รักภักดิ์ดี (9)

กระทู้สนทนา


ชลัน

บทที่ 9 ระเบิดปรมาณู

ห้าวันของการทำงานที่ขะมักเขม้นสำหรับพนักงานและผู้บริหารบริษัทนาราสุ จิมมี่และนาราภัทรอีกทั้งพสุธรทั้งสามไม่มีเวลาพักเลย ยิ่งใกล้จะถึงวันตัดสินการประกวดแข่งขันโฆษณาเครื่องสำอางแบรนด์ดังแล้วด้วย ทุกคนยิ่งทุ่มเทให้กับงานชิ้นนี้สุดตัว รามไปถึงนักศึกษาฝึกงานอย่างกานณดาด้วย ถึงจะเหนื่อยแต่หล่อนก็สนุกและได้ประสบการณ์ไปในตัว อีกทั้งงานชิ้นอื่นที่ก็ต้องทำด้วย นอกเหนือจากการประกวดนั่น

วันเสาร์กานณดากลับไปยังไร่ปลายตะวันและขอลาเพิ่มอีกหนึ่งวันคือวันจันทร์ คนสอนงานเซ็นอนุมัติให้อย่างง่ายดายเพราะรู้ว่าสาวน้อยของเขาจะกลับบ้านไปทำอะไร จิมมี่อาสาขับรถมาส่งหญิงสาวที่สนามบินในตอนเช้า

"ไม่ต้องคิดมากนะน้องกานต์ ถ้าพี่กันต์ถามเรื่องของเราก็ตอบไปตามความจริงนั่นแหละ" หนุ่มลูกครึ่งว่า ปลอบใจเธอตลอดทาง เพราะดูใบหน้าของคนจะกลับบ้านไม่มีรอยยิ้มเอาเสียเลย "นี่... ไม่ต้องเครียด บอกความจริงครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งที่ว่าเราอยู่ห้องติดกันก็ไม่ต้องพูด" ชายหนุ่มว่า

กานณดาหรี่ตามองคนที่กำลังปลอบใจหล่อนด้วยความรู้สึกตลก แต่ไม่อยากหัวเราะเพราะความคิดมากเรื่องพี่ชายบดบังเอาไว้อยู่ ได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "เจ้าเล่ห์จังนะคะ"

"ใคร... ใครเจ้าเล่ห์ พี่ไม่ได้เจ้าเล่ห์สักหน่อย" จิมมี่ว่า ยิ้มขำให้สาวเจ้า อีกคนกำลังเครียดนิ่งขรึมเขาจึงจำเป็นต้องทำให้สถานการณ์มันดูผ่อนคลายลง ไม่ทำให้ชวนเครียดเพิ่มเข้าไปอีก

"ก็พี่จิมนั่นแหละเจ้าเล่ห์สุด ๆ" คราวนี้ไม่พูดเฉย ทำสายตาค้อนให้ด้วย "เรื่องผู้หญิงสงสัยกานต์คงตามไม่ทัน"

"อ๊ะไม่ ๆ ไม่หาเรื่องกันสิจ๊ะ" จิมมี่ยกนิ้วชี้แกว่งไปมาเบา ๆ "ไม่มีทาง คบกันไปนาน ๆ เดี๋ยวกานต์ก็รู้จักพี่เอง สองปีที่เคยคุยกันไม่ทำให้รู้นิสัยพี่บ้างเลยหรือไง" เขาว่า ก่อนหน้าที่จะเลิกคุยกันในครั้งนั้นเขาและเธอก็คบกันผ่านตัวอักษรมาตั้งสองปี จากนั้นก็เกิดการเข้าใจผิดอย่างมหันต์และสาวเจ้าก็หายไปดื้อ ๆ สามปี และก็วนมาพบกันอีกราวกับบุพเพสันนิวาส จะว่าบังเอิญก็ใช่ จะมองว่าตลกก็ได้ และจะว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ก็ไม่เชิง ชายหนุ่มนึกแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

"พี่จิมหัวเราะอะไร" หล่อนถาม คนถูกถามส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร "กานต์ก็รู้ไง.... แต่นั่นมันก็นานมาแล้วนี่นา อีกอย่างแค่พิมพ์คุยกัน โทรหาสักครั้งก็ไม่เคย ตัวจริงเป็นไงก็ไม่รู้ เจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ตัวพ่อหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย" หล่อนประชด ทั้งสองคุยกันในระหว่างขณะกำลังเดินทางไปที่สนามบิน

"ก็ดูไปนาน ๆ ว่าแต่ทำไมตอนนั้นเราไม่โทรคุยกันเนอะ ตลกชะมัด"

"นั่นสิ กลัวอะไรก็ไม่รู้" กานณดาเห็นด้วย แต่จะนึกเสียดายอดีตทำไม ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่าในเมื่อมีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกแบบนี้แล้ว ปัจจุบันคือสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด

