สวัสดีครับ ผมขอมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตช่วง 1 ปีเศษหลังจากเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ
สำหรับที่มาที่ไปหากท่านไหนสนใจอยากอ่าน สามารถอ่านได้จากกระทู้เก่าๆที่ผมเคยตั้งไว้ได้ครับ
แม่ผมเสียไปเมื่อตอนปลายปี 2564 ด้วยสาเหตุของโรคเนื้องอกในสมองและร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีฉายรังสี ช่วงท้ายชีวิตแม่เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถกิน พูด ขยับ หรือช่วยเหลือตัวเองได้ ผมเองเป็นคนดูแลและอยู่กับแม่ในทุกช่วงเวลาที่แม่ป่วยจนถึงวันที่แม่จากไป มีหลายเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ดีและเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ต้องตาย ทุกวันนี้ผ่านมาปีเศษแล้วผมยังจำภาพที่แม่ป่วย แม่ทรมาร จำสายตาสุดท้ายที่แม่มองผม จำลมหายใจสุดท้ายของแม่ได้ ทุกครั้งที่นึกถึงแม่ผมยังเจ็บปวด ยังคิดถึง ยังร้องไห้ตอนที่นั่งมองรูปแม่ในห้องนอน บางคนเคยบอกผมว่าคนเราจะเศร้าและจมดิ่งกับความเสียใจที่ต้องพลัดพรากหรือสูญเสียบุคคลที่รักอยู่ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นจะค่อยๆทำใจยอมรับได้ ช่วงแรกๆผมไม่เชื่อ เพราะตอนนั้นไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยังคิดถึง ยังโหยหา แต่ในวันนี้ผมคิดว่าคำพูดนั้นไม่เกินจริงจนเกินไป ผมในวันนี้ยอมรับว่ายังมีร้องไห้อยู่แต่อาจจะไม่บ่อยเท่าช่วงแรกๆ เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงาน กลับห้องมาก็เพลีย อาบน้ำ กินข้าว เข้านอน เลยไม่ค่อยมีเวลาให้เราได้คิด ทุกวันนี้ก่อนออกจากห้องทุกวันผมจะต้องจับรูปแม่แล้วบอกว่า "ผมไปทำงานก่อนนะ" ถึงแม้วันนี้ผมจะไม่มีแม่อยู่ให้คอยปรึกษาหรือรับฟังเรื่องราวต่างๆในชีวิตเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ผมเองก็เรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง ทุกข์หรือสุขก็ต้องจัดการกับตัวเองและผ่านไปให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปคือการปล่อยวาง และการทำใจยอมรับในกฎธรรมชาติ ยอมรับว่าทุกคนต้องตาย ไม่ใช่แค่แม่แต่วันหนึ่งผมเองก็ต้องตาย และไม่ใช่เเค่เรื่องนี้ ผมคิดว่าสัจธรรมมันใช้ได้กับทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ หรือเรื่องไหนๆ ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสุดท้ายก็ต้องดับไปต้องจากไปในทุกๆเรื่อง ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของผมได้เปลี่ยนผมเป็นคนใหม่ ทุกวันนี้ถามว่าอยากตายไหม ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าอยาก แต่เลือกที่จะไม่คิดทำร้ายตัวเองปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ในเมื่อวันนี้เรายังมีลมหายใจอยู่ ผมก็จะใช้มันทำประโยชน์ให้กับตัวเองและส่วนร่วมหวังว่าอานิสงส์จะส่งให้แม่มีความสุขกับบุญที่ผมได้ทำและตั้งใจอุทิศให้แม่ อย่างน้อยวันหนึ่งเมื่อวันนั้นของผมมาถึงคนที่อยู่ข้างหลังก็จะได้นึกถึงผมในเรื่องดีๆ ไม่รู้ว่าชาติหน้าภพหน้ามีจริงไหม ตายไปแล้วผมจะได้เจอแม่หรือเปล่า แต่หากอธิษฐานขอพรได้ 1 ข้อ ผมขอแค่เมื่อผมลิ้นลมไปแล้วผมขอได้เจอแม่อีกสักครั้ง ผมอยากกอดแม่ อยากขอโทษในสิ่งที่ยังติดค้างในใจ
ในอีก 2 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นความรู้สึกของผมจะเป็นยังไง ผมจะยังร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงแม่แบบนี้ไหม หรือปล่อยวางได้มากกว่านี้หรือเปล่า แต่มีสิ่งนึงที่ผมมั่นใจคือผมจะไม่มีวันลืมความรัก ลืมเรื่องราวของแม่ สิ่งนี้จะอยู่กับผมไปจนวันสุดท้าย
