่างนั้น อย่างนี้ แต่กัสจังนี่ไม่เลย บรีฟจากอินเนอร์จริงในหนัง อารมณ์น้องมาเลย
แอดมิน : ถ้าหนังเรื่องหน้า ไม่ใช่หนังผี จิมอยากทำหนังอะไร
จิม : ผมคงวนเวียนอยู่กับหนังตื่นเต้น ระทึกขวัญ ทริลเลอร์ สืบสวนสอบสวน คงไม่ฉีกไปทางหนังรัก หนังตลกแน่ๆ ผมนี่มาสายหนังตื่นเต้นนี่แหละ
....
สุดท้าย จิมฝากบอกนะครับ ว่าหนังยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์นะครับ และแอดแอบถามนอกรอบ เราจะได้ดู เคว้ง ในซีซั่นสองไหม ..จิมยิ้มบอก ไม่ทำแล้วครับพี่ (ด้วยปัญหาหลายอย่าง) เสียดาย ที่หมากปมหลายอย่าง มันจะไปถูกเฉลยในซีซั่นสอง ...เสียดายที่มันเคว้งอยู่อย่างนั้น
ขอบคุณทาง GDH ที่ชวนเพจเล็กๆ ของเรามาพูดคุยในครั้งนี้นะครับ
ขอบคุณณ คุณจิม โสภณ สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วยนะครับ
#บ้านเช่าบูชายัญ #จิมโสภณ #GDH
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei
Exclusive Talk กับ จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
จิม โสภณ ศักดาพิศิษฎ์ กับ บ้านเช่า..บูชายัญ
วันศุกร์ที่ผ่านมา ได้รับคำชวนจาก GDH ให้ไปพูดคุยแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัวของผู้กำกับหนังกระแสแรงตอนนี้ บ้านเช่า ...บูชายัญ ..ทางเพจขอนำบทสนทนาพูดคุยในบ่ายวันนั้น มาถ่ายทอดมุมมอง ความคิดของผู้กำกับเจ้าของฉายา "เจ้าพ่อหนังผีอสังหา" มาฝากกันครับ
แอดมิน : หนังฉายมาถึงตอนนี้ถือว่าหายเหนื่อยรึยังครับ
จิม : (หัวเราะ) ถือว่าหายเหนื่อยเยอะมากครับ ผมไม่เคยเจอฟีดแบคหนังผีแบบนี้ เท่าที่ผ่านมาจะได้ฟีดแบคน่ากลัวมาก หลอนมาก แต่อันนี้ฟีดแบคมาทางสนุก และเอ็นจอยไปกับหนังมากกว่าน่ากลัว
แอดมิน : จากหนังของจิมที่ผ่านมา ขอพูดตรงๆ นะ ทั้งฝากไว้ในกายเธอ เพื่อนที่ระลึก ซีรีส์เคว้ง มันดรอปลงไปเลย ถามตรงๆ ตอนนั้นมันเฟลไหม และจิมทำยังไง ถึงฟื้นพลังจากความเฟลมาทำหนังเรื่องใหม่นี้ได้
จิม : ถ้ารู้สึกเฟลจริงๆ สำหรับผมคือหนังเรื่องแรก (โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต) มากกว่า ที่เฟลเพราะความเป็นหนังเรื่องแรก เราคาดหวังเยอะ เราใหม่ เรายังคอนโทรลสิ่งที่ยากได้ไม่ได้อย่างที่คิด จนวันหนึ่งผมไปเรียนพิเศษภาษาจีน ตอนนั้นกะไปเรียนต่อ ได้ยินเด็กๆ กลุ่มหนึ่งคุยกัน ดูรึยังโปรแกรมหน้า มันน่ากลัวมากๆ เลย ทำให้ผมค้นพบว่า ธรรมชาติหนังเราไม่มีทางทำหนังให้ทุกคนชอบเหมือนกันได้ ผมมองย้อนกลับไป ต่อให้หนังดีแค่ไหนก็ตาม ก็จะมีคนที่ไม่ชอบ มาถึงลัดดาแลนด์ มาฝากไว้ มันมีจุดที่น่าเสียดายมากกว่า เออ..