เดือดไม่แผ่ว! สงกรานต์ 3 วัน ดับ 114 ราย เจ็บพันกว่า สั่งเพิ่มเข้มข้นจุดตรวจ-สกัด นักดื่ม
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7612072
 
 
เดือดไม่แผ่ว! สงกรานต์ 3 วัน ดับ 114 ราย เจ็บพันกว่า ศปถ.เน้นย้ำจังหวัด ปรับเพิ่มมาตรการ จุดตรวจ-สกัด พร้อมคุมเข้มพฤติกรรม ดื่มขับ-ขับรถเร็ว หวังลดปัจจัยเสี่ยงนำสู่อุบัติเหตุเสียชีวิต

14 เม.ย. 66 – ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.)
 
ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดย ปภ.และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” 
 
ซึ่งเกิดอุบัติเหตุ 437 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 49 ราย ผู้บาดเจ็บ 448 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 37.30 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 29.29
 
ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.51 ส่วนใหญ่เกิดบนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.76 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.24 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 81.69 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 17.01 – 18.00 น. ร้อยละ 9.05 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 30 – 39 ปี ร้อยละ 16.10
  
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (3 ราย)
 
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,867 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 54,374 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 351,984 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 53,617 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 15,914 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 15,584 ราย
 
สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (วันที่ 11 – 13 เมษายน 2566) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,055 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 114 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,064 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (38 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (9 ราย) และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช (40 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 19 จังหวัด
 
นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า หลายพื้นที่ยังคงเล่นน้ำสงกรานต์และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่สูง ศปถ.จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดปรับมาตรการ และวางแผนจัดตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เน้นดูแลถนนสายรองและเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์
 
โดยเพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติงานด่านชุมชน จุดตรวจ และจุดสกัด บนเส้นทางสายรองบริเวณสถานที่จัดงานสงกรานต์ตามประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ โดยกวดขันเป็นพิเศษในช่วงเวลาเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และการขับขี่ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
 
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถกระบะบรรทุกเล่นน้ำเป็นพิเศษ ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยของพื้นที่จัดงานสงกรานต์และสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมทั้งให้เข้มงวดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุและการเล่นน้ำที่ไม่ปลอดภัย
 
นายบุญธรรม กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วง 2-3 วันนี้ หลายพื้นที่ของประเทศอาจมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ซึ่งสภาพถนนที่เปียกลื่นและทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
 
จึงขอฝากเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง และสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และโดยสารยานพาหนะ เพื่อให้การเดินทางและการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นไปด้วยความปลอดภัย
 
สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือแจ้งเหตุทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
 

---

‘มาม่า’ กวาดยอดขายไตรมาสแรก 4 พันล้าน เผยส่งออกพุ่ง แต่ตลาดในประเทศอืด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3926257

‘มาม่า’ กวาดยอดขายไตรมาสแรก 4 พันล้าน โต 11% เผยตลาดแข่งเดือด หลังทุกยี่ห้อขึ้นราคาเป็น 7 บาท จัดโปรกระหน่ำ ซื้อ 2 แถม 1 ทุ่มจ้างพรีเซ็นเตอร์ ดึงกำลังซื้อวัยรุ่น
 
วันที่ 14 เมษายน นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ “มาม่า” เปิดเผยว่า ผลประกอบการโดยรวมไตรมาสแรกของปี 2566 มียอดขายในประเทศและต่างประเทศประมาณ 4,000 ล้านบาท เติบโต 11% และมีกำไรประมาณ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าเล็กน้อย

เนื่องจากมีการปรับราคาขายต่างประเทศและในประเทศขึ้น ทำให้มูลค่าขายเพิ่มสูง แต่จำนวนปริมาณขายลดลง เช่น ปี 2565 ขายได้ 100,000 หีบ ปีนี้ขายได้ 90,000 หีบ เป็นต้น ส่วนสถานการณ์ต้นทุนในขณะนี้ยังสูง แต่ไม่เท่ากับช่วงไตรมาส 2/2565 โดยวัตถุดิบหลักใช้ในการผลิตยังมีราคาสูงทั้งแป้งสาลีและน้ำมันปาล์ม รวมถึงสินค้าเกษตรใช้ผลิตเครื่องปรุงก็สูงขึ้นเช่นกัน
 
“ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยอดขายต่างประเทศเติบโตมากกว่า 10% ขณะที่ตลาดในประเทศยอดขายอืด คาดทั้งปีจะโต 3-4% หลังหมดมาตรการคนละครึ่ง ทำให้สินค้าจำเป็นทุกหมวดยอดขายตกลง สวนทางกับสินค้าฟุ่มเฟื่อย เช่น อาหารยอดขายโตขึ้น “ นายพันธ์กล่าวและว่า
 
ขณะที่การแข่งขันในตลาดก็สูงขึ้น หลังทุกยี่ห้อปรับราคาขึ้นซองละ 1 บาท จาก 6 บาท เป็น 7 บาท โดยแข่งจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมหน้าร้าน เช่น ซื้อ 2 แถม 1 ออกสินค้ารสชาติใหม่ จ้างพรีเซ็นเตอร์ เพื่อชิงยอดขายในตลาด ซึ่งไตรมาส2/2566 นี้ มาม่าจะออกสินค้าตัวใหม่เพิ่ม หลังไตรมาสแรกออกสินค้าใหม่ทั้งบะหมี่และโจ๊กไปแล้ว รวมถึงดึงดาราวัยรุ่นเป็นพรีเซนเตอร์มาม่าโอเค เพื่อขยายตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น

---

‘ทุนจีน’ บุกเชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต อีกระลอก กว้านซื้อที่ สวนทุเรียน รร. กินรวบธุรกิจทัวร์
https://www.matichon.co.th/economy/news_3926166

‘ทุนจีน’ บุกเชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต อีกระลอก กว้านซื้อที่ดิน สวนทุเรียน รร. กินรวบธุรกิจทัวร์
 
วันที่ 14 เมษายน นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มทุนจีนเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยวในรูปแบบทัวร์ศูนย์เหรียญที่เชียงใหม่มากขึ้น หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและจีนเปิดประเทศ ซึ่งรัฐบาลจีนมีการสนับสนุนให้นักลงทุนจีนลงทุนนอกประเทศและเชียงใหม่เป็นหนึ่งในเป้าหมายเข้ามาลงทุนทำธุรกิจ ซื้อที่อยู่อาศัยและส่งลูกเรียนหนังสือที่โรงเรียนนานาชาติ เพราะค่าครองชีพและค่าเรียนจะถูกกว่าประเทศจีน
 
“ก่อนโควิดจีนเข้ามาลงทุนที่เชียงใหม่มาก พอมีโควิดก็หยุดไป กำลังกลับมาใหม่อีกระลอก หลังเปิดประเทศ เห็นชัดคือธุรกิจอสังหาฯ คอนโดมิเนียมขายดีซื้อเต็มโควต้า 49% กำลังลามไปซื้อบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาทที่คนจีนร่วมกับคนไทยพัฒนาโครงการขายในโซนสันกำแพง สันทราย ใกล้กับสนามกอล์ฟเอ็ม สปอร์ต ซึ่งเป็นย่านที่คนจีนอยู่อาศัยและทำธุรกิจอยู่มาก เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก สนามไดร์ฟกอล์ฟ จนกลายเป็นเมืองย่อยๆของคนจีนหรือลิตเติ้ลไชน่า” นายจุลนิตย์กล่าว
 
@ สะพัดกว้านซื้อที่ดิน - เช่าซื้อรร.30 ปี
  
นายจุลนิตย์กล่าว นอกจากนี้ยังมีกระแสว่าทุนจีนได้กว้านซื้อที่ดินโซนหางดงร่วม 100 ไร่ พัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ครบวงจร มีคอมมูนิตี้มอลล์และที่อยู่อาศัย รวมถึงหาซื้อโรงเรียนนานาชาติและเช่าซื้อ 30 ปี โรงแรมแห่งหนึ่ง ขนาด 3 ดาว ประมาณ 200 ห้อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามา อีกทั้งกำลังเป็นที่จับตาว่าโครงการศูนย์การค้าจีนที่เคยมีแผนจะลงทุนก่อสร้างก่อนหน้านี้ ย่านถนนวงแหวนใกล้กับมหาวิทยาลัยพายัพ จะถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกหรือไม่
 
