ตำนานวลีอมตะ“หนังไม่เหนียว ห้ามเที่ยวสาลีโข”
“จอมพลสฤษดิ์”เลื่อมใสบุกนมัสการถึงวัด!
เหรียญรุ่น2 พ.ศ.2507 เนื้อทองแดง...ไม่ทันท่าน เป็นเหรียญแจกงานศพ ปีพ.ศ.2507 หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช มาร่วมปลุกเสกให้...
วางใจได้เรื่อง”เหนียว” แต่ห้ามลองของ ผู้ที่มีเครื่องรางของขลัง หรือสักยันต์ของหลวงพ่อจำปาซึ่งมีความขลังด้านคงกระพันและเมตตา ถ้าไม่ไปทำผิดศีลธรรมหรือชะตาถึงฆาต ทุกคนล้วนปลอดภัยกันเป็นส่วนใหญ่....
วัดสาลีโขภิตาราม ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2399 โดยมีนางบุญมี ละนางบุญมา สองพี่น้อง เป็นผู้สร้างวัด ได้ตั้งความปรารถนาที่จะทำนาจึงอธิษฐาน และสำเร็จตามคำอธิษฐาน จึงได้บริจาคที่เพื่อสร้างวัดนี้ขึ้นและให้ชื่อว่า “วัดสาลีโค” ซึ่งมีความหมายว่า “ข้าวมาก” ต่อมาได้เพิ่มเป็น “วัดสาลีโขภิรตาราม” จนถึงทุกวันนี้ ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถปางมารวิชัย สร้างเมื่อ พ.ศ.2515 พระประธานประจำศาลาการเปรียญปางมารวิชัยสร้างเมื่อ พ.ศ.2536 หลวงพ่อคำ หลวงพ่อศิลาแลง รูปหล่อหลวงปู่เผือก รูปหล่อหลวงพ่อจำปา พระพุทธชินราช พระพุทธโสธร หลวงปู่ทวด รอยพระพุทธบาทจำลอง และท้าวมหาพรหม
ในอดีตชุมชนย่านวัดสาลีโขขึ้นชื่อว่าเป็นดงนักเลง ถึงกับมีคำพูดกันติดปากว่า “หนังไม่เหนียว ห้ามเที่ยวสาลีโข” วลีเด็ดนี้เป็นที่คุ้นหูคุ้นปากกันดีในหมู่นักเลงยุคเก่าราว 70 ปีก่อนจนกลายเป็นตำนานความขลังที่โด่งดังมาจนทุกวันนี้ โดยผู้ที่ทำให้เกิดตำนานวลีเด็ดนี้ก็คือ “หลวงพ่อจำปา นารโท” แห่งวัดสาลีโขภิตาราม....
ท่านเป็นศิษย์พุทธาคมสายตรงของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งในจังหวัดนนทบุรีมีหลวงพ่อจำปากับหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพังที่ไปร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่ศุข
ส่วนวิชาสักหลวงพ่อจำปาได้จากหลวงปู่ศุข เพราะสมัยหลวงปู่ศุขมีชีวิตอยู่ท่านก็เป็นอาจารย์สักเหมือนกัน...
หลวงพ่อจำปาท่านมีวิชาสักยันต์ที่ขลังมากๆ ลายสักยันต์ของท่านนั้นมีความขลังด้านคงกระพันและเมตตามหานิยม ลูกศิษย์ของหลวงพ่อจำปามีตั้งแต่นายทหาร นายตำรวจ พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงปกครอง บ้านเมืองเกิดความระส่ำระสาย อีกทั้งมีสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้คนอดอยาก โจรผู้ร้ายชุกชุม ปรากฏว่ามีผู้คนต่างพากันมาขอเครื่องรางของขลัง บางคนเดินทางมาไกลเพื่อมาขอเป็นลูกศิษย์และขอให้หลวงพ่อสักยันต์ให้ ยันต์ของหลวงพ่อจะลงศีรษะพระที่กระหม่อม แล้วจึงมาลงตัวองค์พระต่อไป...