อันนี้มันน่าจะเป็นอย่างนี้นะ ไม่รู้สึกเฟลเหมือนเรื่องแรก เราเรียนรู้ว่า อ๋อ อันนี้คนไม่ชอบเพราะอะไร ..เวลาทำหนังมันก็เหมือนซื้อหวย เราไม่มีวันรู้เลยว่าคนจะชอบ ไม่ชอบเพราะอะไร จนถึงจุดหนึ่ง เราต้องทำสิ่งที่เราชอบที่สุดก่อน ณ.วินาทีนั้นนะครับ
แอดมิน : รู้มาว่าส่วนตัวคือกลัวผีมาก แล้วได้เอาประสบการณ์ของคนกลัวผีมาทำหนังผียังไงให้คนรู้สึกกลัว
จิม : จริงๆ เราไม่รู้หรอกว่า คนเรากลัวผีเบอร์เดียวกันรึเปล่า อย่างเรากลัวผีเบอร์นี้ คือกลัวมาก คนดูอาจจะไม่กลัว ความกลัวคนเรามีดีกรีไม่เท่ากัน เรากลัวอะไร เราก็ทำสิ่งนั้นออกมา ผมอาจจะได้เปรียบคนอื่นมั้งครับที่มีมาตรวัดความกลัวผีของเราเอง ทีนี้พอเราไปที่ไหน พอเราเจออะไรบางอย่างเราก็หยิบมาใช้หนังได้ หรืออย่างเรื่องนี้ (บ้านเช่า) แท่นบูชาที่ซ่อนอยู่ในห้องชาร์ป อันนี้ได้จากตอนไปถ่ายเพื่อนที่ระลึก แม่บ้านที่ตึกที่ไปถ่ายตามให้ผมไปไหว้มันซ่อนอยู่ในห้องน้ำชาย เปิดมาปุ๊บ ตกใจเลย โรงแรมที่หรูมาก แต่มันมีหิ้งนี้ซ่อนอยู่ข้างใน
แอดมิน : หนังบ้านเช่า มันมีข่าวนึงที่หลายคนคิดว่าใช่ คือข่าวลัทธิฆ่าเด็กบูชาพระอินทร์ มันอิงมาจากเรื่องนั้นใช่ไหมครับ
จิม : จริงๆ มันมีความน่ากลัวจากหลายๆ ข่าวที่หยิบมาใช้ แต่ผมไม่ได้ Base on True Story ไง มันดึงเอาองค์ประกอบหลายๆ อย่างจากนั่น นี่มาใช้ ..บ้านเช่าเป็นหนังที่ผมใช้เวลาเขียนบทนานที่สุด คือ 2 ปี ซึ่งอาจเป็นเพราะช่วงติดโควิดด้วย ที่ GDH จะมีการสกรีนหนังเป็นเสมือนตัวแทนคนดูหลายๆ รอบ ...เราส่งให้โปรดิวเซอร์อ่าน โอเคอาจจะชอบแล้ว ก็ส่งให้บอร์ดอ่านซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนคนดูมาสกรีนอีกที เหมือนเราต้องผ่านด่านไปหลายๆ รอบก่อนเท่ากับเทสได้ประมาณนึง
แอดมิน : หลังๆ เหมือนคนดูจับทางหนังได้ แรกๆ GDH ทำหนังอะไรมาคนส่วนใหญ่จะชอบหมด ..แต่หลังๆ อย่างเธอกับฉันกับฉัน คือส่วนตัวชอบมาก เขียนรีวิวแบบบวกเลย แต่ก็มีคนด่าหนัง ทั้งดูมา ผสมโรงด่า ถามตรงๆ จิมกดดันในตรงนี้ไหม รู้สึกไหมว่าคนทำหนังไทยตอนนี้ทำงานยากขึ้น
