สงกรานต์วันที่ 14 เมษายน เมื่อวานนาซ่าฉลองที่ mars helicopter 'Ingenuity' บินได้ 50 รอบ จากที่ตั้งเป้าไว้แค่ 5 รอบ เท่านั้น
ตอนแรกเราดูแค่จากแผนที่บน mars มันเหมือนบินไม่ยาก แต่พอดูสภาพอากาศแล้วต้องทึ่งนะ เพราะอากาศหนาแน่นต่ำกว่าโลก เป็น 100 เท่า แรงลอยตัวจะต่ำลง 100 เท่า ทำให้เจ้าเฮลิคอปเตอร์นี้ถ้าจะบินให้ได้ต้องบินให้เร็วขึ้นเป็น 10 เท่า ถ้าเราคิดง่าย ๆ ว่า อะไร ๆ อย่างอื่นเหมือนกันนะ ซึ่งถ้าต้องหมุนใบพัดเร็วมาก ๆ มันจะพังง่ายกว่าเดิม กินไฟต้องคอยใส่พลังงานให้มันเยอะ ๆ
แต่ถ้าใส่แบตไปหนักมันจะบินไม่ไหว ใส่น้อยไปก็ต้องสร้างพลังงานไปด้วย ซึ่งเจ้า helicopter ingenuity นี่เค้ามีรถที่คอยจ่ายพลังงานให้ชื่อ mars rover Perseverance ที่บินกลับไปชาร์จแบตแล้วถ่ายข้อมูลให้ แล้วต้องคอยให้ความร้อนตัวเองไปด้วยไม่ให้แบตพัง เพราะมันหนาวมากติดลบมากกว่าโลกไปมากมาย อาจถึง -99°C ในขณะที่โลกเราหนาวสุดที่รัสเซียวัดได้ -71°C คือแค่นี้แบตก็พังหมดละนะถ้าไม่ให้ความร้อนมัน
https://mars.nasa.gov/mer/mission/rover/temperature/
คุณน้อง helicopter ingenuity เค้าหนักแค่ 1.8 กิโลกรัม ตัวนิดเดียวบินลงมาจากช่องใต้รถ rover preserverance ที่เพิ่งขึ้นไปบน Mars พาน้องเฮลิคอปเตอร์นี่ไปด้วย
สิ่งที่เราทึ่งและสงสัยคือ ingenuity helicopter นี่บินกลับไปที่รถ Rover นี่ได้ไงแบบไม่มีพลาดเลย 50 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปี ที่มันขึ้นไป
แต่ ถ้าเทียบกับรถ Mars Rover Curiosity ที่ขึ้นไปวิ่งอยู่ 11 ปีละ ในขณะที่เทคโนโลยีตอนนั้นไม่น่าจะก้าวหน้าเท่าไหร่ การควบคุมคิอยังขับด้วยคนนะ คิอคุมยังไงจากโลกไม่ให้รถชน รถคว่ำ โดนทรายกลบ ไม่เสียหายเป็นไรไป เทียบกับเราเองที่เล่นรถบังคับก็ชนวอดวายตลอดนี่นึกภาพไม่ออกว่าเค้าบังคับรถข้ามดาวกันได้นะ ถึงมันจะวิ่งช้าเท่าหอยทาก แต่มันยากตรงที่คนบังคับจะไม่เห็นทางเท่าไหร่
อีกอย่าง เราทึ่งกับการออกแบบพลังงานที่ให้ทั้งความร้อนแล้วก็ไฟฟ้าที่ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ส่งข้อมูลได้ 11 ปีแล้ว ตัวสร้างไฟฟ้านี้ก็คือเบามากนะ ใช้ธาตุที่สกัดยรกมากหายากมาก ๆ อย่าง Plutonium–238 ที่แพงกว่าทองเป็น 10 เท่า แล้วเค้าเอาไว้ใช้ผลิตอาวุธสงครามที่ให้พลังงานมหาศาล รถนี้ได้พลังงานจากความร้อนจากกัมมันตภาพรังสีที่ถูกแปลงความร้อนนี้ด้วย thermocouples ที่ใช้ความแตกต่างของความร้อนเป็นตัวสร้างกระแสไฟฟ้า เรียกว่า radioisotope thermoelectric generator (RTG)
