~My second born บันทึกการเกิดครั้งที่ 2 : ในวันที่ฉันเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่ที่อยากจะอยู่ได้

สวัสดีจ้า leaf

หลังจากทุกข์ทนระทมในสภาพแวดล้อมที่มีเงินก็ซื้อ อากาศสะอาด น้ำปะปาสะอาด เวลาในการเดินทางไม่ได้ 
แล้วเราก็ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของคณะบริหารประเทศว่าจะปรับปรุงสภาพแวดล้อมนี้ได้เท่าปลายทางที่เราอยากจะไปได้ก่อนเราจะสิ้นอายุไขไหม 
 
เหอะ หวังให้โลกเปลี่ยน เราเปลี่ยนตัวเองไวกว่า  
 
ความโครงการคนละยำที่มีมาอย่างยาวนาน 
อย่างน้อยเกิดมาก็เจอแล้ว 3 รัฐประหาร 
ผลักดันให้เราคนหนึ่งหมดศรัธราในการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนเปลี่ยนแปลง 
และเลือกจะเอาตัวเองออกไปแทน 
ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงินซื้อไม่ได้แต่ความสามารถและความมุมานะซื้อได้ 
 
มาค่ะ เราจะเล่าเรื่องราวของเราคนหนึ่ง หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านที่หมดศรัธรา  
  
เราย้ายไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นด้วยการหางานค่ะ 
ทำไมต้องญี่ปุ่น? 
เพราะชอบผู้ชายเค้าค่ะ 555 
ตอนแรกก็ชอบดารา ไปๆมาๆได้ว่าที่ผัวมาคนนึงเฉย 555

(ไม่รับความเห็นปั่นว่าบ้านเราดีกว่าเป็นไหนๆ ขู่ว่าคนญี่ปุ่นเป็นแบบนั้น แบบโน้น กดขี่ บลาๆ 
หยุดนะคะ คนเราเจอมาไม่เหมือนกัน อย่าเอาไม้บรรทัดคุณมาตีเรา เพราะเราจะตีกลับข่า) 
 
ต้องขอเล่าพื้นเพ(aka อวด)profileของตัวเองก่อน 
◩อายุอยู่ในช่วง 30 ต้น  
◩จบวิศวะเครื่องกล (ที่ไม่ใช่มหาลัยที่เข้มแข็งทางด้านวิศวกรรมศาสตร์)
◩Toeic820/JLPT N2  
◩ทำงานบริษัทGlobal Supplier Tier 1  
  
โปรไฟล์ดูดีมะคะ เราว่าดูดีเลยทีเดียว เรามั่นใจในPotential เรามากๆ  
ตอนจบใหม่ เราหางานแค่ 3 ที่ สัมภาษณ์ครั้งเดียววันต่อมาแจ้งผลผ่านการสมัครเข้าทำงาน  
เข้างานในบริษัทก็เลื่อนขั้นพรวดพราด เป็นคนแรกของบริษัทที่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น  
ผลการประเมินงานไม่เคยได้น้อยกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ย  
โปรไฟล์ดีแบบนี้เราโคตรภูมิใจในตัวเองเลย คิดว่าหางานที่ญี่ปุ่นเป็นเรื่องขนม 
 
ขนมบูดอะสิแก  หยอกเย้า

มันเหนื่อยตั้งแต่เขียน Resume แล้ว   Facepalm
กว่าจะได้งาน สัมภาษณ์ 3 บริษัท ทั้งหมด 5 รอบ  
ก่อนสัมภาษณ์ต้องทำข้อสอบคัดกรองบุคลลิกภาพทุกรอบ  อั่ยชนชาติบ้าการสอบเอ๊ย

ต้องทำการบ้านก่อนสัมภาษณ์หัวแทบแตกทุกรอบ  
คิด Scenarioในหัวประมาณ 45ล้านแบบ  
เตรียมคำตอบ ฝึกพูด ศึกษาบริษัทเป้าหมายแล้วก็เตรียมคำถามถามกลับ 
เรานอนตี 1 แทบทุกวัน จนเราท้อ อยากช่างยิ้มละอิเปี้ย 555 
 
อะ พอละๆ ขอข้ามไปในสิ่งที่ทุกคนอยากจะรู้ ว่าการจะหางานในญี่ปุ่นจะต้องเริ่มยังไง 
หวังว่าจะได้เกร็ด(ที่ไม่รู้ว่าจะมีไหม) จากเราไปปรับใช้กันนะคะ ทั้งในประเทศและนอกประเทศ เราว่ามันไม่ต่างกันหรอกค่ะ
 
การหางานในญี่ปุ่น ของเราใช้อยู่ 2 windows  
1. สมัครตรงกับWebของบริษัทที่อยากเข้า  
2. สมัครผ่านบริษัทRecruit  
 
◩ พูดถึงการสมัครแบบใช้ Webของบริษัทก่อน  
บริษัทส่วนมาก(99%เลยก็ได้อะ) หน้าWeb Active อยู่แล้ว  
เราก็ตรงเข้าไปที่ส่วนของรับสมัครงานในนั้นเค้าจะลงประกาศตำแหน่งว่างเอาไว้เยอะแยะไปหมด  
เราจะยกตัวอย่างบ. ที่เราสมัครตรงก็แล้วกัน  
เราเลือกสมัคร Honda ไป หว่านไปประมาณ 5 ตำแหน่ง ในสายงานเดิม  
ก็คือตำแหน่งวิศวกรออกแบบและพัฒนา 
 
แต่เค้าคัดเราออกหมดเลย 5555  เพี้ยนดีออก
 
ทว่าๆ หนึ่งในเมล์นั้น เค้าบอกว่า มีตำแหน่งหนึ่งที่น่าจะเข้ากับProfileของเราจะลองสมัครดูไหม  
เราก็ เออ เอาวะ ตำแหน่งนี้ห่างจากสายงานเดิมอยู่  
แต่ก็เป็นโอกาสที่ได้เข้าไปทำงานบรัษัทใหญ่(ซึ่งเงินเดือนก็ดี สวัสดิการก็ดี) ลองเข้าไปก่อนแล้วกัน  
พอตอบกลับ นัดวันสัมภาษณ์เสร็จ ก็รอเวลา 
ปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ กะเชือดนิ่มเพราะเป็นคนคุ้นเคยของHonda กะกินบุญเก่า  

เอาเข้าจริง เละเป็นโจ๊กเลยแก   

โดนต้อน แอบๆจะโดนharrasmentด้วยซ้ำ  
สัมภาษณ์เสร็จ รู้เลยว่า ถ้าผ่านสัมภาษณ์รอบนี้ก็บ้าแล้ว555 ต่อให้ผ่านก็ไม่เอา 5555  
  
จบไปสำหรับการยื่นตรงกับเว็ปของบริษัท ปิ๋ว   
เผื่อใครสนใจจะลองChallengeดูก็เชิญWebนี้เลยต้ะ 
https://www.honda.co.jp/jobs/ 
 
 
◩ ต่อไปจะพูดถึงการสมัครผ่านบริษัทRecruit 
อันนี้เราแนะนำเลย เพราะเค้าจะได้เงินค่าหัวจากเรา ดังนั้นบริษัทที่จะมาใช้บริการนี้ได้ต้องมีเงินและความมั่นคงประมาณหนึ่ง 
อีกทั้งเค้าจะสกรีนเรา ถามความต้องการจากเรา แล้วไปเฟ้นเอาบริษัทที่มีอยู่ในมือมาMatchingให้เราเลือก 
แถมเราสามารถขอคำแนะนำเวลาสัมภาษณ์จากเขาได้ด้วย 

อย่างของเรา เราบอกเงื่อนไขไปเลยว่า ขอเป็นงานสายเดิม แวดวงเดิม เงินเดือนเท่านี้ สวัสดิการแบบนี้ ที่ตั้งบริษัทบริเวณนี้ 
เค้าก็หายไปสองสามวัน พร้อมกับ Listใบประกาศรับสมัครคนของหลายๆ 
ตอนนั้นเค้าให้มาเลือกประมาณ 30 กว่าบริษัทได้ เราก็ขมวดจนเหลือประมาณ 10 บริษัท 

ทีนี้เค้าก็จะแนะนำProfileเราให้กับบริษัทนั้นๆ ถ้าสนใจก็จะติดต่อผ่านนายหน้าเตรียมนัดสัมภาษณ์ 
ตอนนั้นมีบริษัทตอบรับเรามาก่อน 2 ที่จากใน 10บริษัทที่เลือกไป 

บริษัท 2 บริษัทนั้น ไม่ใช่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น เป็นของทางอเมริกา กับ สวีเดน ที่มาลงทุนตั้งฐาน Research & Development ในญี่ปุ่น 
เราก็เลยคิดว่า เขาค่อนข้างจะมีDiversityภายในองค์กร น่าจะเปิดรับต่างชาติ (aka คนนอกเกาะ) มากกว่าบริษัทที่มีรากเหง้ามาจากญี่ปุ่นแน่ๆ 
(อันนี้น่าเสียดายนิดหน่อย ภายหลังNissan Motorก็ตอบรับมา แต่เราได้งานไปก่อนแล้ว) 
 
เราจะขอพูดแค่บริษัทที่รับเราเข้าทำงานแล้วกัน 
 
การสัมภาษณ์ของบริษัทนั้น จะมี 2 รอบ 
1.รอบ HR 
2.รอบ Director
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่