1 ปีที่ผ่านไปกับวันที่ไม่มีแม่
สำหรับที่มาที่ไปหากท่านไหนสนใจอยากอ่าน สามารถอ่านได้จากกระทู้เก่าๆที่ผมเคยตั้งไว้ได้ครับ
แม่ผมเสียไปเมื่อตอนปลายปี 2564 ด้วยสาเหตุของโรคเนื้องอกในสมองและร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีฉายรังสี ช่วงท้ายชีวิตแม่เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถกิน พูด ขยับ หรือช่วยเหลือตัวเองได้ ผมเองเป็นคนดูแลและอยู่กับแม่ในทุกช่วงเวลาที่แม่ป่วยจนถึงวันที่แม่จากไป มีหลายเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ดีและเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ต้องตาย ทุกวันนี้ผ่านมาปีเศษแล้วผมยังจำภาพที่แม่ป่วย แม่ทรมาร จำสายตาสุดท้ายที่แม่มองผม จำลมหายใจสุดท้ายของแม่ได้ ทุกครั้งที่นึกถึงแม่ผมยังเจ็บปวด ยังคิดถึง ยังร้องไห้ตอนที่นั่งมองรูปแม่ในห้องนอน บางคนเคยบอกผมว่าคนเราจะเศร้าและจมดิ่งกับความเสียใจที่ต้องพลัดพรากหรือสูญเสียบุคคลที่รักอยู่ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นจะค่อยๆทำใจยอมรับได้ ช่วงแรกๆผมไม่เชื่อ เพราะตอนนั้นไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยังคิดถึง ยังโหยหา แต่ในวันนี้ผมคิดว่าคำพูดนั้นไม่เกินจริงจนเกินไป ผมในวันนี้ยอมรับว่ายังมีร้องไห้อยู่แต่อาจจะไม่บ่อยเท่าช่วงแรกๆ เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงาน กลับห้องมาก็เพลีย อาบน้ำ กินข้าว เข้านอน เลยไม่ค่อยมีเวลาให้เราได้คิด ทุกวันนี้ก่อนออกจากห้องทุกวันผมจะต้องจับรูปแม่แล้วบอกว่า "ผมไปทำงานก่อนนะ" ถึงแม้วันนี้ผมจะไม่มีแม่อยู่ให้คอยปรึกษาหรือรับฟังเรื่องราวต่างๆในชีวิตเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ผมเองก็เรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเอง ทุกข์หรือสุขก็ต้องจัดการกับตัวเองและผ่านไปให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปคือการปล่อยวาง และการทำใจยอมรับในกฎธรรมชาติ ยอมรับว่าทุกคนต้องตาย ไม่ใช่แค่แม่แต่วันหนึ่งผมเองก็ต้องตาย และไม่ใช่เเค่เรื่องนี้ ผมคิดว่าสัจธรรมมันใช้ได้กับทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ หรือเรื่องไหนๆ ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสุดท้ายก็ต้องดับไปต้องจากไปในทุกๆเรื่อง ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของผมได้เปลี่ยนผมเป็นคนใหม่ ทุกวันนี้ถามว่าอยากตายไหม ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าอยาก แต่เลือกที่จะไม่คิดทำร้ายตัวเองปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ในเมื่อวันนี้เรายังมีลมหายใจอยู่ ผมก็จะใช้มันทำประโยชน์ให้กับตัวเองและส่วนร่วมหวังว่าอานิสงส์จะส่งให้แม่มีความสุขกับบุญที่ผมได้ทำและตั้งใจอุทิศให้แม่ อย่างน้อยวันหนึ่งเมื่อวันนั้นของผมมาถึงคนที่อยู่ข้างหลังก็จะได้นึกถึงผมในเรื่องดีๆ ไม่รู้ว่าชาติหน้าภพหน้ามีจริงไหม ตายไปแล้วผมจะได้เจอแม่หรือเปล่า แต่หากอธิษฐานขอพรได้ 1 ข้อ ผมขอแค่เมื่อผมลิ้นลมไปแล้วผมขอได้เจอแม่อีกสักครั้ง ผมอยากกอดแม่ อยากขอโทษในสิ่งที่ยังติดค้างในใจ
ในอีก 2 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นความรู้สึกของผมจะเป็นยังไง ผมจะยังร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงแม่แบบนี้ไหม หรือปล่อยวางได้มากกว่านี้หรือเปล่า แต่มีสิ่งนึงที่ผมมั่นใจคือผมจะไม่มีวันลืมความรัก ลืมเรื่องราวของแม่ สิ่งนี้จะอยู่กับผมไปจนวันสุดท้าย