อยากขอความช่วยเหลือ เพราะสงสารเพื่อนร่วมงาน

กระทู้คำถาม
เพื่อนที่ทำงานคบกับแฟนตั้งแต่สมัยเรียน จนเรียนจบ เพื่อนได้ได้ทำงานและมีรายได้เป็นรายเดือนส่วนแฟนยังไม่มีรายได้  เพื่อนและแฟน อยู่ด้วยกันมาตลอด จะระยะเวลาแฟนเพื่อนได้มีความคิด อยากจะมีรถยนต์สักคันหนึ่ง เพื่อเอาไปประกอบอาชีพ เพื่อหารายได้เพื่อช่วยเหลือจุนเจือกัน เมื่อได้ตกลงกัน ว่าจะซื้อ และต้องใช้ชื่อเพื่อนร่วมงาน เป็นเจ้าของในการซื้อขาย เพราะด้วยว่าตัวแฟนเพื่อนไม่สามารถวื้อได้เนื่องจาก ไม่มีรายได้ที่แน่นอน 
    หลังจากซื้อรถได้ระยะเวลาหนึ่ง แฟนเพื่อนต้องการกลับไปทำงานที่บ้านเพราะต้องการจะได้ช่วยงานที่บ้านและดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง หลังจากนั้นก็ห่างกันไปเรื่อยๆๆ ส่วนของการผ่อนจ่ายค่ารถ เพื่อนต้องเป็นคนจ่ายแต่เพียงผู้เดียว แบบไม่มีเงือนไข ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะพ่อแม่ที่ไม่สบาย ง่ายๆๆคือไม่ต้องการให้ทางบ้านรู้  ระยะเวลาไปผ่านไปเรื่อยๆๆ 1ปี 2 ปี  ซึ่งรถที่เช่าซื้อมา ผ่อนจ่ายระยะเวลา7 ปี  จนถึงเวลาๆๆช่วงหนึ่งทั้งสองคนเลิกลากันไป ตัวเพื่อนเองก้ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่ต้องบอกที่บ้านว่าเลิกกับแฟน  ไม่ต้องการให้พ่อแม่รู้ด้วยว่าแอบไปซื้อรถกันมา  ไม่ต้องให้ตัวเองต้องติดเครดิตบูโร เพราะว่ามีผลที่ทำงาน เพราะมีการตรวจทุกๆๆปี หลังจากเลิกลากันไป เพื่อนเองพยายามติดต่อเพื่อให้แฟนมาเครียเรื่องรถยนต์ที่เอาไปใช้งาน (คือง่ายๆๆ ตัวเพื่อนก็ไม่รุ้จะทำไงดี จะต่อสู้กับเจ้าของสินเชื่อยังไง  ถ้าได้รถมาแล้วไม่รู้จะทำไงต่อ ได้แต่ถามและหวังว่าแฟนจะเอารถมาคืน  ระยะว่าเวลาไปเรื่อยๆๆๆถึงตอนนี้ รถส่งไปแล้วครึ่งทาง เหลืออีก 40 งวดจาก 78งวด งวดล่ะ 6700 บาท ยังเหลืออีกเกือบ3 ปีนิดๆๆ ทุกวันนี้การงานและเงินที่ได้ต้องจ่ายรถ โดยไม่ได้ใช้รถเลย นอกตจากนี้ ด้วยตัวคนเดียวมาทำงานไกลบ้าน ขับรถยนต์ไม่เป็น  ไม่รู้จะปร฿กษากับใครได้ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาไปผ่อนไปไม่มีปลายทาง  จนกระทั้งกลางปี 2565 เพื่อนได้ระบายเพื่อนร่วมงาน เพราะไม่รู้จะหาแก้ไขยังไง ติดต่อแฟนไม่ได้อีก ติดต่างได้แต่ทางญาติ  รายได้ที่น้อยลง การทำงานที่หนักหน่วงขึ้นทุกวัน หัวหน้าจี้ไม่หยุดหย่อน แรงกดดันจากหน้าทีการงาน อยากจะออกแต่ด้วยหนี้ที่ตัวไม่ได้ประโยชน์แอะไรเลย พ่อแม่ไม่ค่อยเข้าโรงพยาบาลบ่อยมากขึ้น อาที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กไป ไปรับไปส่ง โรงเรียน จนได้มีการงานทำ ดันป่วยเป้นมะเร็งอีก  ต้องคอยส่งเงินจำนวนหนึ่ง ซื้อออาหารเสริม หรืออุปกรณืการยังชีพให้อา ทำให้เพื่อนร่วมงานไม่สามารถฝึนแรงกดดันได้ ได้บอกเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งพี่ชาย พี่สาว น้องชาย  แต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ เพราะพ่อกับแม่ก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ต้องทำนา