"ภาพยนตร์ส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลสูงต่อมาโคโตะ ชินไค คือภาพยนตร์ของฮายาโอะ มิยาซากิ"
นี่คือข้อเท็จจริงที่แฟน ๆ ชินไคหลายคนคงรู้ดี เพราะเมื่อยังวัยเยาว์หนังเรื่องโปรดของเขาคือ Laputa: Castle in the Sky, Nausicaä of the Valley of the Wind, Lupin III และผลงานอีกหลายเรื่องที่กำกับโดยฮายาโอะ มิยาซากิ ปรมาจารย์แห่งวงการอนิเมะที่เราน่าจะรู้จักกันดีกว่าในชื่อผู้ก่อตั้ง “Studio Ghibli”
ทว่าหากนึกถึงมาโคโตะ ชินไค สิ่งแรกที่จะเข้ามาคือภาพของชายผู้มาพร้อมกับอนิเมะแนวโศก เศร้า เหงา ซึ้ง ซึ่งเปี่ยมไปด้วยการเล่าเรื่องผ่านทัศนียภาพและความสัมพันธ์อันเปราะบางของมนุษย์ ใช่ครับ… ถ้ามีภาพนี้ลอยขึ้นมาคุณก็คิดไม่ผิดหรอก เพราะนี่คือความเป็นชินไคที่ปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่หนังเรื่องแรกของเขาเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกด้านที่ชินไคหลงรัก คือองค์ประกอบเชิงไซไฟและแฟนตาซี ซึ่งเราจะได้เห็นองค์ประกอบด้านนี้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในผลงานหลัง ๆ ของอาจารย์
หนึ่งในเรื่องที่ element ด้านนี้ปรากฏเด่นชัดเลยก็คือ Children Who Chase Lost Voices (2011) อันเป็นหนังที่ใคร ๆ เห็นครั้งแรกก็คิดว่านี่คืองานของ Studio Ghibli หากแต่ไม่ใช่… Children Who Chase Lost Voices ถือเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ครั้งแรกสำหรับแฟนหนังชินไค เพราะมันได้รับคำวิจารณ์ด้านลบเยอะที่สุดแล้ว อย่างเนื้อเรื่องไม่ดีบ้าง ตัวละครไม่น่าจดจำบ้าง หรือไม่มีความเป็นชินไคบ้าง ทำให้อาจเป็นอุทาหรณ์สำหรับแฟน ๆ บางคนจนมองว่า “มาโคโตะ ชินไคไม่เหมาะกับหนังแฟนตาซี”
หลังจากคุณผู้กำกับจับทางถูกมาตั้งแต่ The Garden of Words (2013) นี่จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่หนังของเขากลับมามีองค์ประกอบแฟนตาซีค่อนข้างจ๋าอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้กลับทำได้ต่างออกไปและน่าประทับใจเอาซะมากๆ
แฟนตาซีที่ใกล้ตัวที่สุด
เรื่องย่อ:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Suzume เล่าเรื่องราวของ "ซุซุเมะ" หญิงสาววัย 17 ปี อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบในภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น วันหนึ่งระหว่างที่เธอกำลังปั่นจักรยานไปโรงเรียน ก็สวนทางกับ "โซตะ" ชายหนุ่มปริศนาที่กำลังตามหาสถานที่มีประตูเก่าๆ ซุซุเมะจึงแอบตามไปจนกระทั่งพบประตูเก่าๆ บานหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสถานที่รกร้างกลางภูเขา
ซุซุเมะลองเปิดประตูบานนั้น จนนำไปสู่ต้นเหตุของความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นทั่วญี่ปุ่น เธอจึงต้องร่วมมือกับโซตะเพื่อปิดประตูทุกบานอีกครั้ง กลายเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การผจญภัยครั้งสำคัญ พร้อมๆ กับการเข้าไปค้นอดีตของตัวเอง และเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง (Source: Thairath)