จิมมี่หันมองหล่อนแวบเดียวก่อนจะหันกลับไปตั้งใจขับรถเช่นเดิม ชายหนุ่มยกมือซ้ายมากุมมือของเธอเอาไว้ "ไม่อยู่สามวันคิดถึงแย่เลย" ว่าแล้วก็ยกมือบางมาดมเบา ๆ ในขณะที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่ จะว่าปั๊บปี้เลิฟก็ไม่เชิง เพราะกานณดาไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกของเขา แต่สาวน้อยคนนี้จะเป็นรักสุดท้ายอย่างแน่นอน

"จะเหงาอะไร พี่จิมก็มีพี่นาราอยู่ทั้งคน" ถึงจะไม่คิดอะไร หญิงสาวก็อดที่จะไม่พูดถึงผู้หญิงที่ทั้งสวย เก่ง และเพียบพร้อมอย่างนาราภัทรคนนี้ไม่ได้

คนรับหน้าที่เป็นสารถีเหล่ตามองคนที่นั่งข้าง ๆ "อย่าบอกว่ายังไม่เลิกคิดเรื่องนาราภัทรกับพี่อีกนะ" กานณดาไม่ตอบเขา จากนั้นก็ปล่อยมือที่กุมมือเธอเปลี่ยนเป็นยกมาวางบนศีรษะของเธอด้วยความเอ็นดูที่สาวเจ้าคิดอย่างนั้น ความรักที่กำลังทะยานออกมาจากความรู้สึกและหัวใจของชายหนุ่ม ตอนนี้มันกำลังบอกว่ารักผู้หญิงคนนี้มาก ๆ และคนเดียวเท่านั้น "พี่กับนาราเราไม่ได้ชอบกัน ไม่เคยรักกัน และเราเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ"

"พี่จิมรู้ได้ยังไง พี่จิมอาจไม่คิดแต่พี่นาราอาจจะคิดก็ได้" เป็นคำถามที่หล่อนอยากพูดมานาน

"จริง ๆ เดี๋ยวให้กานต์กลับมาก่อนนะแล้วพี่จะเล่าให้ฟัง" หนุ่มลูกครึ่งว่า ไม่นานทั้งสองก็ขับรถมาถึงสนามบิน จิมมี่ส่งกานณดากลับไร่ปลายตะวันแล้วเขาก็ไปทำธุระกับนาราภัทรและพสุธรต่อ

กานณดากลับบ้านโดยไม่ยอมบอกพี่ชาย และห้ามไม่ให้แม่กชพรรณพูดอะไรด้วย หล่อนอยากกลับไปเซอร์ไพรส์ กลัวว่าหากตนบอกว่าจะกลับไร่ปลายตะวันเกรงว่ากันตภณจะไม่ยอมอยู่เจอหน้า ถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนคงเสียใจมากที่สุด

"พี่รตีมารับกานต์หน่อยได้มั้ยคะ พอดีกานต์กลับบ้านค่ะ อยู่ที่สนามบินแล้ว" เมื่อขึ้นเครื่องบินมาถึงจังหวัดบ้านเกิดแล้วสาวเจ้าจึงโทรเรียกพี่สาวลูกพี่ลูกน้องให้มารับแทนที่จะเป็นพี่ชาย

"ได้จ้ะ เดี๋ยวพี่ไปรับตอนนี้แหละ" ปลายสายรับคำ ก่อนจะขอวางสายไปโดยไม่ถามเลยว่าทำไมไม่เรียกกันตภณให้ไปรับ ทว่ารายนั้นคงไม่ว่างนั่นแหละน้องสาวลูกพี่ลูกน้องถึงได้โทรหาตน

กานณดารอสักพักก็เห็นพี่สาวขับรถเข้ามา

"พี่รตีสวัสดีค่ะ" คนเป็นน้องเอ่ยทักทายคนเป็นพี่ เมื่อเปิดประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับเพื่อจะเข้าไปนั่ง ก่อนจะทำตาโตเพราะมองเห็นสรีระของพี่สาว "พี่รตีกี่เดือนแล้วค่ะ ก็ไม่บอกกานต์จะได้ไม่โทรให้มารับ กานต์จะได้โทรบอกพี่หมอต้นมารับแทน" หญิงสาวเลี่ยงที่จะพูดถึงพี่ชายแท้ ๆ ของตน เอ่ยถึงหมอกำธรพี่ชายลูกพี่ลูกน้องอีกคนแทน ส่วนคนฟังก็ไม่ได้จับสังเกตอะไร

"ไม่เป็นไรสี่เดือนเอง พี่ยังไหว คนท้องนะไม่ใช่คนพิการ" คนที่โดนทักตอบ "แล้วนี่ตะวันไม่มาด้วยล่ะ" รตีถามหาหลานชาย

