สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาบอกเล่าประสบการณ์การอกหัก ผิดหวังจากความรักที่ดำเนินมาอย่างยาวนานถึง 11 ปี ใครอกหัก รักคุด ผิดหวังอย่างรุนแรงจากความรักเมื่อเข้ามาอ่านแล้วจะได้มีกำลังใจนะคะ เราผ่านมันมาได้ คุณก็ต้องผ่านไปได้ค่ะ
.....ตุลาคม 2565 เป็นเดือนที่เราตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับคนรักที่คบกันมา 11 ปี สาเหตุขอไม่พูดถึงเพราะไม่งั้นจะยาว แต่เลิกกันโดยที่ไม่มีมือที่3 และยังรักเขาอยู่มากค่ะ บอกเลิกตอนแรก ความรู้สึกคือตัวชา เพราะของเราคือการบอกเลิกต่อหน้าเขาเลย เขาก็นิ่ง ไม่มีการยื้อใดๆทั้งสิ้น ซึ่งวันนั้นเราก็คิดว่าเราตัดสินใจมาดีมากๆแล้วจริงๆ เดินออกมาจากห้องเขา ขับรถไปร้องไห้ไปและโทรเล่าให้เพื่อนฟัง ในตอนนั้นต้องการการซัพพอร์ตและรับฟังจากใครสักคนมากจริงๆค่ะ เหมือนโลกของเราพังทลายลงมา เหมือนสูญสิ้นแล้วทุกอย่าง ทั้งที่จริงๆแล้วเรายังมีครอบครัว เพื่อน และอื่นๆให้เราโฟกัสหรือทำอีกมาก
.......หลังจากเลิกมาได้ 2 วัน ทนไม่ไหวโทรไปหาเขา บอกเขาว่าคิดถึงมากๆ และยื่นข้อเสนอไปว่าลองห่างกันดูมั้ยแล้วสิ้นปีค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะคบต่อไหม เขาบอกขอเวลาตัดสินใจก่อน ช่วงนั้นก็คือร้องไห้ทุกเช้า 7 โมงต้องโทรหาเพื่อนละ เที่ยงก็ร้อง บ่ายก็ร้อง มีแค่ช่วงเย็นเท่านั้นที่พอจะอยู่คนเดียวได้ ข้าวก็กินไม่ลง แต่ต้องฝืนกินเอา ผ่านไปสามวันเขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะรับข้อเสนอนั้นมั้ย เราจึงเลือกเองว่า เลิกกันเถอะ แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต เจ็บมากตอนพิมพ์ไลน์ไปก็ร้องไห้ไปด้วย แต่รู้ละว่าฝืนไปยังไงก็ต้องจบอยู่ดี ฝากถึงคู่ที่กำลังฝืนทนอยู่กันเพราะคิดว่าคบกันมานานไม่อยากเริ่มใหม่ว่า ออกมาเถอะค่ะถ้ามันไม่ไหว ที่สุดเเล้วทั้งเราและเขาก็จะไม่มีความสุขกับความสัมพันธ์นี้เลย เอาตัวเองออกมา เรียนรู้ เข้าใจและยอมรับนะคะว่ามันไปด้วยกันไม่ได้แล้วจริงๆ
……เราร้องไห้หนักๆประมาณ 2 เดือนค่ะ แต่เราไม่ติดต่ออะไรเขาไปเลย บล็อกเขาทุกช่องทาง แนะนำว่าให้เลิกส่องเลิกติดต่อเลยในช่วงแรกถ้ายังทำใจไม่ได้ พยายามอย่าไปรับรู้เรื่องของเขา มันจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ ช่วงที่เราหนักๆเราตัดสินใจเข้าพบจิตแพทย์ พอได้คุยกับหมอก็ร้องไห้โฮเลย เล่าทุกอย่าง หมอเป็น ผญ ใจดีและตั้งใจรับฟังมากๆค่ะหมอบอกเราว่า ถ้าเรารักเขาจริง เราต้องอยากเห็นเขามีความสุข และเฝ้ามองเค้าอย่างมีความสุขเช่นกัน มีรักก็มีเลิกเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดคนที่แต่งงานกันแล้วยังหย่ากันเยอะแยะไป