Suzume no Tojimari หรือ “Suzume การผนึกประตูของซุซุเมะ” เป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิโทโฮกุในปี 2011 ซึ่งจากเหตุการณ์นั้น มีผู้เสียชีวิตราว 15,000 ราย ผู้บาดเจ็บราว 6,000 ราย และผู้สูญหายอีกราว 4,500 ราย นับว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
แตกต่างจากสองเรื่องก่อนหน้า แทนที่จะใช้การเล่าเรื่องแบบอุปมาอุปไมยอย่างภัยพิบัติดาวตกและน้ำท่วม (Your Name และ Weathering With You ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภัยพิบัติในญี่ปุ่นเช่นกัน) ใน Suzume กลับเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา กล้าบอกตรง ๆ ว่านี่คือเรื่องราวที่สร้างมาจากเหตุการณ์นี้จริง ๆ นะ ทั้งภาพ ประสบการณ์ วันที่ และความสูญเสีย แต่เพื่อเพิ่มความเป็นสื่อบันเทิง ชินไคจึงใส่ความแฟนตาซีเข้ามาช่วยเล่าทำให้เราได้พบกับเก้าอี้สามขา แมวพูดได้ ภัยพิบัติหนอน ตลอดไปจนถึงดินแดนนิรันดร์ที่ท้องฟ้าระยิบระยับไปด้วยหมู่ดาว
หากมองลึกลงไปในด้านเนื้อเรื่อง คงจะบอกได้ว่านี่อาจเป็นหนังที่ย่อยง่ายที่สุดของมาโคโตะ ชินไคแล้ว มีทั้งส่วนที่เดาได้และไม่ได้ แต่ความเดาได้นั้นไม่ทำให้เรารู้สึกสนุกกับหนังน้อยลงเลย เพราะภายใต้นั้นมันมีการเติบโตบางอย่างอยู่ (เอาเป็นว่าเวลา 2 ชั่วโมง คุณไม่ได้คุ้มแค่ภาพและเพลง เนื้อเรื่องก็ระดับท็อปเช่นกัน)
Suzume ไม่ใช่หนังที่ชูความสัมพันธ์เชิงรักใคร่อีกต่อไป แต่จะกลับมาโฟกัสกับความสัมพันธ์แบบครอบครัวและการเติบโตของตัวละครหลักมากกว่า ซึ่งการที่ชินไคกล้าทำแบบนี้จึงทำให้หนังมันดี เมื่อมีพระเอกเป็นเก้าอี้พูดได้ หนังจึงถูกลดทอนสัญลักษณ์ของความรักชาย-หญิงไป และนำ air time ของหนังไปเล่าเรื่องการผจญภัยได้มากขึ้น (ถึงในเรื่องจะมีกุ๊กกิ๊กกันบ้าง แต่ความสัมพันธ์ของพระ-นางจะออกแนวคู่หูมากกว่า)
การดำเนินเรื่องใน Suzume นั้นออกจะคล้ายกับเกม RPG ที่มีเนื้อเรื่องแนวผจญภัยเพื่อกอบกู้โลก พอจบภารกิจหนึ่ง (ปิดประตู) แล้ว ภารกิจหนึ่งก็จะโผล่ขึ้นใน location ต่อไป และนำไปสู่ Final Boss ในท้ายที่สุด เพราะเป็นอย่างนี้นี่จึงอาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Suzume มีเนื้อเรื่องน่าติดตามก็ได้ ในหนังมีจังหวะการเล่าเรื่องช้าเร็วค่อนข้างดี ไม่ซ้ำซากจำเจทั้งเรื่อง มีครบทุกอารมณ์ทั้งสนุก ตลก ลุ้น เศร้า ซึ่ง ตื่นเต้น ทำให้คนดูรู้สึกว่าหนังมีจุดหมายต่อไปอยู่ตลอด และช่วงไคลแมกซ์ก็ทำออกมาได้ประทับใจสุด ๆ เลยทีเดียว อันนี้พูดไม่ได้ ต้องไปดูเองจริงๆ
การออกแบบตัวละครใน Suzume ก็ดูละเอียดกว่าเรื่องก่อน ๆ มาก ตัวละครมีเบื้องลึกเบื้องหลังชัดเจน มีการทิ้งปมและแรงจูงใจที่ใกล้กับชีวิตจริง และที่สำคัญคือหนังใช้องค์ประกอบเหล่านี้ได้คุ้ม ทำให้รู้สึกตราตรึงใจในตอนสุดท้าย
