สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 43
การจากลา
นี่เราต้องโบกมือลาสิงคโปร์แล้วจริงๆสินะ หลังจากที่เราไปรายงานตัวที่ICA เจ้าหน้าที่ก็จะบอกว่าเราจะอยู่ต่อได้อีกกี่วัน ซึ่งก็ไม่ได้ให้อยู่นานอะไรหรอก 3-5วันแล้วแต่ เคส ของเราเขาให้อยู่ต่ออีกสามวัน ภายในสามวันนั้นนะจะกลับวันไหนก็ได้ ต้องบอกก่อนว่า เขาจะตัดวีซ่าเราเป็น0แล้ว ต่อให้เราจะยังไม่ overstay ก็ตาม แปลว่า ณ ขณะที่เรายังอยู่รอบินกลับ วีซ่าเราหมดไปแล้ว พอเราไปเช็คอินโรงแรม โรงแรมจะรู้ทันทีว่าเราไม่มีวีซ่าและต้องยื่นเอกสารจากตำรวจให้เขาดูถึงจะเช็คอินได้ คือมันไม่ได้สนุกนะ เจ้าหน้าที่โรงแรมก็มองแปลกๆ และตอนอยู่ในคุกก็ลำบากมาก จขกท เลยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก จะไม่พาตัวเองมาลำบากลำบนแบบนี้อีกแล้ว เรียกได้ว่า เข็ด นั่นแหละ
แล้วตั๋วนี่ต้องซื้อเองนะ มีเงินหรือไม่มีเงิน ณ ตอนนั้น เจ้าหน้าที่ไม่รับรู้ ต้องไปหาทางซื้อตั๋วมาเองและเอาไปโชว์ให้ICAดูว่าฉันซื้อแล้วนะ เขาก็จะพิมพ์ลงไปในกระดาษ1ใบ เพื่อเอาใบนั้นนะไปใช้แทนพาสปอร์ตและไปยื่น ตม.ที่สนามบินก่อน ถึงจะผ่านเข้าไปเช็คอินได้ เราจะไม่สามารถเดินดุ่มๆและผ่านช่อง ตม.ปกติได้เลย เราต้องผ่านทางออฟฟิต ตม. เท่านั้น
กลับมาที่หนุ่มchong ก็ยังเกาะติดสถานการณ์กับเราอยู่ แต่เราไม่ได้ชวนฮีไป ICAด้วยนะ เพราะเราอาย หนุ่มchongพาไปส่งที่สนามบิน ก็พาไปกินข้าวในสนามบิน ถามว่าอยากกินอะไร เลือกได้เลยนะ ฟิวแฟนสุดฤทธิ์ นี่รู้สึกเหมือนในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเล็กๆหลงเหลืออยู่
ก่อนจากกัน ก็ร่ำลากันนานมากๆ นานจน ตม.ด่าอีกละ ว่ามัวทำไรอยู่ นี่เครื่องจะออกละพึ่งมา เดือดร้อน ตม.โทรไปบอกสายการบินว่า ช่วยรอนางคนไทยคนนี้ด้วยนะ นางหลงทางไปเดินเล่นอยู่เทอมินอลไหนมาก็ไม่รู้
ก่อนจากกัน หนุ่มchongบอกว่าเศร้าจังเลย นี่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้กับใครมานานแล้วนะ แล้วความรู้สึกมันทำไมเศร้าแบบนี้ มันเหมือนไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกไหม เราขอกอดchongกอดอยู่อย่างนั้น จนไม่มีเวลาแล้วต้องรีบไป เดี๋ยว ตม.ด่า ก็โดนด่าจริงๆ555 หนุ่มchongยังควักเงิน150เหรียญที่เราขอยืมในวันแรกให้ เราบอกไม่เอาๆนี่เราถึงสนามบินแล้ว เราไม่ต้องใช้เงินแล้ว ก็เอามายัดใส่กระเป๋าเรา ฮีบอก ไม่มีฉันดูแลแล้วเผื่อเธออาจจะหิวระหว่างทาง โอ้... หนุ่มchongนี่ไม่ควรมีคนเดียวในโลกจริงๆ ต้องมองเพลงนี้เลยให้หนุ่มchong