ฟังคุณหมอพูดแล้วก็คิดตามค่ะ จากนั้นหมอจ่ายยาให้ เป็นยาลดการคิดวน ช่วยให้หลับสบายและลดอาการวิตกกังวลด้วยค่ะ และด้วยอาการของเราช่วงอกหักมีอาการใจสั่น เลยได้ยากันใจสั่นมาด้วยค่ะ เลยอยากแนะนำทุกคนที่อกหักแล้วมันพยุงตัวเองขึ้นมาไม่ไหวจริงๆ ลองพบจิตแพทย์ดูค่ะ ยาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยปรับสารเคมีในสมอง แต่ไม่ใช่ว่ากินสามวันแรกแล้วจะดีขึ้นเลยนะคะ มันต้องใช้เวลาให้ยาออกฤทธิ์ค่ะ สักสัปดาห์นึง จะรู้สึกดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ายังไปส่อง ยังไปรับรู้เรื่องของเขา การทำใจก็จะทำได้ยาก เพราะรับรู้มาตลอดว่าเขาทำอะไร ที่ไหน กับใคร แนะนำตัดออกจากชีวิตไปเลยค่ะช่วงนี้ ทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยกลับมาเป็นเพื่อนกัน
…..ช่วงอกหักแรกๆเราเข้าใจเลยว่ามันแย่ แบบเเย่มากๆ เหมือนกระวนกระวาย เหมือนจะอยู่ไม่ได้ มันเสียใจ เสียดายไม่อยากทำอะไรเลย พยายามอย่าอยู่คนเดียวนะคะ ถ้าทำงานก็ยุ่งกับงานให้มากๆค่ะ หาอย่างอื่นโฟกัสเอา พยายามทำตัวให้ยุ่งๆเข้าไว้ ส่วนเรานอกจากหาหมอแล้วก็ตัดสินใจไปออกกำลังกายค่ะ ฝืนตัวเอง จ้างเทรนเนอร์ ทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น สุขภาพที่ดีก็จะตามมา และได้ผลค่ะ พอออกกำลังกายทำให้หลับสนิทมากขึ้น เพราะช่วงแรกๆเราชอบตื่นมากลางดึกตลอดเลยค่ะ และส่วนนึงยาของหมอด้วย ซึ่งทำให้เราหลับเต็มอิ่ม ไม่โทรมมากค่ะ ผ่านสองเดือนแรกมาได้ก็ไม่ร้องไห้แล้วค่ะ (ระยะเวลาการร้องไห้แล้วแต่คนนะคะ แต่ตามสเต็ปแล้วหลังจากหกเดือนเราจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ) พอเข้าช่วงกลางเดือนที่4 มีคนมาบอกว่าเขามีแฟนใหม่แล้ว พอเรารู้ก็ใจหายเลยค่ะ คนเคยอยู่กันมาม11 ปีเนาะ เราได้แต่คิดว่ารอยยิ้มที่เขาเคยมีให้เรา เขาเอาไปให้คนอื่นแล้ว วันนั้นก็ร้องไห้ค่ะหลังจากที่ไม่ร้องมานาน ก็ได้เพื่อน พ่อแม่ ครอบครัวคอยปลอบใจค่ะ ถ้าจำไม่ผิดก็ร้องไห้อยู่ 2 วัน ต่อมาก็ไม่ร้องละค่ะ ก็พยายามทำใจตัดให้ขาด ถามว่าเสียใจมั้ยที่เขามีแฟนใหม่ ตอบเลยว่าเสียใจมากค่ะ แต่เราไม่มีสิทธิอะไรในตัวเขาแล้ว ปล่อยเขาไปค่ะ เขาต้องมีชีวิตของเขาและเราก็ต้องมีชีวิตของเรา จนเข้าเดือนนี้ครบ 6 เดือนที่เลิกกันแล้วค่ะ ตอนนี้เราทำใจได้แล้ว ใช้ชีวิตได้ปกติมีความสุขดี เเต่บอกเลยว่าช่วงแรกจะเหงามากๆ เหงาแบบที่ไม่เคยเหงามาก่อน แต่ไม่แปลกนะคะ เคยมีคนข้างๆมาต้องนาน อยู่ๆเขาหายไปเป็นธรรมดาเลยค่ะที่จะเหงา เราอยากแนะนำว่าถึงคุณจะหยุดร้องไห้มาเป็นเดือนแล้ว แต่บางทีถ้ารู้สึกคิดถึงมากๆละอยากร้องไห้ ก็ร้องเลยนะคะ อย่ากดดันตัวเอง แล้วคุณจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ
……สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าเมื่อตัดสินใจเดินออกมาแล้ว ขอให้เดินหน้าต่อไปค่ะ จริงอยู่ความรักที่จบไปมันอาจจะเคยดีมากๆ แต่อย่างที่บอก ถ้ามันดีจริงๆเราจะเดินออกมาทำไม เพราะฉะนั้นเริ่มต้นใหม่ค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีเพื่อเตรียมเปิดรับโอกาสหรือคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ถ้ายังไม่พร้อมจะคุยกับใครในตอนที่เพิ่งเลิกก็อย่าเพิ่งคุยค่ะ เอาที่เราสบายใจเลย หรือบางคนหาคนคุยเพื่อจะได้ทำใจได้เร็วขึ้น วิธีนี้ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะแล้วแต่คนเลย แต่เราสองเดือนแรกคือไม่พร้อมจะคุยหรือเริ่มต้นกับใครจริงๆ ส่วนตอนนี้มีคนคุยแล้วค่ะ อนาคตไม่รู้ว่าจะได้คบกันมั้ย ถ้าไม่ได้คบก็ถือว่าได้เพื่อนใหม่เข้ามาในชีวิตแล้วกันค่ะ อย่าคาดหวังกับอนาคตมากไป ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำอะไรก็เต็มที่กับมันค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังว่ายังทำไม่เต็มที่ และอยากจะบอกว่า คนที่เลิกไปไม่ใช่คนเดียวที่รักคุณมากที่สุด และไม่ใช่คนเดียวที่คุณรักมากที่สุด คุณยังสามารถเจอคนที่คุณรักได้มากกว่านี้ และเขาก็รักคุณได้มากกว่านี้อีกค่ะ เขื่อเรานะคะ เราผ่านมาได้ คุณก็ต้องผ่านมันไปได้ค่ะ
ด้วยรัก 18/04/66
บอกเล่าประสบการณ์อกหักจากความรัก 11 ปี และวิธีทำใจในวันที่สูญเสียในวัย 31 ปี
.....ตุลาคม 2565 เป็นเดือนที่เราตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับคนรักที่คบกันมา 11 ปี สาเหตุขอไม่พูดถึงเพราะไม่งั้นจะยาว แต่เลิกกันโดยที่ไม่มีมือที่3 และยังรักเขาอยู่มากค่ะ บอกเลิกตอนแรก ความรู้สึกคือตัวชา เพราะของเราคือการบอกเลิกต่อหน้าเขาเลย เขาก็นิ่ง ไม่มีการยื้อใดๆทั้งสิ้น ซึ่งวันนั้นเราก็คิดว่าเราตัดสินใจมาดีมากๆแล้วจริงๆ เดินออกมาจากห้องเขา ขับรถไปร้องไห้ไปและโทรเล่าให้เพื่อนฟัง ในตอนนั้นต้องการการซัพพอร์ตและรับฟังจากใครสักคนมากจริงๆค่ะ เหมือนโลกของเราพังทลายลงมา เหมือนสูญสิ้นแล้วทุกอย่าง ทั้งที่จริงๆแล้วเรายังมีครอบครัว เพื่อน และอื่นๆให้เราโฟกัสหรือทำอีกมาก
.......หลังจากเลิกมาได้ 2 วัน ทนไม่ไหวโทรไปหาเขา บอกเขาว่าคิดถึงมากๆ และยื่นข้อเสนอไปว่าลองห่างกันดูมั้ยแล้วสิ้นปีค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะคบต่อไหม เขาบอกขอเวลาตัดสินใจก่อน ช่วงนั้นก็คือร้องไห้ทุกเช้า 7 โมงต้องโทรหาเพื่อนละ เที่ยงก็ร้อง บ่ายก็ร้อง มีแค่ช่วงเย็นเท่านั้นที่พอจะอยู่คนเดียวได้ ข้าวก็กินไม่ลง