"กานต์มาธุระค่ะเลยไม่พาตะวันมาด้วย อาทิตย์หน้าพี่กันต์กับพี่บัวก็น่าจะไปรับกลับมาแล้วมั้ง ไม่อัปเดตเลยนะว่าท้องน้องไม่รู้เลย ในไลน์ในเฟซบุ๊กน่ะไม่ลงให้แสดงความยินดีด้วยเลย อย่างนี้กานต์ต้องเตรียมรับขวัญหลานถึงสองคนเลยนะเนี่ย" หล่อนว่ายิ้มตื่นเต้นที่จะได้เป็นคุณน้า หลังจากที่ครองตำแหน่งคุณอามานาน อีกคนคือพี่สะใภ้ของตนที่กำลังท้องลูกคนที่สองอยู่ ส่วนหมอกำธรกับยี่หวาคู่นั้นปลงเรื่องลูกไปนานแล้ว "พี่บัวก็น่าจะประมาณห้าหกเดือนนะถ้ากานต์จำไม่ผิด พี่นพยังให้พี่รตีขับรถมาทำงานเองอีกเหรอคะ"

"มันยังไม่อุ้ยอ้ายเท่าไหร่พี่ขับเองได้ พี่ขอพี่นพขับรถมาทำงานเองก่อน เราอย่ากังวลในตัวพี่ไปหน่อยเลยยัยกานต์ เอาเป็นว่าพี่พาแกกับหลานถึงบ้านปลอดภัยแล้วกัน" คนเป็นพี่ว่าขณะกำลังขับรถพาน้องสาวต่างวัยกลับบ้าน ซึ่งตอนนี้คนเป็นน้องดูโตเป็นสาวขึ้นมากหลังจากไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ เพียงสองเดือน "เอ่อนี่แล้วกลับมาบ้านกี่วันเนี่ย ไม่เจอแค่สองเดือนเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะเรา พี่กันต์โทรคุยทุกวันล่ะสิท่า" คนอาสามารับพูดถึงพี่ชายตั้งใจมองทางจนไม่ทันเห็นใบหน้าคนฟังเจื่อนลง

"สามวันค่ะพี่รตี วันจันทร์บ่าย ๆ กานต์ก็กลับแล้ว" หล่อนว่า "ส่วนพี่กันต์... โทรหากานต์ทุกวันนั่นแหละ" ประโยคหลังคนพูดเสียงแผ่วลง เพราะระยะหลังมานี่ พี่ชายไม่ค่อยโทรหาเลย หล่อนโทรไปก็คุยกันนิดเดียว ไม่เหมือนก่อนหน้านั้น

"จะอยู่กี่วันก็เถอะ ยังไงก็หาเวลาไปเยี่ยมป้าด้วย รายนั้นบ่นคิดถึงหลานสาวจะแย่ บ่นห่วงทุกวัน"

"ค่า..." คนเป็นหลานสาวรับคำ

"ว่าแต่ฝึกงานเป็นไงบ้างล่ะ คิดไว้หรือยังว่าฝึกงานจบ เรียนจบแล้วจะทำอะไร ทำงานที่ไหน หรือจะมาทางข้าราชการเหมือนพี่กันต์"

"กานต์ยังไม่รู้เลยว่าอยากทำงานอยู่ที่ไหน แต่การคงไม่รับราชการเหมือนพี่กันต์ กานต์อยากทำงาน" สาวเจ้าตอบปัดไป แต่ในใจตอบชัดแล้วว่าตนอยากอยู่ที่ไหนแน่

"ถ้าอยากทำงานที่กรุงเทพฯ ต่อก็ลองสมัครดูก่อนก็ได้ แต่ถ้าอยากกลับบ้านมาทำกับพี่ก็บอก เดี๋ยวให้พี่นพจัดการให้" คนเป็นพี่แนะนำ และพร้อมจะอุปถัมภ์น้องสาวหากต้องการ ทั้งสองคุยกันในระหว่างทางกลับบ้าน ไม่นานรตีก็ขับรถมาถึงไร่ปลายตะวัน หล่อนลางานครึ่งวันเพื่อไปรับน้องสาวกลับบ้านและกะจะอยู่ทานข้าวด้วยเลย

รถเก๋งสีดำวิ่งเข้ามาจอดยังประตูรั้วหน้าเรือนไทยหลังเดิมที่หล่อนคุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม หากจะมีอะไรเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นเจ้าของบ้านนั้นแหละ เมื่อมีรถวิ่งมาจอดยังหน้าบ้าน เจ้าของบ้านเดินออกมาดูว่าใครมา กัณตภณเดินมาเปิดประตูรั้วให้เพราะรู้ว่าเป็นรถของรตี หัวใจของหญิงสาววาบหวิวพี่ชายจะคุยกับตนหรือเปล่า แม้ยามที่โทรหาเขายังคงคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิมก็ตาม ทว่าหล่อนก็รู้ว่าเขายังคงเสียใจอยู่

