[ความเดิม] 'โบ-คาทาน ครีซ' อดีตเจ้าหญิง และผู้ปกครองของดาวแมนดาลอร์
ช่วยพาพระเอก เดินทางสู่เหมืองร้างศักดิ์สิทธิ์, เพื่ออาบน้ำแห่งชีวิต ล้างบาปที่เคยทำผิด
ตัวเธอเองก็บังเอิญ ได้ผ่านวารี ชำระบาปเช่นกัน
หล่อนเห็นมิธโธซอร์, สัตว์ในตำนานของแมนดาลอร์ระหว่างนั้น แต่คุณดินที่อยู่ด้วยกันดันไม่เห็น
ต่อมาแทบทันที เธอต้องรอนแรม ตามดิน จาร์ริน, ระเห็จไปอยู่กินร่วมกับ ลัทธิหัวโบราณ
จึงกลายเป็นว่า ถ้าอยากมีที่ซุกหัวนอนจังหวะนี้, ก็เหลือเพียงทางเลือกเดียวคือ
ปฏิบัติตามสุภาษิต เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
-
-
-
[สปอยล์เนื้อหา] คุณพ่อดินอยู่ในอารมณ์ อยากสั่งสอน และอวดลูก
จึงคะยั้นคะยอให้โกรกู ดวลกับเด็กคนอื่น ในการฝึกต่อสู้ของลัทธิ
แม้ถูก แรคน่า วิซล่า/บุตรของชายผู้เหลือรอด จากศึกใหญ่กับซากทัพจักรวรรดิ (ซีซั่นแรก) ดูถูก
แต่แล้วโกรกูก็พิสูจน์ว่า แรคน่าดูผิด
เพียงชั่วขณะต่อมา จู่ๆ ก็มีมฤตยูเหินฟ้าโฉบมา
ใช้กรงเล็บที่ขา ลักพาตัวไอ้หนูแรคน่า กะทันหัน
บรรดาแมนดาลอร์ผู้ใหญ่ตกใจ รีบเปิดใช้เจ็ตแพค, เหาะไล่จี้
(แม้ว่าไม่ใช่ครั้งแรก ที่สัตว์ปีกขนาดยักษ์แถวนี้ ทำแบบนี้)
การรับมือวิกฤตด้วยวิธีเดิมๆ เกือบจบแบบเดิม, คือเชื้อเพลิงไอพ่น หมดก่อนไล่ทันมัน
แต่เพราะโบคาทาน นึกออกว่าควรใช้ยานอวกาศ, ซึ่งเดินทางได้เร็วและไกลกว่า (ถึงจะออกตัวช้า)
เธอจึงระบุได้ว่า รังเจ้าแร็พเตอร์ (สัตว์ปีกยักษ์) อยู่ ณ แห่งหนใด
โบคาทานเลยถูกตั้งเป็น ผู้นำกลุ่มล่า, ได้รับเกียรตินั่งข้างกองไฟ ตอนถอดหมวกกินข้าว
ในขณะที่คนอื่นๆ รวมทั้งพระเอก, พากันแยกย้ายไปหาจุดลับตา สำหรับเลี่ยงการโชว์หน้าสด
ฟากโกรกู, อาเจ๊ช่างตีเหล็ก (ที่น่าจะตำแหน่ง สูงสุดในเผ่าเวลานี้) เปล่าปล่อยนั่งเฝ้าฐานเปล่า ๆ
เจ๊พาไปดูการขึ้นรูป เกราะแมนดาลอร์ชิ้นใหม่ สำหรับให้โกรกูใส่
เพื่อปฏิบัติตามธรรมเนียม ที่สมาชิกเผ่า ต้องมอบของให้ผู้สืบทอด
ระหว่างมองเจ๊เขา ตีเหล็กดังก๊องแก๊ง
โกรกูระลึกความหลังถึง เมื่อครั้งลี้ภัยจากวิหารเจได ในช่วงสิ้นสุดสงครามโคลน (หลายทศวรรษก่อน)
อาจารย์เจได (ระดับมาสเตอร์) ชื่อเคลเลอเรน เบค (Kelleran Beq) ผู้ใช้กระบี่คู่, คือคนพาหนี