แต่ต้องฝืนกินเอา ผ่านไปสามวันเขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะรับข้อเสนอนั้นมั้ย เราจึงเลือกเองว่า เลิกกันเถอะ แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต เจ็บมากตอนพิมพ์ไลน์ไปก็ร้องไห้ไปด้วย แต่รู้ละว่าฝืนไปยังไงก็ต้องจบอยู่ดี ฝากถึงคู่ที่กำลังฝืนทนอยู่กันเพราะคิดว่าคบกันมานานไม่อยากเริ่มใหม่ว่า ออกมาเถอะค่ะถ้ามันไม่ไหว ที่สุดเเล้วทั้งเราและเขาก็จะไม่มีความสุขกับความสัมพันธ์นี้เลย เอาตัวเองออกมา เรียนรู้ เข้าใจและยอมรับนะคะว่ามันไปด้วยกันไม่ได้แล้วจริงๆ
……เราร้องไห้หนักๆประมาณ 2 เดือนค่ะ แต่เราไม่ติดต่ออะไรเขาไปเลย บล็อกเขาทุกช่องทาง แนะนำว่าให้เลิกส่องเลิกติดต่อเลยในช่วงแรกถ้ายังทำใจไม่ได้ พยายามอย่าไปรับรู้เรื่องของเขา มันจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ ช่วงที่เราหนักๆเราตัดสินใจเข้าพบจิตแพทย์ พอได้คุยกับหมอก็ร้องไห้โฮเลย เล่าทุกอย่าง หมอเป็น ผญ ใจดีและตั้งใจรับฟังมากๆค่ะหมอบอกเราว่า ถ้าเรารักเขาจริง เราต้องอยากเห็นเขามีความสุข และเฝ้ามองเค้าอย่างมีความสุขเช่นกัน มีรักก็มีเลิกเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดคนที่แต่งงานกันแล้วยังหย่ากันเยอะแยะไป ฟังคุณหมอพูดแล้วก็คิดตามค่ะ จากนั้นหมอจ่ายยาให้ เป็นยาลดการคิดวน ช่วยให้หลับสบายและลดอาการวิตกกังวลด้วยค่ะ และด้วยอาการของเราช่วงอกหักมีอาการใจสั่น เลยได้ยากันใจสั่นมาด้วยค่ะ เลยอยากแนะนำทุกคนที่อกหักแล้วมันพยุงตัวเองขึ้นมาไม่ไหวจริงๆ ลองพบจิตแพทย์ดูค่ะ ยาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยปรับสารเคมีในสมอง แต่ไม่ใช่ว่ากินสามวันแรกแล้วจะดีขึ้นเลยนะคะ มันต้องใช้เวลาให้ยาออกฤทธิ์ค่ะ สักสัปดาห์นึง จะรู้สึกดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ายังไปส่อง ยังไปรับรู้เรื่องของเขา การทำใจก็จะทำได้ยาก เพราะรับรู้มาตลอดว่าเขาทำอะไร ที่ไหน กับใคร แนะนำตัดออกจากชีวิตไปเลยค่ะช่วงนี้ ทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยกลับมาเป็นเพื่อนกัน
…..ช่วงอกหักแรกๆเราเข้าใจเลยว่ามันแย่ แบบเเย่มากๆ เหมือนกระวนกระวาย เหมือนจะอยู่ไม่ได้ มันเสียใจ เสียดายไม่อยากทำอะไรเลย พยายามอย่าอยู่คนเดียวนะคะ ถ้าทำงานก็ยุ่งกับงานให้มากๆค่ะ หาอย่างอื่นโฟกัสเอา พยายามทำตัวให้ยุ่งๆเข้าไว้ ส่วนเรานอกจากหาหมอแล้วก็ตัดสินใจไปออกกำลังกายค่ะ ฝืนตัวเอง จ้างเทรนเนอร์ ทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น สุขภาพที่ดีก็จะตามมา และได้ผลค่ะ พอออกกำลังกายทำให้หลับสนิทมากขึ้น เพราะช่วงแรกๆเราชอบตื่นมากลางดึกตลอดเลยค่ะ และส่วนนึงยาของหมอด้วย