~you came out the blue on the rainy night no lie ,I'll tell you how I almost died, While you're bringing me back to life~ 555
แล้วตอนที่เราถึงไทย เราก็ทักไปถามนะว่า ขอเลข บช จะโอนเงินคืน ฮีบอก ไม่เอา ๆ เอาไว้ฉันไปเที่ยวไทยแล้วเธอค่อยเลี้ยงตอบแทน ละกัน นี่กะว่าจะบินไปส่งเธอด้วยซ้ำ แต่มันคงจะดูเวอร์ไป เลยไม่ดีกว่า555
สุดท้ายแล้วเราก็ถึงไทยอย่างปลอดภัย ตอนนั่งบนเครื่องก็คิดทบทวนอะไรหลายอย่างที่เราเจอมา มันก็เหงาๆเศร้าๆนะ ฟิลล์นางเอกในซีรีย์ 555 แต่ก็ช่างมัน ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป เราอยากบอกทุกคนนะว่า อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องไม่ดี ใช้ชีวิตให้ปกติมากที่สุด และใช้ชีวิตให้ดีเท่าที่จะดีได้ บางคนไม่ได้โชคดีเหมือนเรา ติดคุกเป็นเดือนๆก็ยังไม่ได้ออกมาก็มี ส่วนเราต่อไปนี้เราจะไม่ทำอะไรที่จะส่งผลให้ตัวเราเอง คนรอบข้าง และคนอื่นต้องเดือดร้อนอีก
ไว้กระทู้หน้าจะมาแชร์เรื่องเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ต้องจากไปด้วยโรคมะเร็ง จากไปทั้งที่ยังทะเลาะกันอยู่ ชีวิตมันสั้นเหลือเกิน ทะเลาะกันต้องคุยกันในตอนที่ยังมีโอกาส อย่ารอให้ถึงเวลาที่ต้องได้จุดธูปคุยกันเลย
นี่เราต้องโบกมือลาสิงคโปร์แล้วจริงๆสินะ หลังจากที่เราไปรายงานตัวที่ICA เจ้าหน้าที่ก็จะบอกว่าเราจะอยู่ต่อได้อีกกี่วัน ซึ่งก็ไม่ได้ให้อยู่นานอะไรหรอก 3-5วันแล้วแต่ เคส ของเราเขาให้อยู่ต่ออีกสามวัน ภายในสามวันนั้นนะจะกลับวันไหนก็ได้ ต้องบอกก่อนว่า เขาจะตัดวีซ่าเราเป็น0แล้ว ต่อให้เราจะยังไม่ overstay ก็ตาม แปลว่า ณ ขณะที่เรายังอยู่รอบินกลับ วีซ่าเราหมดไปแล้ว พอเราไปเช็คอินโรงแรม โรงแรมจะรู้ทันทีว่าเราไม่มีวีซ่าและต้องยื่นเอกสารจากตำรวจให้เขาดูถึงจะเช็คอินได้ คือมันไม่ได้สนุกนะ เจ้าหน้าที่โรงแรมก็มองแปลกๆ และตอนอยู่ในคุกก็ลำบากมาก จขกท เลยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก จะไม่พาตัวเองมาลำบากลำบนแบบนี้อีกแล้ว เรียกได้ว่า เข็ด นั่นแหละ
แล้วตั๋วนี่ต้องซื้อเองนะ มีเงินหรือไม่มีเงิน ณ ตอนนั้น เจ้าหน้าที่ไม่รับรู้ ต้องไปหาทางซื้อตั๋วมาเองและเอาไปโชว์ให้ICAดูว่าฉันซื้อแล้วนะ เขาก็จะพิมพ์ลงไปในกระดาษ1ใบ เพื่อเอาใบนั้นนะไปใช้แทนพาสปอร์ตและไปยื่น ตม.ที่สนามบินก่อน ถึงจะผ่านเข้าไปเช็คอินได้ เราจะไม่สามารถเดินดุ่มๆและผ่านช่อง ตม.ปกติได้เลย เราต้องผ่านทางออฟฟิต ตม. เท่านั้น
กลับมาที่หนุ่มchong ก็ยังเกาะติดสถานการณ์กับเราอยู่ แต่เราไม่ได้ชวนฮีไป ICAด้วยนะ เพราะเราอาย หนุ่มchongพาไปส่งที่สนามบิน ก็พาไปกินข้าวในสนามบิน ถามว่าอยากกินอะไร เลือกได้เลยนะ ฟิวแฟนสุดฤทธิ์ นี่รู้สึกเหมือนในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเล็กๆหลงเหลืออยู่