โดยที่คนของทาง ดาวนาบู, ช่วยเหลือ
ย้อนกลับไปทางคุณโบ, เธอนำพวกพ้องเพลานี้ เดินเท้าและปีนเขาสู่รังบนยอดภู
เนื่องจากถ้าอสูรติดปีก ได้ยินเสียงเจ็ตแพคหรือยานบิน, มันอาจชิงฆ่าเด็กทันที
แม้วิธีนี้ช้า ทว่าพวกเขาก็ถึงรังของคุณแม่อสูร อย่างทันการณ์
ก่อนลูกของพาซ วิซล่า จะกลายเป็นอาหารลูกๆ ทั้ง 3, ของขุ่นแม่มฤตยู
หลังยื้อยุดฉุดกระชาก เปิดศึกบนฟากฟ้า, แร็พเตอร์ตัวแม่ตกน้ำ โดนโคตรไอ้เข้งาบเข้าปาก
บุตรแร็พเตอร์กำพร้าทั้ง 3 โดนแก๊งแมนดาลอร์ รับอุปถัมภ์
พวกพ้องลัทธิของพระเอก, พากันออกปาก ชื่นชมคุณโบ
อาเจ๊เห็นเกราะโบเสียหาย จากการผจญภัย, จึงอาสาซ่อมแซม ประดิษฐ์ชิ้นส่วนใหม่
โบยื่นคำขอว่าอยากได้เป็น ลายมิธโธซอร์, พร้อมแจ้งว่าหล่อน เคยเจอมันจริง
แต่เจ๊ตีเหล็กไม่คิดเชื่อ และมองว่านั่นคือนิมิตบางอย่าง เสียมากกว่า
-
-
-
[วิจารณ์] แม้ตอนก่อนสโลไลฟ์ แต่จุดหักมุมช่วงท้าย ทำให้รู้สึกแรงกระทบเหนือกว่า
ตอนล่าสุดนี่ถ้า "มองเผิน ๆ" คือแทบไม่มีแก่นสาร
(ถึงฉากบู๊กับสัตว์ประหลาด ถือว่าจัดเต็มพอควร)
แค่ใส่มาคั่นเวลาคั่นอารมณ์, ชุบตัวคุณโบ กะเผยอดีตโกรกูเพิ่ม
แต่เอาเข้าจริง เรื่องของโบกับโกรกู ที่เล่าเพิ่มตอนนี้, น่าจะทวีความสำคัญขึ้น ภายหลัง
เนื่องจากมันหมายถึง โบคาทานไม่จำเป็นต้องไปตาม เหล่าบริวารเดิมซึ่งหายหัวหมดละ
เมื่อชนะใจแก๊งหัวโบราณ ได้จริงๆ เมื่อไหร่, เธอสามารถใช้พวกนี้ เริ่มฟื้นฟูแมนดาลอร์ได้ทันที
เรียกว่าจังหวะนั้น เนื้อหาอาจ เข้มข้นขึ้นเฉียบพลัน (แต่คงต้องรอ เลี้ยงลูกๆ แร็พเตอร์ให้โตพอร่วมออกศึก ซะก่อน)
ส่วนอดีตของโกรกู อาจพาเราไปสู่จุดเชื่อมโยงใหม่ กับภาพยนตร์ไตรภาคต้น
เพราะขณะโกรกูนั่งยานของดาวนาบู, ช่วงเวลาดังกล่าวภรรยาอนาคิน (แพดเม่) ยังอยู่
ไม่รู้หวังสูงเกินไหม, แต่ในเมื่อนอกจากฟาฟโร
ชื่อคนเขียนบทของตอนนี้ ดันมี 'เดฟ ฟิโลนี่' ศิษย์เอกจอร์จลูคัส พ่วงด้วย, มันก็อดคิดเยอะไม่ได้ละนะ
[ปล.1] ตกลงว่า พวกแมนดาลอร์กลุ่มนี้ซาดิสม์, นิยมสภาพแวดล้อมอันตราย
เลยจงใจเลือกแหล่งกบดาน เป็นดาวที่มีไดโนเสาร์เพ่นพ่าน ตั้งแต่แรกสินะ