รตีขับรถมาจอดตรงลานจอดรถข้าง ๆ เรือนไทย เมื่อรถจอดสนิทแล้วกานณดาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้าก่อนจะเปิดประตูรถก้าวเท้าลงไป เมื่อกันตภณเห็นว่าเป็นตนเองลงมาจากรถก็อึ้งระคนแปลกใจเพราะหล่อนไม่ได้บอกเขาว่าจะกลับบ้าน

"พี่กันต์" เดินมาถึงตัวพี่ชายที่ยืนมองอยู่อย่างงุนงง สาวเจ้าก็เข้าสวมกอดพี่ไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะผลักออก "กานต์ขอโทษพี่กันต์นะคะ กานต์ไม่ได้ตั้งใจว่าพี่กันต์ไปอย่างนั้น กานต์ขอโทษนะคะพี่กันต์ กานต์ไม่ได้ตั้งใจเลย" คนเป็นน้องสาวพูดทั้งน้ำตาพรั่งพรู หล่อนร้องไห้เสียใจกับคำพูดพล่อย ๆ ของตนเองที่สุด เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมาเป็นระยะทั้งที่พยายามจะเก็บกดมันเอาไว้ คนขับรถมาส่งยืนมองแบบงงงวยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างนั้นสโรชาก็เดินออกมาจากในบ้านหยุดยืนมองสองพี่น้องด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

กันตภณกอดปลอบน้องสาว มือหนาลูบปอยผมที่ดำขลับเบา ๆ "กานต์จะกลับมาบ้านทำไมไม่บอกพี่ พี่จะได้ไปรับ เกรงใจพี่รตียิ่งท้องอยู่" นายตำรวจหนุ่มว่า เอ็ดน้องสาวที่ทำอะไรไม่ปรึกษาเลย

"กานต์กลัวพี่กันต์ไม่อยากมารับกานต์ กานต์กลัวพี่กันต์หลบหน้ากานต์เพราะไม่อยากเจอกานต์" ร่างบางพูดทั้งสะอื้นไม่ยอมปล่อยอ้อมแขนออกจากตัวของพี่ชาย ยิ่งกระชับให้แน่นขึ้นอีก

"ทำไมพี่จะไม่อยากเจอน้องสาวคนเดียวของพี่เล่า พี่ดีใจซะอีกที่กานต์กลับมาเยี่ยมบ้านแบบนี้"กันตภณว่า ดมปอยผมของน้องสาวเบา ๆ เขาหายโกรธกานณดาไปตั้งนานแล้ว และคิดได้ว่าที่ผ่านมาตนเข้มงวดกับน้องสาวมากเกินไป เพียงเพราะเมื่อสามปีก่อนสาวเจ้าแอบนัดเจอกับผู้ชายโดยที่เขาไม่รู้เรื่อง จึงทำให้หวงและห่วงจนต้องเข้มงวดหนักเกินความจำเป็น วันนี้เขาคิดได้แล้วว่า 'น้องสาวโตมากพอที่จะมีชีวิตเป็นของตนเอง' ตนทำได้เพียงยืนมองการเติบโตของน้องสาวห่าง ๆ และคอยขานรับเมื่อน้องสาวเรียกหาถึงจะถูกต้อง

"กานต์ขอโทษพี่กันต์นะคะ กานต์ไม่ได้ตั้งใจ กานต์รักพี่กันต์มากเลยนะ" หญิงสาวยังคงร้องไห้ไม่หยุด

กันตภณผละร่างบางให้ออกห่าง มือหนาเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าให้น้องสาวอย่างเอ็นดู "หยุดร้องได้แล้ว เป็นสาวเป็นนางมาร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ได้ไง ไม่ใช่ตอนเด็ก ๆ ที่จะมาร้องไห้จ้าเพราะตามหาพี่ไม่เจอแล้วนะ ฟงแฟนก็มีกับเขาแล้ว" คนเป็นพี่ว่า ยิ้มละมุนให้คนเป็นน้องอีกทั้งซับน้ำตาให้ด้วยความห่วงใย

"พี่กันต์น่ะ" สาวเจ้าค้อนที่โดนล้อด้วยความดีใจ

"ยังไงคะ คู่พี่น้อง ปรับความเข้าใจกันได้แล้วน้อ เข้าบ้านเถอะรตีอยากเข้าบ้านเต็มแก่ ร้อนมาก" ส่วนเกินที่ยืนฟังสองพี่น้องปรับความเข้าใจกันตั้งแต่ต้นจนจบเอ่ยขึ้น ทุกคนหัวเราะรวมทั้งสโรชาด้วยที่ยืนลุ้นไปกับทั้งสองคน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่