ก่อนจากกัน ก็ร่ำลากันนานมากๆ นานจน ตม.ด่าอีกละ ว่ามัวทำไรอยู่ นี่เครื่องจะออกละพึ่งมา เดือดร้อน ตม.โทรไปบอกสายการบินว่า ช่วยรอนางคนไทยคนนี้ด้วยนะ นางหลงทางไปเดินเล่นอยู่เทอมินอลไหนมาก็ไม่รู้
ก่อนจากกัน หนุ่มchongบอกว่าเศร้าจังเลย นี่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้กับใครมานานแล้วนะ แล้วความรู้สึกมันทำไมเศร้าแบบนี้ มันเหมือนไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกไหม เราขอกอดchongกอดอยู่อย่างนั้น จนไม่มีเวลาแล้วต้องรีบไป เดี๋ยว ตม.ด่า ก็โดนด่าจริงๆ555 หนุ่มchongยังควักเงิน150เหรียญที่เราขอยืมในวันแรกให้ เราบอกไม่เอาๆนี่เราถึงสนามบินแล้ว เราไม่ต้องใช้เงินแล้ว ก็เอามายัดใส่กระเป๋าเรา ฮีบอก ไม่มีฉันดูแลแล้วเผื่อเธออาจจะหิวระหว่างทาง โอ้... หนุ่มchongนี่ไม่ควรมีคนเดียวในโลกจริงๆ ต้องมองเพลงนี้เลยให้หนุ่มchong
~you came out the blue on the rainy night no lie ,I'll tell you how I almost died, While you're bringing me back to life~ 555
แล้วตอนที่เราถึงไทย เราก็ทักไปถามนะว่า ขอเลข บช จะโอนเงินคืน ฮีบอก ไม่เอา ๆ เอาไว้ฉันไปเที่ยวไทยแล้วเธอค่อยเลี้ยงตอบแทน ละกัน นี่กะว่าจะบินไปส่งเธอด้วยซ้ำ แต่มันคงจะดูเวอร์ไป เลยไม่ดีกว่า555
สุดท้ายแล้วเราก็ถึงไทยอย่างปลอดภัย ตอนนั่งบนเครื่องก็คิดทบทวนอะไรหลายอย่างที่เราเจอมา มันก็เหงาๆเศร้าๆนะ ฟิลล์นางเอกในซีรีย์ 555 แต่ก็ช่างมัน ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป เราอยากบอกทุกคนนะว่า อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องไม่ดี ใช้ชีวิตให้ปกติมากที่สุด และใช้ชีวิตให้ดีเท่าที่จะดีได้ บางคนไม่ได้โชคดีเหมือนเรา ติดคุกเป็นเดือนๆก็ยังไม่ได้ออกมาก็มี ส่วนเราต่อไปนี้เราจะไม่ทำอะไรที่จะส่งผลให้ตัวเราเอง คนรอบข้าง และคนอื่นต้องเดือดร้อนอีก
ไว้กระทู้หน้าจะมาแชร์เรื่องเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ต้องจากไปด้วยโรคมะเร็ง จากไปทั้งที่ยังทะเลาะกันอยู่ ชีวิตมันสั้นเหลือเกิน ทะเลาะกันต้องคุยกันในตอนที่ยังมีโอกาส อย่ารอให้ถึงเวลาที่ต้องได้จุดธูปคุยกันเลย
ความคิดเห็นที่ 13
เป็นไปตามคาด ทางบ้านวุ่นวายเพื่อนฝูงนึกว่าตายไปละ ต้องทักไปอธิบาย ไหนจะวงแชร์ที่เล่นค้างไว้ ท้าวก็นึกว่าหนีหนี้ไปอีก โอ้ แค่2วันยังขนาดนี้ นี่ถ้าโดนอาทิตย์นึงทางบ้านคงจัดงานศพรอละ
