The First SlamDunk มังงะจบไปปี 1996 ปล่อยให้รอมาเกือบ 30 ปี

The First SlamDunk มังงะจบไปปี 1996 ปล่อยให้รอมาเกือบ 30 ปี เป็น 30 ปีที่ค้างคาใจเด็กหนวดทุกคนมาตลอด มานาทีที่ดู FSD จบในโรงภาพยนต์เท่านั้น มันจบแบบสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วครับพี่น้อง 


                       ขอบอกเลยว่าเป็นคนที่ไม่ชอบ อนิเมะ SD ที่ทำออกมาในยุคก่อน เรื่องลายเส้นไม่เท่าไหร่เพราะรู้ว่ามันจะต้องดรอปลงตามสมัย อนิเมะเร่งงาน แต่ที่ไม่ชอบมากๆน่าจะเป็นการลงสีที่รู้สึกว่าไม่สวย ทึบ และทำให้งานโดยรวมดรอปลงไปพอควร ก็ดีแล้วที่จบไปแบบกลางเรื่อง 


              สำหรับ FSD ที่ถูกพัฒนาออกมาในรูปแบบของภาพยนต์เรียกว่าสามารถมั่นใจในคุณภาพของงานภาพได้อยู่แล้ว ยิ่งได้ อ. อิโนะอุเอะ ทาเคฮิโกะ(Inoue Takehiko) มาเป็นผู้กำกับร่วมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้มั่นใจในเรื่องของ งานภาพและเนื้อเรื่องว่าไม่ทำให้เด็กหนวดผิดหวังแน่นอน 


                         จะไม่ได้กล่าวถึง ในส่วนของเนื้อเรื่องที่เป็นส่วนของ มิยางิ เรียวตะ นะ น่าจะทราบๆกันอยู่ทุกคนแล้ว แต่สิ่งที่ผมสนใจและอยากจะพูดถึง กลับเป็นการตัดสินใจเรื่องของรูปแบบการวาง time line ในการแข่งขัน ซึ่งทางผู้สร้างตัดสินใจที่จะดำเนินเรื่องจังหวะแข่งให้ดูเหมือนการแข่งบาสเกตบอลจริงๆไปเลย โดยตัดในส่วนของเนื้อหาเสริม หรือดรามาในแต่ละช็อต ซึ่งทำให้การแข่งขันช่วงแรกดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วมากทำให้จังหวะแรก อาจจะดูเหมือนเส้นเรื่องตอนแข่งวิ่งไปเร็วและอาจไม่ถูกใจแฟนเดนตายหลายคนสักหน่อย แต่ตัวหนังยังเก็บรายละเอียดในมังงะได้อย่างครบถ้วนนะ  


                แต่พอจับจังหวะ Tempo ของหนังได้แล้วจะรู้ได้เลยว่าทางทีมงานสร้างตัดสินใจได้ถูกแล้วว่าการเดินเรื่องในลักษณะนี้มันเรียลกว่ากันเยอะ และถ้าสังเกตกันดีๆ speed ในการเดินเรื่องตอนแข่งจะค่อยๆslow down ลงอย่างไม่รู้ตัว เหมือนจะค่อยๆบิ้วคนดูและสามารถสอดแทรกจังหวะ ดราม่าเข้ามาได้อย่างไม่สะดุด 


                 รวมไปถึงตัวหนังยังได้ตัดสินใจตัดหลาย “ฉาก”ที่ถือว่าเป็นทีเด็ดออกไป อย่าง ฉากอาจารย์อันไซเรียก ซากุรางิ มานั่งฟังแผน หรือ อุโอสุมิ มาฝานไชเท้ากระตุ้นอาคางิ และที่บอกเลยว่าใจกล้ามากคือ การตัดรูปแบบการนำเสนอ แบบเป็นหน้าการตูน SD(ตัวแบบย่อ ) ซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์ของ มังงะ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่กล้าหาญ และทำให้ FSD เป็นมากกว่าแค่ อนิเมะที่ผลิตมาจาก มังงะธรรมดาเท่านั้น 

                พอจังหวะถึงองค์สุดท้าย climax ตัว FSD นำเสนอช่วงสุดท้ายของการแข่งได้แบบ เงียบกันทั้งโรงหนัง และขอบอกเลยว่าเจ๋งมากที่ทำให้คนทั้งโรงหนัง พูดคำนั้น”มือซ้ายก็แค่ช่วยประคอง” ในใจได้ดังกึกก้อง เพราะส่วนสำคัญสุดนี้ใช้แค่การขยับปากของ เจ้าหัวแดงเท่านั้น 

           ขอบอกเลยว่าช่วยกันตีตั๋วเข้าไปดูเถอะ งานอนิเมะภาพยนต์คุณภาพขนาดนี้ อัดแน่นทั้ง บท และซาวด์ดนตรี ไม่ได้ดูในโรงภาพยนต์แล้วจะไปรอดูในจอทีวี ขอบอกเลยคุณพลาดไปแล้วล่ะ


อ๋อ แต่อันเดียวเลยนะ ถ้าจะทำมาขายเป็น collection อีกรอหาคนมาแปลใหม่ด้วย แปลได้ห่วยแบบไม่น่าเชื่อเลย แย่มาก