จิม : จริงๆ มันยากมากแต่ไหนแต่ไร ในเรื่องของการทำ แต่ตอนนี้มันยากขึ้นอีกในเรื่องของการรองรับอารมณ์คน คือโซเชียลมันถึงเรา คือผู้กำกับหรือคนทำหนังชอบอ่านฟีดแบค คือหนังเรื่องนี้ ต่อให้คนชมเยอะมาก พอเจอคนไม่ชม เราก็เอ๊ะ เราทำอะไรผิดเปล่านะ ...จริงๆ สิ่งที่หนังเรื่องนี้ตั้งใจจะบอก คือความน่ากลัวจากความไม่รู้ การตัดสินคนจากภายนอก คือผมอิงมาจากเรื่องของโซเชี่ยลเลยนะ คนเราชอบตัดสินคนจากมุมที่เราเลือกจะเชื่อ มันเป็นธรรมชาติของหนังเรื่องนี้เลย อย่างใครพูด คนนี้เป็นหมอนะ เราก็พร้อมจะเชื่อถือเขาแล้ว ผมกลั่นกรองมาจากสิ่งที่โซเชียลเป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน อย่างข่าวนึงที่ผมอินมาก ที่มีคนยืนบนรถไฟฟ้า รองเท้าขาด โดนหาว่าซ่อนกล้องในรองเท้า ชีวิตคนนั้นพังไปเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วพี่เขารองเท้าเสียเพราะโดนสะเก็ดไฟจากการทำงานในโรงงาน เราก็ตัดสินเขาไปแล้วจากภายนอก บ้านเช่านี่ประเด็นมาทางนั้นเลย
แอดมิน : ถามเรื่อง Casting ครับ เวียร์ มิว พี่ต่าย นี่แคสแรกๆ เลยไหม
จิม : เวียร์ มิว นี่แคสแรกหมดเลยทั้งสองคน ..มิวนี่ชัดเจนมาก พอมีลูกเองแล้ว เขารักลูกมาก คนที่รักลูกเบอร์นี้ ถ้าต้องสูญเสียลูกนี่จะเบอร์ไหน มันเลยเป็นอินเนอร์มากกว่าการแสดงมาอีกขึ้นนึงมิวนี่อ่านบทแล้วอินมาก ..อย่างพี่ต่าย แรกสุดปกติหนังผีบทที่เป็นแนวอย่างนี้ต้องแคสนักแสดงที่คนดูไม่รู้จัก พอมาเป็นสามพาร์ตแล้ว ต้องเอานักแสดงที่มีพลังมาคานกับเวียร์ มิว คือนักแสดงบทนี้ต้องเชื่อเลย ต้องมีพลัง มีองค์บางอย่าง พอมาเป็นพี่ต่ายนี่ใช่เลย ... อย่างน้องกัสจัง ที่เป็นอิง นี่ถือว่าโชคช่วย กัสจังเคยเล่นซีรีส์กับผู้ช่วยผม เด็กคนนี้มีเซนท์ดีมาก ปกติถ้าจะให้ร้องไห้ จะเทียบเคียงกับชีวิตจริง เช่นถ้าคุณพ่อดุอย่างนั้น อย่างนี้ แต่กัสจังนี่ไม่เลย บรีฟจากอินเนอร์จริงในหนัง อารมณ์น้องมาเลย
แอดมิน : ถ้าหนังเรื่องหน้า ไม่ใช่หนังผี จิมอยากทำหนังอะไร
จิม : ผมคงวนเวียนอยู่กับหนังตื่นเต้น ระทึกขวัญ ทริลเลอร์ สืบสวนสอบสวน คงไม่ฉีกไปทางหนังรัก หนังตลกแน่ๆ ผมนี่มาสายหนังตื่นเต้นนี่แหละ
....
สุดท้าย จิมฝากบอกนะครับ ว่าหนังยังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์นะครับ และแอดแอบถามนอกรอบ เราจะได้ดู เคว้ง ในซีซั่นสองไหม ..จิมยิ้มบอก ไม่ทำแล้วครับพี่ (ด้วยปัญหาหลายอย่าง) เสียดาย ที่หมากปมหลายอย่าง มันจะไปถูกเฉลยในซีซั่นสอง ...เสียดายที่มันเคว้งอยู่อย่างนั้น
ขอบคุณทาง GDH ที่ชวนเพจเล็กๆ ของเรามาพูดคุยในครั้งนี้นะครับ
ขอบคุณณ คุณจิม โสภณ สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วยนะครับ
#บ้านเช่าบูชายัญ #จิมโสภณ #GDH
#เอ้อระเหยลอยลม
ฝากติดตามเพจ
https://www.facebook.com/urrahoei