สวัสดีค่ะ เราอยากให้อ่านจนจบบางทีอาจจะมีคำผิดและงง ๆหน่อยนะคะขอโทษด้วยค่ะ เนื้อหานี้อาจจะเป็นการระบายในตัวด้วย เราจะเล่าแบบระเอียดหน่อยๆ นะคะ เราเป็นคนที่ไม่ค่อยเที่ยว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนผู้ชาย ตอนเด็กมักจะอยู่บ้านเล่นคอมพิวเตอร์ เพราะเวลาขอออกไปเที่ยวคุณพ่อคุณแม่เขาจะเป็นห่วงเราเวลาเราไปเที่ยวกับเพื่อนและก็ไม่ให้ไปค่ะ เรารู้เราจึงไม่ขอเขาอีก การเรียนเราเรียนเพื่อจบอย่างเดียว พ่อแม่ขอให้มาเป็นครูอนุบาล คือเอาง่ายๆเราอยากทำให้ท่านสบายใจ โอเคเราก็ทำไป ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะเป็นด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เราไม่เหมาะเป็นครูแต่เราก็คิดนะว่าเราคงปรับเปลี่ยนได้ พอเข้ามหาลัย เราเรียนแล้วเรารู้สึกว่ามันยากเพราะอะไรหลายๆอย่างที่เราไม่ชอบจะมากระจุกอยู่ตรงนี้ เย็บผ้าที่ไม่ถนัดอาจารย์ที่ไม่เข้าใจคำว่าครั้งแรก และอะไรอีกหลายๆอย่างค่ะ จนถึงปี 4 ที่ต้องไปสังเกตการสอน เราเข้าไปโรงเรียนคนเดียว ตอนแรกอยากไปกับเพื่อน แต่โรงเรียนมันเต็มค่ะไม่ทันเราเลยเสียใจและกลัวการไปอยู่คนเดียว เพราะโรงเรียนที่เราไปมันไม่มีใครไปค่ะ (แต่พ่อก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกเป็นประสบการณ์ชีวิต) เราก็คิดแบบพ่อได้ เลยฮึดและพยายามค่ะ จนเราไปคนเดียวตามที่คิดค่ะเราโดนสารพัดเลยค่ะ เอกสาร การดูแล การงาน ทำนู่นนี่ นั้นโครงการ จัดการ อะไรหลายๆอย่าง คือพี่เลี้ยงสั่งอย่างเดียวค่ะ ทำไม่ถูกเขาก็ด่า แค่นั้นไม่บอกให้ไปดูคนอื่นเอาเอง เราร้องไห้ค่ะ และเราก็เครียดและกลัวว่าจะผิด เราบ่นกับพ่อทุกวันเลย (พ่อจะคอยบอกว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ทนหน่อย เดี๋ยวก็ผ่านไป ทำให้หมดเป็นประสบการณ์ชีวิต )ค่ะเราทำตามพ่อเราทนจนจบ ปี 5 ฝึกสอน 1 ปี เราเลือกลงโรงเรียนคราวนี้มีเพื่อนค่ะ แต่เพื่อนไม่สนิท พอไปแล้วเหมือนห้องที่เราอยู่เขาไม่ถูกกับ 3 ห้องที่เหลือค่ะ เขาจะทำอะไรแปลกแยกและเวลาคุยงานรวมห้องห้องฉันและห้องอื่นจะทะเลาะกัน(เหมือนจะนะ เพราะฟังจากคำพูด) เขาสั่งงานให้ทำก็ทำ(เอกสารแต่ละโรงเรียนมันอาจจะไม่เหมือนกันค่ะ) แล้วเขาก็สอน พอเราทำไม่ได้เขาก็ว่า เขาสั่งมาบู้มหนึ่ง ทำบอร์ด งานบันทึก งานเอกสาร เราทำไม่ทันค่ะ บอร์ด3 บอร์ด เอกสารเยอะ เราจัดสรรเวลามาทำทีละนิด เราชอบตกแต่งค่ะเลยนาน และเขาก็ว่าทำไม่เสร็จงานตัวเองแท้ บอกตั้งนานแล้วไรงี้ เราเป็นคนคิดมากกับคำพูดเขาค่ะ เราเต็มที่กับงานค่ะแต่บางเขาพูดมาเราก็อดที่จะร้องไห้ในใจไม่ได้เลยแอบไปลงคนเดียว พวกเอกสารเขาก็ให้ทำบอกเราบ้างแต่ก็ผิดเราพยายามแก้ไขไปดูเพื่อน เพื่อนก็ให้มาและบอกแบบนี้นะ ไรงี้ เราก็ทำ ๆ ครูคนนี้ก็แบบไม่ค่อยรู้ เราก็ต้องหาข่าวสารจากห้องอื่นมาบอกเขา(เพราะเขาไม่ถูกับห้องอื่น)เราไม่ค่อยคุยกับเขาอย่างที่บอกค่ะ คุยได้แปปก็ไม่รู้จะคุยอะไรเราก็เงียบเขาก็เงียบ คุณครูและเพื่อนเราก็ไม่รู้จะคุยไรส่วนใหญ่ก็คุยเรื่อง หวย (ซึ่งเราก็ไม่เล่น) เขาจะคุยเรื่องข่าว (เราก็ไม่ดู ดูแล้วเสียสุขภาพจิตค่ะ) เขาทำพวก cooking (เราก็ทำไม่เป็น ทำแย่) เราเลยไม่ค่อยไปร่วมทานอาหารกับพวกเขาสักเท่าไหร่ เราไม่อยากได้รับคำพูดกับสายตาที่เหมือนว่าตัวเองเป็นตัวตลก แต่พวกคอมพิวเตอร์เขาจะเอามาให้เราทำ ซึ่งเรื่องคอมพิวเตอร์ฉันชอบ มีอยู่ครั้งหนึ่ง อยู่ในยุคโควิดแล้วสอนในzoom ฉันรู้สึกว่า ฉันมีประโยน์ชมาก รู้สึกเราสำคัญ เพราะเขาทำไม่เป็นและฉันโอเคที่ต้องอยู่บ้านสอนที่บ้านค่ะ แต่ต่างกับคนอื่นที่อยากมา แต่เราไม่อยาก เพื่อนก็จับกลุ่มคุยกัน พอเราจะเข้ากลุ่มไปช่วยทำ มันก็เหมือนไล่เราไปทำอันนู่นคนเดียวงี้ค่ะ เราเลยไม่พูดอะไรเดินไปทำคนเดียว พอทำไม่เป็นลองถามเพื่อน เพื่อนก็บอกแบบนี้ แบบนี้ พอทำตามมัน ครูมาเห็นว่ามันไม่ใช่ เขาก็ว่าและเพื่อนก็มาดูแบบคล้อยตามครูไม่ใช่นะเราไม่ได้บอกแบบนี้(ทั้ง ๆ เพื่อนมันก็บอกแบบนี้)เราไม่โต้ตอบอะไรกับใครเพราะไม่อยากมีปัญหากับใคร เราอดทนมาจนจบปี5 ซึ่ง เราดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พอจบเราพักยาว เราทำสตรีม เราทำยูทูปมีคนติดตามขึ้นเรื่อยๆ เราดีใจแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ได้ตังค่ะ จนแม่บอกว่าไปหางานทำเถะจบแล้วจะได้ตังมั้ง เราก็คิดว่าไม่อยากทำโรงเรียนแล้วมันทำให้เรากดดันตลอดเวลา แต่เราก็ให้โอกาสตัวเอง ไปอยู่เนสเซอรี่ค่ะ เป็นรับเลี้ยงเด็ก เราไปทำงานที่นั้นได้ 3เดือน ระบบเขาแปลก ๆ การคิดเงินของเขา ส่วนใหญ่เวลาเราไปลงคลอสหรือเรียนเราจะจ่ายเป็นปึกใช่ไหมคะทุกคนแต่!! ที่นี่ให้ถยอยจ่ายได้ แต่พอพ่อแม่เด็กไม่จ่ายเขาก็มาบ่นให้ฟังว่าเนี่ยยังไม่ได้ตังเลย คนนี้ก็ค้างอันนี้ก็ค้าง (คนที่พูดเป็นเจ้าของเนสเซอรี่ค่ะ ) แล้วเขาก็มาสอนบ้างบางวัน เขาสอนแบบมันผิดอะสำหรับเรานะคิดว่า บอกว่าไม่อยากให้เด็กดูสื่อ แต่เวลาตัวเองสอนกลับใช้สื่อ(สื่อเทคโนโลยี) ส่วนใหญ่ที่เรียนเขาไม่อยากให้ใช้สื่อค่ะถ้าสอนสื่อทำมือไรงี้ และเวลาทำงานเราแจกงานให้กับเด็กค่ะ (เราเป็นคนสอน เขาเป็นคนดู) ตามกฏคือเราให้เด็กทำงานเสร็จแล้ว เราจะให้เด็กเล่นค่ะ เพื่อให้เขาผ่อนคลายและเป็นการเสริมกำลังใจค่ะ ทำงานครั้งต่อไปเขาจะได้มีแรงกระตุ้นที่ดี แต่!! หัวหน้าฉันดันบอก เสร็จแล้วอย่าพึ่งไป มาช่วยคนนี้ทำงานก่อน (เราก็แบบเอ๊ะอะไรอะ ไม่ใช่งานของเด็กคนนี้ทำไมต้องช่วย) เด็กก็บอก แต่เขาอยากไปเล่น หัวหน้าเราก็บอกไม่ได้เสร็จแล้วก็มาช่วยเพื่อนจะได้ดาวกำลังใจ (ซึ่งเราคิดว่าไม่ถูกต้องค่ะ เป็นการช่วยที่แบบผิด ๆ งานของเด็กคนนี้จริงๆ เขาไม่ค่อยตั้งใจทำงานตัวเองเลย เราเลยคิดว่าแล้วเด็กคนนี้ก็จะขี้เกียจตลอดไปสิ่เพราะ งานไม่เสร็จไม่เป็นไรเพราะไงก็ต้องมีคนช่วยให้เสร็จ) เราหงุดหงิดค่ะแต่ทำไรไม่ได้ และอะไรหลาย ๆอย่างที่เขาสอนเด็กผิด และงานก็เยอะไม่เป็นระบบ (เหมือนเขาต้องการอะไรเขาจะมาบอกเราค่ะ) แผนก็ไม่รู้ทำไงบอกให้เราคิดเอง โปรโมทผู้ปกครองให้ด้วย เด็กเล็กประมาณกำลังหัดเดินรับมาเต็ม เด็กอยู่ช่วงวัยชอบกัด ชอบเดิน จับกันไม่ไหวค่ะเพราะมีครูแค่ 2 คน หยุดทีหักวันละ 500 ซึ่งเยอะเกินเงินเดือนแค่ 9000 ฉันเลยลาออกมา ออกมาแล้วฉันก็คิดอยู่ว่าจะทำงานอย่างอื่นแต่ พ่อของฉันฝากฉันให้กับโรงเรียนนี้ เราซึ่งโอเค (ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากไปแล้วอ่ะ อยากทำอย่างอื่น) แต่เราไม่อยากให้พ่อกับแม่ผิดหวังค่ะเราเลยเออ ออ พอเข้าไปสิ่งแรกที่เจอคือ เหมือนเดิมค่ะคน ! เราพยายามเข้ากับเขาเหมือนเดิม แต่เขาชอบคุยกันเองและมีอะไรไม่บอกเรา งานไม่บอกค่ะมาบอกวันที่จะส่งแล้ว เช่นโรงเรียนบางโรงเรียนอนุบาลจะไม่มีการสอบและบางโรงเรียนก็มีการสอบค่ะ เราเห็นวิชาการแจ้งว่าขอให้คุณครูทุกท่านนำข้อสอบมาส่งวันนี้ (เราคิดว่าน่าจะเป็นของประถม เพราะไม่มีใครมาบอกเราและให้ตัวอย่างกับเรา) เพราะไปฝึกสอนที่โรงเรียนมาไม่ค่อยมีเด็กสอบส่วนใหญ่ประเมินพัฒนาการเอาอะค่ะ แล้ววันนั้นเขาก็เดินมาแล้วบอกข้อสอบเสร็จยัง หนูก็งง ข้อสอบอะไรคะ เขาก็บอกว่าข้อสอบที่เด็กสอบปลายภาคไง ส่งวันนี้ล้วนะ หนูไม่อ่านไลน์หรอ เราก็แบบไม่รู้ค่ะนึกว่าของประถม เขาก็บอกทำเลย ฉันเลยขอแบบฟอร์ม ของอ.2 อ.3 และอ.1 ของคนเก่า เราอยู่อ.1 ค่ะแต่คนที่มาอยู่ก่อนหน้านี่เขาเลื่อนไปประถมแทน เราก็ขอทุกคน ปรากฏว่า หัวข้อของ อ.1 และ อ.2 เหมือนกัน แต่อ.3 แตกต่าง เราเลยงงว่าทำไมไม่เป็นไปในทิศเดียวกันเราเลยตัดสินใจทำเหมือนอ.2และอ.1เพราะเขามีหัวข้อที่เหมือนกัน ซึ่งไม่เหมือนกับอ.3ที่ไม่มีหัวข้อ (หัวข้อคือ ชื่อโรงเรียน คำชี้แจงอะไรประมาณนี้ค่ะ) พอเราทำเสร็จเราก็ไปส่งให้วิชาการและถามวิชาว่าหนูทำหัวข้อถูกไหมคะ วิชาการก็ดู และบอกว่า เธอต้องบอกนะว่ามีกี่ข้อในข้อสอบนี้ (เราก็เลยงงค่ะ ดูตัวอย่างจากอ.อื่นมันไม่มีซึ่งเราคิดในใจ)แต่ก็มีพี่คนหนึ่งอยู่กับวิชาการ เขาก็บอกวิชาการว่ามันเป็นอนุบาลมันมีข้อหรอ มันไม่เหมือนประถม เขาเลยให้เราไปดูห้องวิชาการเพื่อไปดูของอ.3หรืออ.2ที่ส่งแล้วดู เราก็ทำตามเขาพอไปดูเราก็เห็นว่า อืมหัวข้อ อ.2 เหมือนเราแต่อ.3 ไม่เหมือนนอกนั้นคงไม่เป็นไรมั้ง เราเลยวางไว้และบอกเขา หนูส่งแล้วนะไว้ที่โต๊ะ พอแปปๆ กลับไปที่ห้อง เขาเรียกเราไปใหม่ ทำใบปะซองผิด ผิดแค่ชั้นค่ะไม่มาก แล้ววิชาการก็คุยกับผอ.อยู่แล้วเขาเหมือนจะบอกว่า หัวข้อเธอนี่มัน.และเขาก็ตอบคำถามผอ.ซึ่งรายระเอียดเลยหยุดไป เราเลยงงว่าเขาจะสื่ออะไรเราเลยถามซ้ำ เอ่อ หนูต้องแก้หัวข้ออะไรไหมคะ เขาบอกพร้อมกุมขมับเธอต้องไปดูของหัวหน้าสาขาเธอนะว่ามันเป็นยังไงอะไร ฉันไม่รู้ว่าหัวหน้าสาขาเธอจะเอาแบบไหนไปตกลงกัน เมือวิชาการพูดเสร็จก็หันไปคุยกับผ.อ เขาบอกว่าหัวข้อมันไม่เหมือนกันแต่ละห้อง ไรงี้ เราเลยเดินออกมาคิดในใจแบบงง ๆ ว่า เราทำไรผิดวะ เราทำให้แต่ละห้องผิดหรอ งง พอสักพักหัวหน้าสาขามาคุยกับเรา(คืออ.3)มีไรถามเขา เขาบอกว่าเขียนหัวข้อไม่ตรงกัน อ.2ได้ยินตกใจและบอกกับอ.3 ว่า หัวข้ออะไรพี่ก็เขียน อ.3ก็ทำหน้าเหวอ ๆ หน่อยเพราะไม่เหมือนอยู่คนเดียว แต่เขาก็พูดต่อว่า ทำอะไรอย่าไปดูของคนเก่า (คนที่เลื่อนเป็นประถม ) แล้วทุกคนก็มาถามฉันว่าทำหัวข้อข้อสอบผิดหรอ เราก็งงว่า เอ๊ะมันเรื่องใหญ่หรอ เราคิดในใจนะว่าเราทำผิดตรงไหน เราก็หลอกคนอื่นเขามา? แล้วทำไมต้องเป็นฉันที่ผิดคนเดียว มีวันหนึ่งใกล้ถึงงานวันบัณฑิตน้อยค่ะ เราก็ไปนั่งกินข้าวเงียบๆ ฟังเขาพูดกัน (ในสายชั้นมี แค่ ฉัน ครูอ.2 และครูอ.3 )ครูอ.3พูดกับครูอ.2 ว่า เออพี่เราไม่ต้องใส่ชุดขาวพิธีแล้วนะ เขาให้ใส่ชุดราชการแล้วนะ อ.2บอกว่า เออดีจะได้ไม่ต้องร้อน (และอ.2 ก็หันมาหาเขา) ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเป็นพวกอบรมไรเขาป่าว พอวันถัดไปวันบัณฑิตน้อย เราใส่ชุดไทยมาคนเดียว และเราก็ไม่แคร์เลย (แต่จริงๆ เราหงุดหงิดค่ะ) โรงเรียนไม่แจ้งอะไรเลยในไลน์กลุ่มว่าใส่ชุดนี้นะ ทำพิธีกี่โมงคือ เขาบอกกันปากเปล่าบอกต่อ ๆ กันมา เราเลยคิดว่าเออฉันคงใส่มาคนเดียวช่างมันใส่งี้