ลัทธิจารีตเก่านี่ เขาทำตัวฮาร์ดคอร์ กันดีจริงเหวย
-
-
[ปล.2] ดาราผู้รับบท เคลเลอเรน เบค คือคนเดียวกับที่แสดงเป็น ตัวละครซีจีในหนังไตรภาคต้น 'จาร์ จาร์ บิงคส์'
[Spoil+Review] The Mandalorian S3 Ep.4 >>มฤตยูเหินฟ้า
ช่วยพาพระเอก เดินทางสู่เหมืองร้างศักดิ์สิทธิ์, เพื่ออาบน้ำแห่งชีวิต ล้างบาปที่เคยทำผิด
ตัวเธอเองก็บังเอิญ ได้ผ่านวารี ชำระบาปเช่นกัน
หล่อนเห็นมิธโธซอร์, สัตว์ในตำนานของแมนดาลอร์ระหว่างนั้น แต่คุณดินที่อยู่ด้วยกันดันไม่เห็น
ต่อมาแทบทันที เธอต้องรอนแรม ตามดิน จาร์ริน, ระเห็จไปอยู่กินร่วมกับ ลัทธิหัวโบราณ
จึงกลายเป็นว่า ถ้าอยากมีที่ซุกหัวนอนจังหวะนี้, ก็เหลือเพียงทางเลือกเดียวคือ
ปฏิบัติตามสุภาษิต เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
-
-
-
[สปอยล์เนื้อหา] คุณพ่อดินอยู่ในอารมณ์ อยากสั่งสอน และอวดลูก
จึงคะยั้นคะยอให้โกรกู ดวลกับเด็กคนอื่น ในการฝึกต่อสู้ของลัทธิ
แม้ถูก แรคน่า วิซล่า/บุตรของชายผู้เหลือรอด จากศึกใหญ่กับซากทัพจักรวรรดิ (ซีซั่นแรก) ดูถูก
แต่แล้วโกรกูก็พิสูจน์ว่า แรคน่าดูผิด
เพียงชั่วขณะต่อมา จู่ๆ ก็มีมฤตยูเหินฟ้าโฉบมา
ใช้กรงเล็บที่ขา ลักพาตัวไอ้หนูแรคน่า กะทันหัน
บรรดาแมนดาลอร์ผู้ใหญ่ตกใจ รีบเปิดใช้เจ็ตแพค, เหาะไล่จี้
(แม้ว่าไม่ใช่ครั้งแรก ที่สัตว์ปีกขนาดยักษ์แถวนี้ ทำแบบนี้)
แต่เพราะโบคาทาน นึกออกว่าควรใช้ยานอวกาศ, ซึ่งเดินทางได้เร็วและไกลกว่า (ถึงจะออกตัวช้า)
เธอจึงระบุได้ว่า รังเจ้าแร็พเตอร์ (สัตว์ปีกยักษ์) อยู่ ณ แห่งหนใด
โบคาทานเลยถูกตั้งเป็น ผู้นำกลุ่มล่า, ได้รับเกียรตินั่งข้างกองไฟ ตอนถอดหมวกกินข้าว
ในขณะที่คนอื่นๆ รวมทั้งพระเอก, พากันแยกย้ายไปหาจุดลับตา สำหรับเลี่ยงการโชว์หน้าสด
ฟากโกรกู, อาเจ๊ช่างตีเหล็ก (ที่น่าจะตำแหน่ง สูงสุดในเผ่าเวลานี้) เปล่าปล่อยนั่งเฝ้าฐานเปล่า ๆ
เจ๊พาไปดูการขึ้นรูป เกราะแมนดาลอร์ชิ้นใหม่ สำหรับให้โกรกูใส่
เพื่อปฏิบัติตามธรรมเนียม ที่สมาชิกเผ่า ต้องมอบของให้ผู้สืบทอด
ระหว่างมองเจ๊เขา ตีเหล็กดังก๊องแก๊ง
โกรกูระลึกความหลังถึง เมื่อครั้งลี้ภัยจากวิหารเจได ในช่วงสิ้นสุดสงครามโคลน (หลายทศวรรษก่อน)