“คนจีนที่เข้ามาลงทุนถือวีซ่านักท่องเที่ยว และยังได้วิซ่าติดตามลูกมาเรียนหนังสือได้อีก ขณะที่เมื่อธุรกิจแล้วก็ไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้นการป้องกันภาครัฐต้องปรับแก้กฎหมายให้ถือวีซ่าเฉพาะว่าทำธุรกิจ” นายจุลนิตย์กล่าว
 
@ ก.ค.แห่เช่าเหมามาเที่ยว - เรียนซัมเมอร์
 
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กระแสที่ทุนจีนเช่าซื้อ 30 ปีโรงแรมแห่งหนึ่งย่านนอกเมืองเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น มีความเป็นไปได้สูง เพราะปัจจุบันทุนจีนเข้ามาลงทุนธุรกิจท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จในเชียงใหม่มากขึ้นหลังเปิดประเทศ ตั้งแต่ขายแพ็กเก็จทัวร์ เช่าเหมาลำ รถเช่า หาโรงแรมให้พัก และสถานที่ให้เที่ยว อีกไม่นานทัวร์ศูนย์เหรียญจะกลับมาอย่างแน่นอน
 
“คนจีนที่มาเที่ยวเชียงใหม่ มี 2 ตลาด คือ มากับทัวร์ จะต้องมีโรงแรม 100 ห้องรองรับ อีกตลาดมาเที่ยวเอง จองผ่านออนไลน์ จะมีแพ็กเกจรถเช่าและคอนโดหรือบ้านที่คนจีนซื้อลงทุนให้พัก ตอนนี้คนจีนยังเข้ามาที่เชียงใหม่ไม่มากเมื่อเทียบกับก่อนโควิด มีบินเข้ามา 29 ไฟลต์ต่อสัปดาห์หรือวันละ 5 ไฟลต์เท่านั้น” นายพัลลภกล่าว
 
นายพัลลภกล่าวว่า ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นช่วงปิดเทอมจะมีนักเรียนจีนมาเรียนซัมเมอร์ที่โรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่อีกมาก ซึ่งหอการค้าและบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย ได้รับการประสานจากภาคธุรกิจการศึกษาที่จีนขอเปิดเส้นทางการบินแบบเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลต์เข้ามา ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวจีนที่จะเช่าเหมาลำเข้ามาอีกมาก คาดว่าเดือนกรกฎาคมนี้จะมีคนจีนบินเข้าไทยทั้งเส้นทางปกติและเช่าเหมาลำกว่า 20 ไฟลต์ต่อวันหรือ 600 ไฟลต์ต่อสัปดาห์ ซึ่งยังเป็นเพียง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด
 
@รีเทิร์นซื้อกิจการแหล่งเที่ยวพัทยา
 
นายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยจังหวัดระยอง และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก กล่าวว่า ตอนนี้ภาคตะวันออกเริ่มเห็นคนจีนเข้ามาคึกคักมากขึ้น ทั้งนักลงทุนที่ขอส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เช่น บริษัทยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) รวมถึงนักท่องเที่ยวและนักลงทุนธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว เช่น ซื้อกิจการแหล่งท่องเที่ยวที่ปิดตัวไป ธุรกิจร้านอาหารในพัทยา ส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ค่อยเห็น แต่ก่อนหน้านี้มีเข้ามาลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม 1-2 โครงการที่พัทยาและระยอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จและปล่อยทิ้งร้างไว้
 
“ก่อนหน้านี้มีเข้ามาแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่หลังรัฐบาลมีการกวดล้างทำให้ซ่าลงไป หลังโควิดคลี่คลาย ธุรกิจหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่คนจีนเคยลงทุนไว้ก็เริ่มกลับมาเปิดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นทุนจีนหรือไม่” นายปรัชญากล่าว
 
@ช้อปสวนทุเรียน-เรือเร็วภูเก็ต
 
นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์ แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จีนที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จะมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มลงทุนธุรกิจที่กว้านซื้อคอนโดมิเนียม วิลล่า ตึกแถว ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจเรือเร็ว สวนทุเรียน ทำธุรกิจแบบครบวงจร รองรับนักท่องเที่ยวจีน ส่วนใหญ่จะร่วมทุนกับคนท้องถิ่น และอยู่ย่านโบ๊ทอเวนิว เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว