พูดคุย และ รีวิว(สปอย) Everything Everywhere all at once

ขอรีวิวแบบบ้านๆ เพราะประเด็นค่อนข้างเยอะมาก
และตัวหนังสลับซับซ้อน เลยจะขอพูดโดยรวมไปเลย

หนังเรื่องนี้แบ่งเป็น 3 ช่วง ซึ่งแต่ละช่วงแบ่งปรัชญาไว้ให้ขบคิดชัดเจนตามชื่อหนัง
Everything 
Everywhere 
All at once
ช่วงแรกหนังพาเราเข้าไปทำความรู้จักโลกมัลติเวิร์สของหนังที่พยายามจะเล่น คือถ้าเราเลือกตัดสินใจทำอะไร ในแต่ละช่วงชีวิตจะเกิดการแบ่งเป็นอีกมัลติเวิร์สเสมอ เช่น ถ้าเราตัดสินใจเลือกเรียนสายวิทย์ เราก็จะมีเส้นทางไปอีกแบบกับชีวิตที่เราเลือกสายศิลป์ และมันจะแตกเป็นหลายมัลติเวิร์สไปเรื่อยๆแม้กระทั่งการเลือกร้านอาหาร ถ้าเราเลือกกินส้มตำ เราก็ท้องเสีย ก็เกิดสถานการณ์วิ่งหาร้านขายยาวุ่นวาย แต่ถ้าเรากินบะหมี่เราก็เดินไปนั่นนี่อย่างอื่น

    ทีนี้ในหนังที่ตอนแรกพระเอกจากมัลติเวิร์สอื่นพยายามจั๊มมาหานางเอกเพื่อบอกนางเอกว่ากำลังโดนจูบูตามฆ่า ซึ่งตอนนี้ล่ะมัลติเวิร์สที่เกิดขึ้นในหนังที่จลาจลวุ่นวายไปทั้งเรื่อง เริ่มต้นตอนที่นางเอกต่อยเจ้าหน้าที่สรรพพากรหญิงเข้า(ถ้าไม่ต่อย ในโลกปกตินางเอกก็กลับบ้านพร้อมสามีไปเอาเอกสารมายื่นให้จนท.ตอน6 โมงเย็น พร้อมมีการจัดเลี้ยงที่ร้านซักรีดตามปกติ) 
    ช่วงนี้หนังทำให้เราตระหนักว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเลือก มันก็มีทั้งดี และไม่ดี จากการจั๊มไปแต่ละมัลติเวิร์สให้นางเอกเห็น บางทีเราคิดว่าถ้าเราเลือกตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนนั้น เราก็คงจะได้เป็นใหญ่เป็นโต หรือ ถ้าเราไม่เลือกออกจากงานวันนั้น เราก็คงไม่เจอสิ่งใหม่ๆให้เรียนรู้ จากงานอื่น หรือวิถีชีวิตใหม่ๆ
    ซึ่งหลายต่อหลายคนมีปมขึ้นในใจจากเรื่องนี้ หลายครั้งเกิดคำถามขึ้นในหัวว่า เราเกิดมาเพื่ออะไรฟระ เพราะตั้งแต่เกิดมา มันก็วนๆกับเรื่องที่ดีใจ เสียใจ เจอมาหลายเหตุการณ์ หลายเหตุผล ชีวิตก็อยู่แค่นี้ เกิดแล้วก็ตาย ไม่เห็นจะต้องน่าแสวงหาอะไรอีก
มันก็เหมือนในหนังที่จูบูได้รับผลกระทบจากการจั๊มไปหลายมัลติเวิร์ส ทำให้ชีวิตตกอยู่ในสภาวะอิ่มกับทุกอย่าง เจออะไรในหลายๆอย่าง ทำให้ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ชีวิตก็เหมือนก้อนหิน มนุษย์ก็เป็นเศษเสี้ยวเดียวของจักรวาล คนเราตอนเด็กก็คิดว่าเราคือจุดศูนย์กลาง พอโตมาก็เริ่มคิดแล้วว่าไม่ใช่ เราไม่ได้พิเศษอะไรเลยกว่าคนทั่วไป ทุกคนมีเรื่องราวที่สำคัญของตัวเองเหมือนกันหมด มนุษย์เข้าใจว่าโลกคือจุดศูนย์กลางของจักรวาล แต่พอค้นคว้าไปเรื่อยๆเราเป็นแค่ฝุ่นในจักรวาลเท่านั้น
และเมื่อเห็นว่าชีวิตก็ไม่มีความหมายอะไร จูบูจึงสร้างหลุมดำขึ้นมา หวังให้ดูดกลืนความว่างเปล่านี้(ฆ่าตัวตาย) 
    ส่วนสุดท้ายของหนังเลยมอบคำตอบให้กับคนที่หาความสุขไม่ได้ หลุดจากความคิดแบบนี้ไม่ได้  (เหมือนผกก.จะรู้ว่าคนคิดเยอะ หรือกระทั่งคนเป็นโรคซึมเศร้าที่หาความทางออกให้กับความคิดไม่ได้มันทรมานขนาดไหน) จากการที่นางเอกดึงจอย หรือจูบูกลับมา ว่าไม่ว่าเราจะคิดว่าเรามีกี่มัลติเวิร์ส กี่ทางเลือก เลือกผิดเลือกถูก สุดท้ายเราก็ยังเป็นเรา ด้วยนิสัยของเรานี่แหละ เราก็จะเลือกสิ่งที่ดีให้กับเราอยู่ดี โลกจะปรับสมดุลของมันเอง ถ้าเราเลือกให้ความสุขใช้เมตตากับคนอื่นๆ มันยังมีทางออกเสมอนะ

ส่วนตัวทึ่งกับแนวความคิดที่หนังมอบให้ กับการตัดต่อ เรียบเรียงออกมาได้อย่างถูกต้อง ถูกจังหวะ ผ่านการเล่าเรื่องโดยมัลติเวิร์ส มันยากมากจริงๆ ขอคารวะ ใครมีประเด็นปรัชญาไหนชวนคุยได้นะครับ ผมเก็บไม่ครบทุกประเด็นแน่นอน เยอะมากกกก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่