ถึงแม้จะเพิ่มความแฟนตาซีเข้ามามาก แต่ชินไคก็ยังไม่ละทิ้งลายเซ็นของตัวเอง นั่นคือบริบทวัฒนธรรมในญี่ปุ่น การขยี้ถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ การดิ้นรนของชีวิต การครุ่นคิดถึงความทรงจำ และการอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับพระเจ้า (ธรรมชาติ) แน่นอนว่าต้องภาพและเพลงด้วย… แต่นั่นเป็นสิ่งที่ถึงไม่ต้องพูดมันก็ชัดเจนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ
เมื่อเรื่องราวของเหตุการณ์จริงถูกประกอบเข้ากับแฟนตาซีในฉบับชินไค สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ความเป็นแฟนตาซีที่ใกล้ตัวที่สุด” โดยเฉพาะกับชาวญี่ปุ่นหรือคนที่เคยประสบกับภัยพิบัติแห่งความสูญเสียมา นี่คือผลงานชิ้นเล็ก ๆ บนโลกที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำให้กลุ่มคนในยุคปัจจุบันรู้จักกับภัยพิบัติและพร้อมที่จะเดินไปกับมัน
ตัวตนของซุซุเมะคือตัวแทนของเด็กสาวที่เป็นผู้ประสบภัย ชีวิตเต็มไปด้วยความสับสน เติบโตมาพร้อมกับความไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่เธอจะได้พบหลังจากการผจญภัยที่ฝ่ามาด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง คือการตระหนักถึงด้านที่ขมขื่นและด้านที่สวยงามของชีวิต — นี่คือเรื่องราวแห่งการเติบโตของเธอ
การเติบโตของมาโคโตะ ชินไค
เวลาเราดูหนัง นั่นหมายความว่าเรากำลังดูตัวตนของผู้กำกับไปด้วย ความสมบูรณ์ของ Suzume ทำให้ข้อครหาจาก Children Who Chase Lost Voices จางหายไปอย่างแน่ที่สุด (แต่ส่วนตัวผมก็ยังมองว่า Children Who Chase Lost Voices ไม่ใช่หนังที่แย่ขนาดนั้นนะ) ไม่มีความเป็นจิบลิอย่างหวือหวาเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมี tribute เล็ก ๆ ที่โผล่แทรกเข้ามาในเรื่อง เราได้เห็นมาโคโตะ ชินไคพัฒนา วิวิฒนาการมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้ ที่เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าแฟนตาซีฉบับชินไคก็ต่อยอย่างจังได้เหมือนกัน
จาก Voices of a Distant Star จุดเริ่มต้นที่น้อยคนจะรู้จัก, 5 Centimeters Per Second หนังที่เหงาสุดขีด, Your Name เลิฟสตอรี่ที่กินใจสุดขีด, มาจนถึง Suzume ชินไคแฟนตาซีที่แสนจะน่าประทับใจยิ่ง ในฐานะแฟนตัวยงแล้ว การเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ในครั้งนี้ทำให้ดีใจมากจริง ๆ ครับ เพราะนี่คือขั้นต่อไปของมาโคโตะ ชินไคแล้ว
และถึงแม้จะอวยมาขนาดนี้ แม้ว่า Suzume จะสนุกขนาดไหนแต่มันก็ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบนะครับ ยังมีองค์ประกอบและปมอีกหลายอย่าง ที่นำมาใส่ในเรื่องแล้วไม่ทำการอธิบายให้ชัดเจนหรือไม่เฉลยบ้าง ทำให้ระหว่างดูผู้ชมอาจจะเกิดความสงสัยได้บ้าง แต่มันไม่ใช่อะไรขนาดที่จะทำให้อารมณ์ติดขัดหรือไม่เข้าใจเนื้อเรื่องเหมือนเรื่องก่อนๆ ทำให้ข้อเสียด้านนี้ถูกกลบไป