พอออกมาก็ไปเก็บข้าวของจากที่ทำงานเก่า รปภ ยังโทรไปบอกตำรวจว่า นางมาเก็บของละนะ55 เราบอก รปภ ว่า เดี๋ยวจะไปนอนโรงแรมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ท่องเที่ยว เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้กลับเข้ามาอีกแล้วล่ะ รปภ ทำหน้าตาละห้อย บอกสงสารเธอจัง
พอออกมาก็ไปเก็บข้าวของจากที่ทำงานเก่า รปภ ยังโทรไปบอกตำรวจว่า นางมาเก็บของละนะ55 เราบอก รปภ ว่า เดี๋ยวจะไปนอนโรงแรมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ท่องเที่ยว เพราะคิดว่าคงจะไม่ได้กลับเข้ามาอีกแล้วล่ะ รปภ ทำหน้าตาละห้อย บอกสงสารเธอจัง
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์ติดคุกที่สิงคโปร์
เข้าเรื่องเลยนะคะ ดิฉันจับผลัดจับผลูไปทำผิดที่สิงคโปร์ แล้วโดนตำรวจรวบไปด้วยข้อหาลักลอบทำงานโดยไม่มีwork permit (ต้องขออภัยคนไทยท่านอื่นด้วยนะคะ ดิฉันคิดน้อยไปในขณะนั้น และต่อไปนี้สัญญาว่าจะไม่ลับลอบทำแบบนี้ที่ไหนอีก)
พอตำรวจมาพาตัวไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งมีประตูหลายชั้นมาก พาไปสแกนนิ้ว ถ่ายรูป เช็คเอกสาร บลาๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องส่งตัวเข้าห้องขัง แต่บอกเลยว่าสถานีตำรวจเขาไฮโซมาก เหมือนในหนัง ระบบทุกอย่างทันสมัย เหมือนหลุดเข้าไปในหนังแอคชั่นระดับโลกที่อุปกรณ์ทุกอย่างสั่งการด้วยปลายนิ้ว ไม่เหมือนของไทยที่มานั่งเขียนๆๆ เอาละแขวะประเทศตัวเองอีกละ และตำรวจระดับปฎิบัติการก็มีแต่วัยรุ่น ก็มองเพลินดีนะคะ
เขาเอาเรามาส่งที่ห้องขังฝั่งหญิง ซึ่งก็มีหลายห้อง เราได้อยู่ห้องที่มีสองหญิงนั่งทำหน้าหมดอาลัยตายยากอยู่ก่อนแล้ว เราปรี่เข้าไปคุยทันทีเพราะหน้าตาเขาเหมือนคนไทย แต่ไม่ใช่ อีกคนเป็นสิงคโปร์และอีกคนเป็นคนมาเลย์ เราเกาะติดและสิงอยู่กับเขาเหมือนเพื่อนซี้กันมานาน คนมาเลย์ติดด้วยข้อหาลักลอบทำงานโดยไม่มี work permit เหมือนเรา ทำงานเป็นแม่บ้าน มากับเอเจนชี่ ส่วนคนสิงคโปร์มาด้วยข้อหาฉ้อโกงเงินที่ทำงาน แต่คนสิงค์โปร์บอกเราว่า เขาท้อแท้และทำใจแล้ว เขาคงต้องติดคุกอีกนาน ส่วนพวกฉันสองคนจะถูกส่งตัวกลับประเทศภายใน48ชม. ดังนั้นอดทนนะ เดี๋ยวได้ออกละ
ในขณะที่นั่งคุยกันไป ผู้คุมก็มาเรียกชื่อดิฉันออกไป บอกก่อนว่าเขาจะใส่กุญแจมือตลอดเวลายกเว้นเวลาอยู่ในห้องขังจะถอดให้ และผู้คุมนี่พูดไม่เพราะเอาซะเลย ก็จะตรวจค้นตัวก่อนออกไป มีคนมาประกบสองข้างพาตัวออกไป เอาจริงก็แอบคิดว่า ทำเหมือนเรามาด้วยข้อหาหนักมากเลยนะ แล้วก็ไปตรวจค้นตัว ล้วงเสื้อใน ให้อ้าปาก ตรวจทุกอณู แล้วพาไป interviews ก็จะมีล่ามให้1คน