แม้แต่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยังเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อถึงวัดสาลีโข เพราะได้ยินชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านมานาน...
ลูกศิษย์ที่เรียนวิชากับท่านมีอยู่หลายท่าน อาทิ 1.หลวงพ่ออุ่น (พระครูนนทสีลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดสาลีโข องค์นี้ไม่ได้สัก 2.หลวงพ่อสมภพ วัดสาลีโข องค์นี้จะดังมากเรื่องการสักและวัตถุมงคล และท่านยังเป็นร่างทรงหลวงปู่เผือกอีกด้วย 3.อาจารย์ละห้อย คล้ายสิงห์ เป็นอาจารย์สักสายฆราวาสที่มีชื่อเสียงดังพอสมควร 4.พระอาจารย์สนิท(อยู่แถวปากน้ำ สมุทรปราการ) 5.พระอาจารย์อาด วัดเจ้าอาม กทม. 6.หลวงพ่อประเทือง วัดสาลีโข เมื่อก่อนท่านก็มีสักเหมือนกัน แต่ปัจจุบันเลิกสักเพราะอายุมากแล้ว...
หลวงพ่อจำปาละสังขารลงในปีพ.ศ.2504 บรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านพากันเศร้าโศกเสียใจ ที่ขาดเสาหลักของชุมชนไป ทางวัดจัดงานศพหลวงพ่อและพิธีการต่างๆอย่างเต็มกำลัง จวบจนถึงปีพ.ศ. 2507จึงทำพิธีฌาปนกิจสรีระหลวงพ่อจำปา เมื่อร่างของหลวงพ่อเหลือแต่อังคารและเถ้าธุลี ปรากฏว่าคลื่นศรัทธามหาชนต่างเข้ายื้อแย่งชุลมุนจนเป็นเหตุให้เมรุที่สร้างขึ้นในการนี้ถึงกับพังลง...
หลวงพ่อจำปา นารโท
“จอมพลสฤษดิ์”เลื่อมใสบุกนมัสการถึงวัด!
เหรียญรุ่น2 พ.ศ.2507 เนื้อทองแดง...ไม่ทันท่าน เป็นเหรียญแจกงานศพ ปีพ.ศ.2507 หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช มาร่วมปลุกเสกให้...
วางใจได้เรื่อง”เหนียว” แต่ห้ามลองของ ผู้ที่มีเครื่องรางของขลัง หรือสักยันต์ของหลวงพ่อจำปาซึ่งมีความขลังด้านคงกระพันและเมตตา ถ้าไม่ไปทำผิดศีลธรรมหรือชะตาถึงฆาต ทุกคนล้วนปลอดภัยกันเป็นส่วนใหญ่....
วัดสาลีโขภิตาราม ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม พ.ศ. 2399 โดยมีนางบุญมี ละนางบุญมา สองพี่น้อง เป็นผู้สร้างวัด ได้ตั้งความปรารถนาที่จะทำนาจึงอธิษฐาน และสำเร็จตามคำอธิษฐาน จึงได้บริจาคที่เพื่อสร้างวัดนี้ขึ้นและให้ชื่อว่า “วัดสาลีโค” ซึ่งมีความหมายว่า “ข้าวมาก” ต่อมาได้เพิ่มเป็น “วัดสาลีโขภิรตาราม” จนถึงทุกวันนี้ ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถปางมารวิชัย สร้างเมื่อ พ.ศ.2515 พระประธานประจำศาลาการเปรียญปางมารวิชัยสร้างเมื่อ พ.ศ.2536 หลวงพ่อคำ หลวงพ่อศิลาแลง รูปหล่อหลวงปู่เผือก รูปหล่อหลวงพ่อจำปา พระพุทธชินราช พระพุทธโสธร หลวงปู่ทวด รอยพระพุทธบาทจำลอง และท้าวมหาพรหม
ในอดีตชุมชนย่านวัดสาลีโขขึ้นชื่อว่าเป็นดงนักเลง ถึงกับมีคำพูดกันติดปากว่า “หนังไม่เหนียว ห้ามเที่ยวสาลีโข” วลีเด็ดนี้เป็นที่คุ้นหูคุ้นปากกันดีในหมู่นักเลงยุคเก่าราว 70 ปีก่อนจนกลายเป็นตำนานความขลังที่โด่งดังมาจนทุกวันนี้ โดยผู้ที่ทำให้เกิดตำนานวลีเด็ดนี้ก็คือ “หลวงพ่อจำปา นารโท” แห่งวัดสาลีโขภิตาราม....