"ถ้า 5 Centimeters Per Second คือที่สุดของชินไคยุคแรก… Your Name คือที่สุดของชินไคยุคหลัง… Suzume ก็อาจเป็นก้าวแรกสู่ยุคที่สามของชินไคก็เป็นได้"
ยังไงก็ตาม ถ้าเรียงลำดับความชอบหนังชินไคของผมทั้งหมด ตอนนี้จะออกมาประมาณนี้ครับ
Your Name > 5 cm/s > The Garden of Words > Suzume > Weathering With You > The Place Promised In Our Early Days > Children Who Chase Lost Voices > Voices of a Distant Star
ฝากช่องทางติดตามเพจผู้เขียนไว้พลาง ๆ ด้วยเน้อ
[CR] การเติบโตของซุซุเมะ การเติบโตของผู้กำกับ — มองมาโคโตะ ชินไคผ่านหนังลายเซ็นแน่นเรื่องล่าสุดอย่าง Suzume no Tojimari
ทว่าหากนึกถึงมาโคโตะ ชินไค สิ่งแรกที่จะเข้ามาคือภาพของชายผู้มาพร้อมกับอนิเมะแนวโศก เศร้า เหงา ซึ้ง ซึ่งเปี่ยมไปด้วยการเล่าเรื่องผ่านทัศนียภาพและความสัมพันธ์อันเปราะบางของมนุษย์ ใช่ครับ… ถ้ามีภาพนี้ลอยขึ้นมาคุณก็คิดไม่ผิดหรอก เพราะนี่คือความเป็นชินไคที่ปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่หนังเรื่องแรกของเขาเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกด้านที่ชินไคหลงรัก คือองค์ประกอบเชิงไซไฟและแฟนตาซี ซึ่งเราจะได้เห็นองค์ประกอบด้านนี้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในผลงานหลัง ๆ ของอาจารย์
หนึ่งในเรื่องที่ element ด้านนี้ปรากฏเด่นชัดเลยก็คือ Children Who Chase Lost Voices (2011) อันเป็นหนังที่ใคร ๆ เห็นครั้งแรกก็คิดว่านี่คืองานของ Studio Ghibli หากแต่ไม่ใช่… Children Who Chase Lost Voices ถือเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ครั้งแรกสำหรับแฟนหนังชินไค เพราะมันได้รับคำวิจารณ์ด้านลบเยอะที่สุดแล้ว อย่างเนื้อเรื่องไม่ดีบ้าง ตัวละครไม่น่าจดจำบ้าง หรือไม่มีความเป็นชินไคบ้าง ทำให้อาจเป็นอุทาหรณ์สำหรับแฟน ๆ บางคนจนมองว่า “มาโคโตะ ชินไคไม่เหมาะกับหนังแฟนตาซี”
หลังจากคุณผู้กำกับจับทางถูกมาตั้งแต่ The Garden of Words (2013) นี่จึงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่หนังของเขากลับมามีองค์ประกอบแฟนตาซีค่อนข้างจ๋าอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้กลับทำได้ต่างออกไปและน่าประทับใจเอาซะมากๆ
แฟนตาซีที่ใกล้ตัวที่สุด
Suzume no Tojimari หรือ “Suzume การผนึกประตูของซุซุเมะ” เป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิโทโฮกุในปี 2011 ซึ่งจากเหตุการณ์นั้น มีผู้เสียชีวิตราว 15,000 ราย ผู้บาดเจ็บราว 6,000 ราย และผู้สูญหายอีกราว 4,500 ราย นับว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