มีตำรวจหน้าละอ่อน อายุไม่น่าเกิน25อีก1คน ลุงล่ามเป็นชายแก่พูดไทยไม่ค่อยชัดแต่เข้าใจได้ดี บอกกับเราว่าให้ตอบตามจริง คนที่เขาต้องการคือบอสเรา ไม่ใช่เรา เราก็ตอบตามจริงทุกอย่าง ว่าเรามากับเอเจนชี่ และตอนนี้ติดต่อเอเจนชี่ไม่ได้แล้ว เราตอบด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีความเครียด ลุงล่ามแซวว่า นี่หนูโดนจับอยู่นะ ทำไมยังดูร่าเริง เราตอบกลับไปว่า หนูก็แค่กลับบ้าน เริ่มต้นชีวิตใหม่ หางานดีๆทำและไม่ทำผิดอีก ลุงล่ามก็ตอบว่าดีแล้วๆๆ ก่อนจบ interviews ตำรวจก็ถามว่า มีอะไรจะร้องเรียนตำรวจชุดปฎิบัติการที่ไปจับเราไหม เขาพูดไม่ดีทำไม่ดีก็ร้องเรียนได้หรือมีอะไรจะขอเพิ่มเติมไหม ความจริงเราอยากร้องเรียนชุดที่จับเรามามาก เขาทำเหมือนตามจับผู้ร้ายฆ่าคนแบบในหนัง มาห้องล้อมสั่งให้นั่ง ห้ามขยับ ห้ามพูด แล้วเราเอื้อมมือจะหยิบแมสมาใส่ ตะโกนใส่เราอย่างดังให้หยุด และตำรวจทุกนายกรูกันมาพร้อมจับเราใส่กุญแจมือ เหมือนกลัวเราจะเอาปืนมายิงต่อสู้ซะแบบนั้นแหละ เราเลยพูดเบาๆว่า คุณไม่ต้องพูดหรือทำขนาดนี้ก็ได้ ฉันคุยรู้เรื่องและเข้าใจได้ดี ฉันรู้ว่าฉันทำผิด แต่ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งนะ ฉันควรจะมีสิทธิ์ใส่แมสหรือเปลี่ยนรองเท้าก่อนได้ไหม พวกเขาถึงอ่อนลง และเปลี่ยนมาพูดดีกับฉันว่า เราแค่ต้องการพาคุณไปในที่ปลอดภัย ทั้งหมดนี่เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง แล้วก็ไม่ต้องใส่รองเท้าสวยงามอะไรมากมาย ไม่ได้ไปเดินแฟชั่นโชว์ คีบแตะไปแบบนี้แหละ เราเลยแซวๆไปว่า คุณห่วงฉันละสิ ตำรวจแอบอมยิ้มละพูดว่า ไม่รู้ๆๆฉันไม่สนใจคุณหรอก แต่ถ้าฉันไปเมืองไทย คุณต้องเลี้ยงข้าวฉันนะ นั้นแหละก็พูดเล่นกันไปให้สถานการณ์ไม่ตึงเครียด
ฉันบอกตำรวจที่มา interviews ว่าฉันไม่ต้องการอะไร ไม่ต้องติดต่อสถาณฑูตแต่ขอใช้โทรศัพท์แปปนึงได้ไหม เพื่อบอกพ่อแม่เพื่อนฝูง เขาจะได้ไม่เป็นห่วง ตำรวจบอกว่าโทรศัพท์ยึดไปทำลายแล้ว และจะไม่ได้คืนเพราะถือเป็นอุปกรณ์ช่วยในการทำผิดกฎหมาย และสถานีตำรวจนี้จะมีอำนาจขังเราแค่48ชม. ต่อจากนั้นก็จะส่งไปตามข้อหาของแต่ละคน ไปคุกหลวงบ้าง ส่งกลับบ้าง ขึ้นศาลบ้าง แล้วแต่ข้อหา ส่วนของเรา เขาจะปล่อยใน48ชม.นี้แหละ แล้วให้ไปรายงานตัวกลับไทยเอง ตอนตำรวจไปส่งฉันกลับเข้าห้องขัง ฉันถามว่า ฉันมีโอกาสได้ออกไปก่อน48ชม.ไหม กลัวแม่เป็นห่วง ตำรวจอมยิ้มเบาๆบอกว่า ไม่มีทาง สำหรับคุณผมจะให้อยู่7วัน ค่อยกลับนะ ไม่ต้องรีบกลับไทยหรอก อยากกลับไวๆหรอ ฉันถอนหายใจ และโวยวายๆเบาๆ ตำรวจก็ขำ ฉันรู้ว่าเขาพูดเล่น
เดี๋ยวมาต่อนะคะ