ดำนา  ถึงแม้จะบอกกับเพื่อนร่วมงานก็ไม่ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ได้แต่คอยให้กำลังใจให้สู้ๆๆๆ ต้องเดินต่อไป   ช่วงกลางเดือน กันยายน 2565 หลังจากพี่สาว น้องชาย ทราบเรื่องญาติฝ่ายเพื่อนร่วมงานได้ เดินไปยังบ้านแฟน เพื่อขอไกล่เกลี่ย ให้เค้ารับผิดชอบ ให้เค้าช่วยผ่อนรถบ้าน หรือว่าถ้าเค้าไม่คืนรถก็ขอให้เค้า เปลี่ยนสัญญญาการซื้อขายให้เเขา เป็นเจ้ารับผิดชอบไปเลย เขาได้แต่เงียบและไม่พูดจาก ไม่มีคำตอบอะไรทั้งสิ้น  ได้บอกว่าจะปรึกษากันแล้วจะติดต่อกลับไป ซึ่งการเดินไปบ้านแฟนเพื่อน ได้ขอประสานกับผู้ใหญ่คอยช่วยประสานให้  แต่ทุกอย่างก็อเงียบไปเลย  ระยะเวลาผ่านได้ 1 เดือน ไม่รู้จะทำไง ทำฝั่งแฟนไม่คืนรถ ไม่ติดต่อกลับ   เพื่อนที่ทำงานทุกคนจึงตัดสินช่วยกันขอคำปร๊กษา หาความรุ้จากเวบ จากเฟส จากทนายผ่านการโทรมือถือ  พร้อมกับร่างหนังสือ ทวงถาม เพื่อขอรถคืน ส่งไปฉบับที่1 ไปแล้ว เงียบไม่ได้รับการติดต่อกลับ    ส่งไปฉบับัที่2 เงียบไม่ได้รับติดต่อกลับ  จนกระทั้งปลายเดือน ทั้งเพื่อนร่วมงาน และ พี่ชาย น้องชาย พี่สาว  ได้ข้อมูลว่า สามารถขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ ที่ กทม สามารถช่วยเหลือได้ และปรึกษาโทรปรึกษาอะไรฟรีทุกอย่าง  เพื่อนร่วมงานได้ตัดสินใจ โทรไปรับคำปรึกษา  และทางสภาทนายให้คำแนะนำโดยการให้เตรียมเอกสารทุกอย่างไป ยื่นในวันเวลาทำการ  หลังได้นัดหมาย เพื่อนร่วมงานได้ ไปตามนัดหมาย เพื่อยื่นเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย  และทางสภาบอกว่าให้รอผลการช่วยเหลือระยะเวลา 15 วันไม่ร่วม เสาร์ อาทิตย์     รอแล้ว รอแล้ว รอแล้ว รอแล้ว รออีก นานมากๆๆจนครบ 15 วัน โทรไปตามเบอร์โทรที่ให้ไว้  ผลปรากฎว่าไม่ผ่านการอนุมัติการช่วยเหลือ คือไม่มีทนายมาให้ความช่วยเหลือ เค้าได้ให้คำแนะนำง่ายๆๆสองทางคือ ไปแจ้งความ กับไปหาทนายข้างนอกสู้เอง  หลังจากนั้น เพื่อนไม่มีทางเลือก หลังพิงฝาไม่รู้จะไปทางไหน  (ขอย้อนเวลากลับตอนต้น เพื่อนร่วมงานได้พยายามเดินไป2-3 สน.เพื่อขอคำปรึกษาและหาแนวทาง ในทางขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีสน.สามารถให้แนะนำหรือแนวทางปฎิบัติได้  อาจจะมองว่าไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่การดูแล จริงๆๆด้วยแหละ   นอกจากนี้ได้มีการโทรปรึกษา ทนายบางท่านก้เสนอเป้นราคาในระดับหนึ่ง ด้วยราคาที่ระดับหนึ่ง)  
     หลังจากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสภาทนายความ  ก้ไม่รู้จะพึ่งอะไรแล้ว จึงตัดสินใจ เดินทางไป สน. เขตพื้นที่เพื่อนเคยอยู่อาศัยกับแฟน   เพื่อนบอกว่าโชคดีมากๆๆที่ ทางสน. รับแจ้งความ พร้อมให้การช่วยเหลือ เต็มที่ ช่วงเวลาประมาณปลายเดือน พฤษจิกายน 2565  เพื่อนที่ทำงานทุกคนดีใจมากๆๆ อยากให้เพื่อนหลุดจากเรื่องนี้ให้ได้  หลังจากได้รับการแจ้งความแล้ว ทุกอย่างก็ดำเนินไปทิสทางที่ดี  มีการออกหมายเรียก ออกไปฉบับที่ 1  