แตกต่างจากสองเรื่องก่อนหน้า แทนที่จะใช้การเล่าเรื่องแบบอุปมาอุปไมยอย่างภัยพิบัติดาวตกและน้ำท่วม (Your Name และ Weathering With You ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภัยพิบัติในญี่ปุ่นเช่นกัน) ใน Suzume กลับเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา กล้าบอกตรง ๆ ว่านี่คือเรื่องราวที่สร้างมาจากเหตุการณ์นี้จริง ๆ นะ ทั้งภาพ ประสบการณ์ วันที่ และความสูญเสีย แต่เพื่อเพิ่มความเป็นสื่อบันเทิง ชินไคจึงใส่ความแฟนตาซีเข้ามาช่วยเล่าทำให้เราได้พบกับเก้าอี้สามขา แมวพูดได้ ภัยพิบัติหนอน ตลอดไปจนถึงดินแดนนิรันดร์ที่ท้องฟ้าระยิบระยับไปด้วยหมู่ดาว
การออกแบบตัวละครใน Suzume ก็ดูละเอียดกว่าเรื่องก่อน ๆ มาก ตัวละครมีเบื้องลึกเบื้องหลังชัดเจน มีการทิ้งปมและแรงจูงใจที่ใกล้กับชีวิตจริง และที่สำคัญคือหนังใช้องค์ประกอบเหล่านี้ได้คุ้ม ทำให้รู้สึกตราตรึงใจในตอนสุดท้าย
ถึงแม้จะเพิ่มความแฟนตาซีเข้ามามาก แต่ชินไคก็ยังไม่ละทิ้งลายเซ็นของตัวเอง นั่นคือบริบทวัฒนธรรมในญี่ปุ่น การขยี้ถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์ การดิ้นรนของชีวิต การครุ่นคิดถึงความทรงจำ และการอยู่ร่วมกันของมนุษย์กับพระเจ้า (ธรรมชาติ) แน่นอนว่าต้องภาพและเพลงด้วย… แต่นั่นเป็นสิ่งที่ถึงไม่ต้องพูดมันก็ชัดเจนอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ
ตัวตนของซุซุเมะคือตัวแทนของเด็กสาวที่เป็นผู้ประสบภัย ชีวิตเต็มไปด้วยความสับสน เติบโตมาพร้อมกับความไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่เธอจะได้พบหลังจากการผจญภัยที่ฝ่ามาด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง คือการตระหนักถึงด้านที่ขมขื่นและด้านที่สวยงามของชีวิต — นี่คือเรื่องราวแห่งการเติบโตของเธอ
การเติบโตของมาโคโตะ ชินไค
จาก Voices of a Distant Star จุดเริ่มต้นที่น้อยคนจะรู้จัก, 5 Centimeters Per Second หนังที่เหงาสุดขีด, Your Name เลิฟสตอรี่ที่กินใจสุดขีด, มาจนถึง Suzume ชินไคแฟนตาซีที่แสนจะน่าประทับใจยิ่ง ในฐานะแฟนตัวยงแล้ว การเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ในครั้งนี้ทำให้ดีใจมากจริง ๆ ครับ เพราะนี่คือขั้นต่อไปของมาโคโตะ ชินไคแล้ว
และถึงแม้จะอวยมาขนาดนี้ แม้ว่า Suzume จะสนุกขนาดไหนแต่มันก็ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบนะครับ ยังมีองค์ประกอบและปมอีกหลายอย่าง ที่นำมาใส่ในเรื่องแล้วไม่ทำการอธิบายให้ชัดเจนหรือไม่เฉลยบ้าง ทำให้ระหว่างดูผู้ชมอาจจะเกิดความสงสัยได้บ้าง แต่มันไม่ใช่อะไรขนาดที่จะทำให้อารมณ์ติดขัดหรือไม่เข้าใจเนื้อเรื่องเหมือนเรื่องก่อนๆ ทำให้ข้อเสียด้านนี้ถูกกลบไป
Your Name > 5 cm/s > The Garden of Words > Suzume > Weathering With You > The Place Promised In Our Early Days > Children Who Chase Lost Voices > Voices of a Distant Star
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้