อาจารย์เจได (ระดับมาสเตอร์) ชื่อเคลเลอเรน เบค (Kelleran Beq) ผู้ใช้กระบี่คู่, คือคนพาหนี
โดยที่คนของทาง ดาวนาบู, ช่วยเหลือ
เนื่องจากถ้าอสูรติดปีก ได้ยินเสียงเจ็ตแพคหรือยานบิน, มันอาจชิงฆ่าเด็กทันที
แม้วิธีนี้ช้า ทว่าพวกเขาก็ถึงรังของคุณแม่อสูร อย่างทันการณ์
ก่อนลูกของพาซ วิซล่า จะกลายเป็นอาหารลูกๆ ทั้ง 3, ของขุ่นแม่มฤตยู
หลังยื้อยุดฉุดกระชาก เปิดศึกบนฟากฟ้า, แร็พเตอร์ตัวแม่ตกน้ำ โดนโคตรไอ้เข้งาบเข้าปาก
บุตรแร็พเตอร์กำพร้าทั้ง 3 โดนแก๊งแมนดาลอร์ รับอุปถัมภ์
พวกพ้องลัทธิของพระเอก, พากันออกปาก ชื่นชมคุณโบ
โบยื่นคำขอว่าอยากได้เป็น ลายมิธโธซอร์, พร้อมแจ้งว่าหล่อน เคยเจอมันจริง
แต่เจ๊ตีเหล็กไม่คิดเชื่อ และมองว่านั่นคือนิมิตบางอย่าง เสียมากกว่า
-
-
-
[วิจารณ์] แม้ตอนก่อนสโลไลฟ์ แต่จุดหักมุมช่วงท้าย ทำให้รู้สึกแรงกระทบเหนือกว่า
ตอนล่าสุดนี่ถ้า "มองเผิน ๆ" คือแทบไม่มีแก่นสาร
(ถึงฉากบู๊กับสัตว์ประหลาด ถือว่าจัดเต็มพอควร)
แค่ใส่มาคั่นเวลาคั่นอารมณ์, ชุบตัวคุณโบ กะเผยอดีตโกรกูเพิ่ม
แต่เอาเข้าจริง เรื่องของโบกับโกรกู ที่เล่าเพิ่มตอนนี้, น่าจะทวีความสำคัญขึ้น ภายหลัง
เนื่องจากมันหมายถึง โบคาทานไม่จำเป็นต้องไปตาม เหล่าบริวารเดิมซึ่งหายหัวหมดละ
เมื่อชนะใจแก๊งหัวโบราณ ได้จริงๆ เมื่อไหร่, เธอสามารถใช้พวกนี้ เริ่มฟื้นฟูแมนดาลอร์ได้ทันที
เรียกว่าจังหวะนั้น เนื้อหาอาจ เข้มข้นขึ้นเฉียบพลัน (แต่คงต้องรอ เลี้ยงลูกๆ แร็พเตอร์ให้โตพอร่วมออกศึก ซะก่อน)
ส่วนอดีตของโกรกู อาจพาเราไปสู่จุดเชื่อมโยงใหม่ กับภาพยนตร์ไตรภาคต้น
เพราะขณะโกรกูนั่งยานของดาวนาบู, ช่วงเวลาดังกล่าวภรรยาอนาคิน (แพดเม่) ยังอยู่
ไม่รู้หวังสูงเกินไหม, แต่ในเมื่อนอกจากฟาฟโร
ชื่อคนเขียนบทของตอนนี้ ดันมี 'เดฟ ฟิโลนี่' ศิษย์เอกจอร์จลูคัส พ่วงด้วย, มันก็อดคิดเยอะไม่ได้ละนะ
เลยจงใจเลือกแหล่งกบดาน เป็นดาวที่มีไดโนเสาร์เพ่นพ่าน ตั้งแต่แรกสินะ
ลัทธิจารีตเก่านี่ เขาทำตัวฮาร์ดคอร์ กันดีจริงเหวย
-
-
[ปล.2] ดาราผู้รับบท เคลเลอเรน เบค คือคนเดียวกับที่แสดงเป็น ตัวละครซีจีในหนังไตรภาคต้น 'จาร์ จาร์ บิงคส์'