สหรัฐฯ ส่งคำเตือนให้รัสเซียและจีน หากทิ้งเงินดอลลาร์
รัสเซียและจีนจะเผชิญกับความยากลําบากหากพวกเขาเปลี่ยนสกุลเงินในการค้าระหว่างประเทศ Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รัสเซียตัดสินใจตัดขาดจากเงินดอลลาร์การทําธุรกรรมหลังจากถูกตะวันตกคว่ําบาตร มอสโกได้เปลี่ยนไปใช้เงินรูเบิลและสกุลเงินท้องถิ่นในค้ากับกลายปนระเทศเช่น จีน และ อินเดีย
"แน่นอนว่าฉันอยากเห็นดอลลาร์เป็นสกุลเงินสํารองของโลก"
แต่ขณะนี้รัสเซียและจีนกำลังพัฒนากระบวนการเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินดอลลาร์" Janet Yellen กล่าวกับอนุกรรมการจัดสรรงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
เธอทิ้งท้ายไว้ว่า "มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับมอสโกและปักกิ่งที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย"
รัสเซียไม่ได้เพิ่งเริ่มกระบวนการพวกเขามาตั้งแต่ปี 2014 หลังจากเข้ายึดครองไครเมีย
แต่ทุกอย่างเข้มข้นขึ้นเมื่อเงินกว่า300 พันล้านดอลลาร์ถูกแช่แข็งโดยตะวันตกเมื่อปีที่แล้วหลังปฏิบัติการทางทหาร
ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารในรัสเซียแสดงให้เห็นว่าเงินหยวนของจีนได้กลายเป็นผู้เล่นหลักในตลาด โดยเพิ่มขึ้นมา 23% จาก 4% ในเดือนมกราคม 2022 หากคิดเป็นเปอร์เซ็นเพิ่มขึ้นจาก 0.5% เป็น 16%
ดอลลาร์และยูโรส่งผลในทางตรงกันข้ามในปีที่แล้วก่อนเริ่มสงครามมีการใช้สกุลเงินตะวันตกคิดเป็น 65% และลดต่ำลงเรื่อยๆหลังสงคราม ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์นับเป็นครั้งแรกที่เงินหยวนแซงหน้าดอลลาร์ในตลาดหุ้นมอสโกที่มีการซื้อขายมากที่สุด และอาจจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
กลุ่ม BRICS ถูกขนานนามว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ทั้งสองประเทศรัสเซียและจีนถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความเป็นเจ้าโลก การเงิน เทคโนโลยี และการทหาร ยูเครนจึงถูกใช้เป็นเหยื่อให้กับสงครามตัวแทนเช่นเดียวกับไต้หวัน เพิ่อกักขังทั้ง 2 ประเทศไว้ในห้วงลึกแห่งความขัดแย้ง
แต่ทั้งมอสโกและปักกิ่งรวมถึงสมาชิกกลุ่ม BRICS อื่นๆ ไม่ต้องการถูกสหรัฐฯสั่งให้ทำอะไรหรือไม่ทำอะไรตามใจชอบ จึงได้พัฒนาและเริ่มขยายตัวโดยมี SWIFTเป็นสะพาน และสร้างสกุลเงินสำรองของตนเองเพื่อท้าทายระเบียบโลกเก่าที่ถูกครอบงำโดยสหรัฐฯ
ก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 มีการใช้เงินดอลลาร์ในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ
แต่หลังจากความขัดแย้งในยูเครนเริ่มขึ้นประมาณหนึ่งปีประเทศจำนวนมากได้หันไปใช้สกุลเงินทางเลือก
และมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการใช้เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นในไม่ช้า US$ อาจไม่ใช่สกุลเงินหลักในการค้าระหว่างประเทศอีกต่อไป
สหรัฐฯ ขู่คว่ำบาตรจีน และรัสเซีย หากเททิ้งดอลล่าร์ หลังอเมริกายึดเงินรัสเซียทั้งหมดในระหว่างสงครามยูเครน
สหรัฐฯ ส่งคำเตือนให้รัสเซียและจีน หากทิ้งเงินดอลลาร์
รัสเซียและจีนจะเผชิญกับความยากลําบากหากพวกเขาเปลี่ยนสกุลเงินในการค้าระหว่างประเทศ Janet Yellen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รัสเซียตัดสินใจตัดขาดจากเงินดอลลาร์การทําธุรกรรมหลังจากถูกตะวันตกคว่ําบาตร มอสโกได้เปลี่ยนไปใช้เงินรูเบิลและสกุลเงินท้องถิ่นในค้ากับกลายปนระเทศเช่น จีน และ อินเดีย
"แน่นอนว่าฉันอยากเห็นดอลลาร์เป็นสกุลเงินสํารองของโลก"
แต่ขณะนี้รัสเซียและจีนกำลังพัฒนากระบวนการเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินดอลลาร์" Janet Yellen กล่าวกับอนุกรรมการจัดสรรงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
เธอทิ้งท้ายไว้ว่า "มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับมอสโกและปักกิ่งที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย"
รัสเซียไม่ได้เพิ่งเริ่มกระบวนการพวกเขามาตั้งแต่ปี 2014 หลังจากเข้ายึดครองไครเมีย
แต่ทุกอย่างเข้มข้นขึ้นเมื่อเงินกว่า300 พันล้านดอลลาร์ถูกแช่แข็งโดยตะวันตกเมื่อปีที่แล้วหลังปฏิบัติการทางทหาร
ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารในรัสเซียแสดงให้เห็นว่าเงินหยวนของจีนได้กลายเป็นผู้เล่นหลักในตลาด โดยเพิ่มขึ้นมา 23% จาก 4% ในเดือนมกราคม 2022 หากคิดเป็นเปอร์เซ็นเพิ่มขึ้นจาก 0.5% เป็น 16%
ดอลลาร์และยูโรส่งผลในทางตรงกันข้ามในปีที่แล้วก่อนเริ่มสงครามมีการใช้สกุลเงินตะวันตกคิดเป็น 65% และลดต่ำลงเรื่อยๆหลังสงคราม ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์นับเป็นครั้งแรกที่เงินหยวนแซงหน้าดอลลาร์ในตลาดหุ้นมอสโกที่มีการซื้อขายมากที่สุด และอาจจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
กลุ่ม BRICS ถูกขนานนามว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ทั้งสองประเทศรัสเซียและจีนถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความเป็นเจ้าโลก การเงิน เทคโนโลยี และการทหาร ยูเครนจึงถูกใช้เป็นเหยื่อให้กับสงครามตัวแทนเช่นเดียวกับไต้หวัน เพิ่อกักขังทั้ง 2 ประเทศไว้ในห้วงลึกแห่งความขัดแย้ง
แต่ทั้งมอสโกและปักกิ่งรวมถึงสมาชิกกลุ่ม BRICS อื่นๆ ไม่ต้องการถูกสหรัฐฯสั่งให้ทำอะไรหรือไม่ทำอะไรตามใจชอบ จึงได้พัฒนาและเริ่มขยายตัวโดยมี SWIFTเป็นสะพาน และสร้างสกุลเงินสำรองของตนเองเพื่อท้าทายระเบียบโลกเก่าที่ถูกครอบงำโดยสหรัฐฯ
ก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 มีการใช้เงินดอลลาร์ในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศ
แต่หลังจากความขัดแย้งในยูเครนเริ่มขึ้นประมาณหนึ่งปีประเทศจำนวนมากได้หันไปใช้สกุลเงินทางเลือก
และมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการใช้เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นในไม่ช้า US$ อาจไม่ใช่สกุลเงินหลักในการค้าระหว่างประเทศอีกต่อไป