ท่านเป็นศิษย์พุทธาคมสายตรงของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งในจังหวัดนนทบุรีมีหลวงพ่อจำปากับหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพังที่ไปร่ำเรียนวิชาจากหลวงปู่ศุข
ส่วนวิชาสักหลวงพ่อจำปาได้จากหลวงปู่ศุข เพราะสมัยหลวงปู่ศุขมีชีวิตอยู่ท่านก็เป็นอาจารย์สักเหมือนกัน...
หลวงพ่อจำปาท่านมีวิชาสักยันต์ที่ขลังมากๆ ลายสักยันต์ของท่านนั้นมีความขลังด้านคงกระพันและเมตตามหานิยม ลูกศิษย์ของหลวงพ่อจำปามีตั้งแต่นายทหาร นายตำรวจ พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงปกครอง บ้านเมืองเกิดความระส่ำระสาย อีกทั้งมีสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้คนอดอยาก โจรผู้ร้ายชุกชุม ปรากฏว่ามีผู้คนต่างพากันมาขอเครื่องรางของขลัง บางคนเดินทางมาไกลเพื่อมาขอเป็นลูกศิษย์และขอให้หลวงพ่อสักยันต์ให้ ยันต์ของหลวงพ่อจะลงศีรษะพระที่กระหม่อม แล้วจึงมาลงตัวองค์พระต่อไป...
แม้แต่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยังเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อถึงวัดสาลีโข เพราะได้ยินชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านมานาน...
ลูกศิษย์ที่เรียนวิชากับท่านมีอยู่หลายท่าน อาทิ 1.หลวงพ่ออุ่น (พระครูนนทสีลาภรณ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดสาลีโข องค์นี้ไม่ได้สัก 2.หลวงพ่อสมภพ วัดสาลีโข องค์นี้จะดังมากเรื่องการสักและวัตถุมงคล และท่านยังเป็นร่างทรงหลวงปู่เผือกอีกด้วย 3.อาจารย์ละห้อย คล้ายสิงห์ เป็นอาจารย์สักสายฆราวาสที่มีชื่อเสียงดังพอสมควร 4.พระอาจารย์สนิท(อยู่แถวปากน้ำ สมุทรปราการ) 5.พระอาจารย์อาด วัดเจ้าอาม กทม. 6.หลวงพ่อประเทือง วัดสาลีโข เมื่อก่อนท่านก็มีสักเหมือนกัน แต่ปัจจุบันเลิกสักเพราะอายุมากแล้ว...
หลวงพ่อจำปาละสังขารลงในปีพ.ศ.2504 บรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านพากันเศร้าโศกเสียใจ ที่ขาดเสาหลักของชุมชนไป ทางวัดจัดงานศพหลวงพ่อและพิธีการต่างๆอย่างเต็มกำลัง จวบจนถึงปีพ.ศ. 2507จึงทำพิธีฌาปนกิจสรีระหลวงพ่อจำปา เมื่อร่างของหลวงพ่อเหลือแต่อังคารและเถ้าธุลี ปรากฏว่าคลื่นศรัทธามหาชนต่างเข้ายื้อแย่งชุลมุนจนเป็นเหตุให้เมรุที่สร้างขึ้นในการนี้ถึงกับพังลง...