หลังจากที่ได้รับ software update เมื่อวันที่ 3-7 เมษายนที่ผ่านมา แล้วยังใช้ได้ต่อไปอีก แบบนี้ก็น่าทึ่งมั้ยโดนแดดลม รังสี พายุทรายมาแล้วรอดมาได้
คุณว่าระหว่างการทำ helicopter ingenuity ให้บิน 50 รอบ กับ ทำให้รถ curiosity วิ่งบน mars ได้ 11 ปีอันไหนยากกว่า
สิ่งที่น่าจับตาคือรถ rover preserverance ตัวที่วิ่งบน mars ตอนนี้ถ่ายรูป 3D วิ่งหนีหลุม ไปทางที่ดี ๆ ได้ จะวิ่งได้เร็วกว่า curiosity รุ่นพี่ของมัน แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือ การที่รถคันนี้มีทั้งไฟฟ้านิวเคลียร์ โซล่าเซลล์ แล้วก็แบตเตอรี่ ที่เก็บไฟฟ้าตอนพีค ๆ ได้อีก
แต่พีคสุดน่าจะเป็นการที่มันมีตัวเปลี่ยน carbon dioxide ให้เป็น oxygen ได้ คือที่ mars มีแต่ carbon dioxide 96% การผลิตออกซิเจนออกมาได้จะทำให้มีออกซิเจนใช้ในการสร้างพลังงานต่อไปเพราะว่าการเผาไหม้ต้องใช้ออกซิเจน
Moxie ขนาดทดลองเป็นถุง ๆ แบบนี้ที่ติดไปกับท้องรถของ rover preserverance
เครดิต NASA/JPL-Caltech
https://mars.nasa.gov/mars2020/spacecraft/instruments/moxie/
ไม่รู้ว่า Moxie แพงแค่ไหน แต่ต่อไปอาจมีประโยชน์กับโลกมนุษย์ก็ได้ ติดอยู่ตรงที่ต้องเอาไปผ่านความร้อนระดับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เนี่ยแหละจะยากไปไหม
รถ Curiosity ที่วิ่งมา 11 ปี เทียบกับ Ingenuity เฮลิคอปเตอร์ที่บิน 50 รอบบน Mars ที่นาซ่าฉลองเมื่อวาน ใครเก่งกว่ากันคะ
ตอนแรกเราดูแค่จากแผนที่บน mars มันเหมือนบินไม่ยาก แต่พอดูสภาพอากาศแล้วต้องทึ่งนะ เพราะอากาศหนาแน่นต่ำกว่าโลก เป็น 100 เท่า แรงลอยตัวจะต่ำลง 100 เท่า ทำให้เจ้าเฮลิคอปเตอร์นี้ถ้าจะบินให้ได้ต้องบินให้เร็วขึ้นเป็น 10 เท่า ถ้าเราคิดง่าย ๆ ว่า อะไร ๆ อย่างอื่นเหมือนกันนะ ซึ่งถ้าต้องหมุนใบพัดเร็วมาก ๆ มันจะพังง่ายกว่าเดิม กินไฟต้องคอยใส่พลังงานให้มันเยอะ ๆ
แต่ถ้าใส่แบตไปหนักมันจะบินไม่ไหว ใส่น้อยไปก็ต้องสร้างพลังงานไปด้วย ซึ่งเจ้า helicopter ingenuity นี่เค้ามีรถที่คอยจ่ายพลังงานให้ชื่อ mars rover Perseverance ที่บินกลับไปชาร์จแบตแล้วถ่ายข้อมูลให้ แล้วต้องคอยให้ความร้อนตัวเองไปด้วยไม่ให้แบตพัง เพราะมันหนาวมากติดลบมากกว่าโลกไปมากมาย อาจถึง -99°C ในขณะที่โลกเราหนาวสุดที่รัสเซียวัดได้ -71°C คือแค่นี้แบตก็พังหมดละนะถ้าไม่ให้ความร้อนมัน
https://mars.nasa.gov/mer/mission/rover/temperature/
คุณน้อง helicopter ingenuity เค้าหนักแค่ 1.8 กิโลกรัม ตัวนิดเดียวบินลงมาจากช่องใต้รถ rover preserverance ที่เพิ่งขึ้นไปบน Mars พาน้องเฮลิคอปเตอร์นี่ไปด้วย
สิ่งที่เราทึ่งและสงสัยคือ ingenuity helicopter นี่บินกลับไปที่รถ Rover นี่ได้ไงแบบไม่มีพลาดเลย 50 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปี ที่มันขึ้นไป
แต่ ถ้าเทียบกับรถ Mars Rover Curiosity ที่ขึ้นไปวิ่งอยู่ 11 ปีละ ในขณะที่เทคโนโลยีตอนนั้นไม่น่าจะก้าวหน้าเท่าไหร่ การควบคุมคิอยังขับด้วยคนนะ คิอคุมยังไงจากโลกไม่ให้รถชน รถคว่ำ โดนทรายกลบ ไม่เสียหายเป็นไรไป เทียบกับเราเองที่เล่นรถบังคับก็ชนวอดวายตลอดนี่นึกภาพไม่ออกว่าเค้าบังคับรถข้ามดาวกันได้นะ ถึงมันจะวิ่งช้าเท่าหอยทาก แต่มันยากตรงที่คนบังคับจะไม่เห็นทางเท่าไหร่
อีกอย่าง เราทึ่งกับการออกแบบพลังงานที่ให้ทั้งความร้อนแล้วก็ไฟฟ้าที่ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ส่งข้อมูลได้ 11 ปีแล้ว ตัวสร้างไฟฟ้านี้ก็คือเบามากนะ ใช้ธาตุที่สกัดยรกมากหายากมาก ๆ อย่าง Plutonium–238 ที่แพงกว่าทองเป็น 10 เท่า แล้วเค้าเอาไว้ใช้ผลิตอาวุธสงครามที่ให้พลังงานมหาศาล รถนี้ได้พลังงานจากความร้อนจากกัมมันตภาพรังสีที่ถูกแปลงความร้อนนี้ด้วย thermocouples ที่ใช้ความแตกต่างของความร้อนเป็นตัวสร้างกระแสไฟฟ้า เรียกว่า radioisotope thermoelectric generator (RTG)
หลังจากที่ได้รับ software update เมื่อวันที่ 3-7 เมษายนที่ผ่านมา แล้วยังใช้ได้ต่อไปอีก แบบนี้ก็น่าทึ่งมั้ยโดนแดดลม รังสี พายุทรายมาแล้วรอดมาได้
คุณว่าระหว่างการทำ helicopter ingenuity ให้บิน 50 รอบ กับ ทำให้รถ curiosity วิ่งบน mars ได้ 11 ปีอันไหนยากกว่า
สิ่งที่น่าจับตาคือรถ rover preserverance ตัวที่วิ่งบน mars ตอนนี้ถ่ายรูป 3D วิ่งหนีหลุม ไปทางที่ดี ๆ ได้ จะวิ่งได้เร็วกว่า curiosity รุ่นพี่ของมัน แล้วที่ยิ่งกว่านั้นคือ การที่รถคันนี้มีทั้งไฟฟ้านิวเคลียร์ โซล่าเซลล์ แล้วก็แบตเตอรี่ ที่เก็บไฟฟ้าตอนพีค ๆ ได้อีก
แต่พีคสุดน่าจะเป็นการที่มันมีตัวเปลี่ยน carbon dioxide ให้เป็น oxygen ได้ คือที่ mars มีแต่ carbon dioxide 96% การผลิตออกซิเจนออกมาได้จะทำให้มีออกซิเจนใช้ในการสร้างพลังงานต่อไปเพราะว่าการเผาไหม้ต้องใช้ออกซิเจน
Moxie ขนาดทดลองเป็นถุง ๆ แบบนี้ที่ติดไปกับท้องรถของ rover preserverance
เครดิต NASA/JPL-Caltech
https://mars.nasa.gov/mars2020/spacecraft/instruments/moxie/
ไม่รู้ว่า Moxie แพงแค่ไหน แต่ต่อไปอาจมีประโยชน์กับโลกมนุษย์ก็ได้ ติดอยู่ตรงที่ต้องเอาไปผ่านความร้อนระดับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เนี่ยแหละจะยากไปไหม