เลย อ.2ก็เห็นฉันใส่ชุดนี้มาเลยถาม เอาชุดมาเปลี่ยนไหม ฉันก็ส่ายหน้า เขาก็บอกว่า จะใส่ชุดนี้หรอ ฉันก็พยักหน้า (ซึ่งตอนนั้นหงุดหงิดค่ะ ไม่กล้าพูดอะไรเสียงสั่นเหมือนจะร้อง เลยทำได้แค่นั้น) แล้วทุกคนจะรวมตัวกันที่เวทีเพื่อจัดสถานที่ ผอ.มาเห็นถามฉัน มีชุดมาเปลี่ยนไหม ฉันก็บอกไม่มีค่ะ ผอ.ก็พูดกับอ.3ว่า ไม่บอกน้องหรอ อ.3บอก บอกแล้ว บอกแล้ว อ.2ก็เหมือนบอก น้องเอาชุดมาเปลี่ยน ๆ เราก็งงว่าทำไมอ.2 พูดแบบนั้น ๆทั้งที่ เมื่อเช้าก็ถามอยู่ ผอ.ให้เรากลับบ้านไปเปลี่ยนชุด ระหว่างขับเราก็หงุดหงิดไปด้วยและอยู่ๆ ก็นึกคำพูดตอน อ.2-อ.3 กินข้าวอยู่แล้วเขาพูดว่า เออพี่เราไม่ต้องใส่ชุดขาวแล้วนะ ใส่ชุดราชการแทน มันผุดขึ้นมาเลย )ในตอนนั้นเราเลยคิดว่านั้นคือการบอกหรอ ? บอกทำไมไม่หันมาพูดกับเราไม่เรียกชื่อ ไม่บอกแบบตรงแต่หันไปคุยกับอีกคน ? แล้วบอกว่าบอกแล้ว บอกแล้ว เราแบบเห้อมีไรไม่บอกเลย จนตอนนี้เรา ไม่อยากทำอาชีพนี้แล้วค่ะ แต่พอคุยกับพ่อแม่เขาบอกเป็นประสบการณ์ นู่นนี่นั้น ไม่ทำแล้วจะไปทำอะไร จะอยู่ยังไง มั่นคง ไหม เรารู้ว่าเขาเป็นห่วงค่ะเราเคยปรึกษาพ่อแม่เรื่องนี้ เขาบอกว่าเราเข้าสังคมไม่เก่งต้องปรับตัวเอง สุดท้ายคือเขาพยายามบอกว่า เราปรับตัวเข้าให้ได้กับเขา ไม่มีครั้งไหนที่เขาคิดว่ามันเป็นที่สิ่งอื่นที่ผิดนอกจากตัวฉันเลย เราพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองจนเราคิดว่าเราเหนื่อยแล้วอะ แต่บางทีคำถามของพ่อแม่ทำเราจุก ๆ เพราะเอาจริงๆ เราก็ไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไรทุกวันนี้ จนถึงตอนนี้เรามั่นใจว่าเราไม่อยากเป็นครู ไปกี่ที่แต่ละโรงเรียนกดดันมาก ๆ บางทีเราเจอแบบนี้บ่อยๆ เราไม่อยากไป ร้องไห้ อยากตาย ขอให้รถมาชนนอนโรงบาลหรือตายไปเลย รีเซ็ทใหม่หมดก็มี เราอยากลองทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่อาชีพนี้แล้วค่ะ เรารู้ว่ายังไงทุกอาชีพมีปัญหา แต่อยู่ที่ไหนขอให้มันเป็นสบายใจที่สุด มันจะโอเค ตอนนี้มีแพลนว่าอยากไปทำกับเพื่อนค่ะ แต่ติดตรงพ่อแม่ค่ะเรากลัวท่านเสียใจที่เราไม่เป็นราชการ ถ้าหนูไม่ได้เป็นราชการแล้วพ่อแม่ยังภูมิใจในตัวหนูไหม คือคำนี้มันจุกอยู่ในอกค่ะแต่ไม่กล้าพูดไป...
เหนื่อยกับอาชีพนี้แล้วค่ะ