ซึ่งทำให้เราหลับเต็มอิ่ม ไม่โทรมมากค่ะ ผ่านสองเดือนแรกมาได้ก็ไม่ร้องไห้แล้วค่ะ (ระยะเวลาการร้องไห้แล้วแต่คนนะคะ แต่ตามสเต็ปแล้วหลังจากหกเดือนเราจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ) พอเข้าช่วงกลางเดือนที่4 มีคนมาบอกว่าเขามีแฟนใหม่แล้ว พอเรารู้ก็ใจหายเลยค่ะ คนเคยอยู่กันมาม11 ปีเนาะ เราได้แต่คิดว่ารอยยิ้มที่เขาเคยมีให้เรา เขาเอาไปให้คนอื่นแล้ว วันนั้นก็ร้องไห้ค่ะหลังจากที่ไม่ร้องมานาน ก็ได้เพื่อน พ่อแม่ ครอบครัวคอยปลอบใจค่ะ ถ้าจำไม่ผิดก็ร้องไห้อยู่ 2 วัน ต่อมาก็ไม่ร้องละค่ะ ก็พยายามทำใจตัดให้ขาด ถามว่าเสียใจมั้ยที่เขามีแฟนใหม่ ตอบเลยว่าเสียใจมากค่ะ แต่เราไม่มีสิทธิอะไรในตัวเขาแล้ว ปล่อยเขาไปค่ะ เขาต้องมีชีวิตของเขาและเราก็ต้องมีชีวิตของเรา จนเข้าเดือนนี้ครบ 6 เดือนที่เลิกกันแล้วค่ะ ตอนนี้เราทำใจได้แล้ว ใช้ชีวิตได้ปกติมีความสุขดี เเต่บอกเลยว่าช่วงแรกจะเหงามากๆ เหงาแบบที่ไม่เคยเหงามาก่อน แต่ไม่แปลกนะคะ เคยมีคนข้างๆมาต้องนาน อยู่ๆเขาหายไปเป็นธรรมดาเลยค่ะที่จะเหงา เราอยากแนะนำว่าถึงคุณจะหยุดร้องไห้มาเป็นเดือนแล้ว แต่บางทีถ้ารู้สึกคิดถึงมากๆละอยากร้องไห้ ก็ร้องเลยนะคะ อย่ากดดันตัวเอง แล้วคุณจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ
……สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าเมื่อตัดสินใจเดินออกมาแล้ว ขอให้เดินหน้าต่อไปค่ะ จริงอยู่ความรักที่จบไปมันอาจจะเคยดีมากๆ แต่อย่างที่บอก ถ้ามันดีจริงๆเราจะเดินออกมาทำไม เพราะฉะนั้นเริ่มต้นใหม่ค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีเพื่อเตรียมเปิดรับโอกาสหรือคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ถ้ายังไม่พร้อมจะคุยกับใครในตอนที่เพิ่งเลิกก็อย่าเพิ่งคุยค่ะ เอาที่เราสบายใจเลย หรือบางคนหาคนคุยเพื่อจะได้ทำใจได้เร็วขึ้น วิธีนี้ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะแล้วแต่คนเลย แต่เราสองเดือนแรกคือไม่พร้อมจะคุยหรือเริ่มต้นกับใครจริงๆ ส่วนตอนนี้มีคนคุยแล้วค่ะ อนาคตไม่รู้ว่าจะได้คบกันมั้ย ถ้าไม่ได้คบก็ถือว่าได้เพื่อนใหม่เข้ามาในชีวิตแล้วกันค่ะ อย่าคาดหวังกับอนาคตมากไป ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำอะไรก็เต็มที่กับมันค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลังว่ายังทำไม่เต็มที่ และอยากจะบอกว่า คนที่เลิกไปไม่ใช่คนเดียวที่รักคุณมากที่สุด และไม่ใช่คนเดียวที่คุณรักมากที่สุด คุณยังสามารถเจอคนที่คุณรักได้มากกว่านี้ และเขาก็รักคุณได้มากกว่านี้อีกค่ะ เขื่อเรานะคะ เราผ่านมาได้ คุณก็ต้องผ่านมันไปได้ค่ะ
ด้วยรัก 18/04/66