ทางญาติ แม่ของแฟนเพื่อน ติดต่อกลับมาทันที ขอไกล่เกลี่ย จะขอทำสํญญาเช่าซื้อรถ เปลี่ยนสํญญาคนซื้อ หรือแม้แต่ขอจ่ายต่อเอง   ขออย่างเดียว อย่าให้ตำรวจออกหมายจับ เท่านั้น ทุกอย่างโอเครหมด  แต่ก้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ได้โทรไปสอบถามกับไฟแนนท์ เจ้าของรถตัวจริง การจะเปลี่ยนสํญญาผู้เช้าชื้อของผู้รับการเปลี่ยนผู้เช่าซื้อ เจอปัญญหาใหญ่เลย เพราะว่าแฟนของเพื่อน ไม่มีรายได้ ไม่เงิน ไม่ได้ทำงานประจำ  นอกจากนี้ทางได้ขอเปลี่ยนเป็นพี่ชายในการผ่อนต่อ แทนน้องชายแฟน ซื้อได้คุยปรึกษากับทางไฟแนนท์  ซึ่งเป็นไม่ได้เลย ที่จะเปลี่ยนสํญญา  ทางญาติแฟนเพื่อนได้ ให้ เพื่อนร่วมงาน ดำเนินการทุกอย่าง ฝั่งนู้นจะจ่ายเงินอย่างเดียว  สรุปแล้วคือไม่สามารถเปลี่ยนสัญญาชื่อผู้เช่าวื้อขายได้  ทุกอย่างไม่ลงตัว ไม่ได้ง่ายเลย  จนกระทั้งหมายเรียกจากตำรวจครั้งที่2   ฝั่งญาติแฟนเพื่อนติดต่อกลับมาอีก เสนอจะขอผ่อนจ่ายเอง โดยไม่มีการทำสัญญา พร้อมจะผ่อนจ่ายให้ทุกงวด  แต่เพื่อนต้องการให้ทำสัญญา พร้อมเงื่อนไข  เงียบไปหลายวัน พร้อมกับติดเพื่อนมาว่าจะขอคืนรถยนต์ให้ ให้ไปรับรถด้วย  เพื่อนได้ขอให้ช่วยว่อมรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน  เพราะต้องนำกลับไปคืนไฟแนนท์หาทางจ่ายส่วนที่เหลือ  สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็เงียบไปหมด ติดต่อไม่ได้    
 เรื่องราวก็ผ่านมาได้เกือบจะสองเดือนทุกอย่างเงียบไปหมด  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น   เห็นเพื่อนไปติดทาง กับทางตำรวจว่าจะทอย่างไรดี ตำรวจจะออกหมายจับไหม พี่แกรับปากบอกว่างานยุ่งมากๆขอเวลา 2 อาทิตย์   หลังจากเวลาไป2 อาทิตย์ ติดต่อกลับอีกที ทุกอย่างเงียบเหมือนเดิม  แจ้งกลับมากว่า ภายในวันศุกร์   หลังจากนั้น อีก 3 อาทิตย์  ติดต่อกลับใหม่  พี่ตำรวจบอกว่า งานยุ่งจะรีบให้ไวที่สุด งานยุ่งมาก  เมื่อตอนบ่ายพวกเราเพื่อนร่วมทุกคนพยายามรอคำตอบ สุด้ทายได้คำตอบแบบนี้ ควรจะทำยังไงต่อดี  นับเวลาหลังจากแจ้งความมาถึงตอนนี่ 4 เดือนครึ่งแล้ว  พวกเราเพื่อนร่วมงานอยากจะช่วยแต่ไม่รุ้จะหาหนทางไปเพิ่งพาใครได้ ไม่มีความรุ้  หวังตำรวจ แม้ตำรวจออกหมายเรียกแล้วยังไม่มีการเคลื่อนไหว  ควรจะทำยังได้   หากท่านใดเคยพบเจอปัญหาแบบนี้  พวกเรา อยากขอคำแนะนำ  อยากขอความช่วยเหลือ  บางทีก็ทนเหนเพื่อนทนอยู่กับเรื่องราวแย่ๆๆแบบนี้ ไม่รู้จะช่วยยังไง  ได้แต่ให้กำลังใจ สู้  ให้เค้าตั้งใจทำงาน  หากท่านได มีแนวทางหรือหนทางช่วยเหลือ เพื่อนร่วมงานคนนี้ จะขอบพระคุณมากๆๆ(ผ่อนรถแต่ไม่มีรถ เงินที่หายไปแบบนี้ มีใครจะช่วยเพื่อนได้ไหม)
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
น้ำเยอะเกิน  เอาแต่เนื้อได้มั้ย  อ่านได้ครึ่งทาง  

เลิกกับแฟน แฟนเอารถไปใช้  ไปตามรถกลับมาแล้วขายซะจะได้จบ  เคยเป็นแฟนและอยู่ด้วยกันมา ถ้าไม่รู้อะไรก็ทำใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่