ลิณธิภรณ์ สับ พวกจ้องยื่นยุบเพื่อไทย เล่นการเมืองแบบเก่า หวังสกัดแลนด์สไลด์
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7553359
“ลิณธิภรณ์” สับ พวกจ้องยื่นยุบพรรค เพื่อไทย ไร้เหตุผล เล่นการเมืองแบบเก่า หวังสกัดแลนด์สไลด์ ฉะ ละเลยความเดือดร้อนประชาชน
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2566 น.ส.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามจากหลายฝ่าย ในการยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า เป็นความหวังของประชาชนที่จะแสดงออกถึงเจตจำนงในการใช้สิทธิที่พึงมี เลือกผู้แทนราษฎรและเลือกพรรคการเมือง ซึ่งเป็นที่พึ่งที่หวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่ปรากฏว่าผู้ไม่หวังดีกำลังใช้อำนาจของกระบวนการยุติธรรมไปในทางที่ผิด เล่นการเมืองแบบเก่า โดยใช้ข้อกฎหมายที่ไม่มีเหตุหรือมูลความจริงมาสกัดกั้น นำมาเป็นเหตุอ้างในการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่เหตุของการยุบพรรคการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มี 4 ประเด็นหลัก คือ
1. กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า
2. กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3. กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74 ซึ่งว่าด้วยการดำเนินการของพรรค ว่าจะต้องไม่แสวงหากำไร ไม่ถูกครอบงำ ต้องยึดหลักประธิปไตย และปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องการเงิน
4. มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด
จากเหตุผลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ตอนนี้ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เป็นภัยต่อการล้มล้างการปกครอง เว้นเสียแต่ว่าเหตุผลเดียวที่ต้องการยุบพรรค เป็นไปเพื่อต้องการสกัดกั้นเป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จึงมีความพยายามทุกวิถีทางที่สร้างประเด็น เพื่อให้เกิดการชะงักงันในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยละเลยความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ประวัติศาสตร์การเมืองไทยนับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มี 110 พรรคถูกยุบพรรค และทุกครั้งที่มีการยุบพรรค มักจะเกิดวิกฤตทางการเมืองที่ยากจะหาทางออก ซึ่งสังคมไทยหรือนักการเมืองไทยควรเรียนรู้ได้แล้วว่า การยุบพรรคการเมืองไม่เป็นผลดี ไม่เคารพต่อเสียงของประชาชน ไม่มีประโยชน์ต่อพลวัตรของการเมืองไทย
“
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองอื่นที่ไม่มีความผิด ไม่สมควรที่จะต้องถูกยุบพรรค เพื่อดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนตั้งตาตั้งตารอคอย กระบวนการยุบพรรคที่ไม่ว่าเกิดจากใคร ที่พยายามสกัดกั้นขัดขวางพรรคอื่น โดยพยายามใส่ร้าย ถือเป็นการเมืองแบบเก่า เป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเสียเอง” น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าว
เสรีรวมไทย ผุดไอเดีย แก้ ม. 113 ใครรัฐประหารต้องประหารชีวิต
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3867368
เสรีรวมไทย ผุดไอเดีย แก้ ม. 113 ใครรัฐประหารต้องประหารชีวิต
วันที่ 11 มีนาคม นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร พรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 113 เป็นเรื่องความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ระบุว่า ผู้ใดใช้กำลัง เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ เป็นความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตเห็นสมควร แก้กฎหมายดังกล่าว โดยเพิ่มเติมวรรคสาม ดังนี้ “
ความผิดในวรรคหนึ่ง ให้ไม่มีอายุความ และไม่สามารถนิรโทษกรรมความผิดได้”รอฟัง พรรคเสรีรวมไทย จะแถลงนโยบายการเมือง ชุดที่ 3 “
ปฏิรูปกองทัพ” วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 11.00 น
ฉวยโอกาส! รีวิวจะจอง ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ โดนจนได้โรงแรมโก่งราคา-พุ่งขึ้นเท่าตัว
https://www.dailynews.co.th/news/2086026/
บ่นอุบ! สาวรีวิวโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ดูข้อมูลที่พักเตรียมไว้ตั้งนาน พอจะกดจองโดนจนได้ เจอโรงแรมโก่งราคา พุ่งขึ้นเท่าตัวแล้วทำมาเป็นลด เหมือนโดนโกง เอาเปรียบ เชื่อมีอีกหลายโรงแรม.
ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ในวันที่ 7 มี.ค. 66 เป็นวันแรก ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดระบบให้ดำเนินการจองที่พัก ปรากฏว่ามีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างล้นหลาม เพียง 4 วันตั้งแต่วันที่ 7-10 มี.ค. 66 มีการจองสิทธิเต็ม 5.6 แสนสิทธิ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น.
ความคืบหน้าล่าสุด บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากสมาชิกผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @niningbz ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอหลังกำลังหาข้อมูลเพื่อใช้บริการโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แต่กลับพบว่า ราคาค่าที่พักถูกอัพราคาขึ้นเกือบเท่าตัว โดยระบุข้อความว่า “
โรงแรมแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ #โครงการเราเที่ยวด้วยกัน #โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส5 #เอาเปรียบผู้บริโภคจริงๆ #โรงแรมพัทยา #โดนเอาเปรียบ #เตือนภัย”
โดยเธอเล่าว่า เธออยากไปพักที่พักที่หนึ่งทางภาคตะวันออก เลยทำการเช็กข้อมูล และทราบราคาที่พักประมาณ 5,400+เธอ จึงโทรไปหาที่พักแล้วถามว่าราคานี้วันที่ 7 จะลดอีก 40% ใช่มั้ย ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทางปลายสายที่เธอโทรไปก็ตอบกลับมาว่า “
ไม่ใช่ค่ะคุณลูกค้า ราคาเราไม่สามารถบอกได้ เพราะราคามันจะปรับขึ้นอีก ให้ไปดูทีเดียววันที่ 7 เลย” เธอจึงถามกลับไปว่า ปรับขึ้นหมายความยังไง ไม่ใช่ราคานี้แล้วลดลงไป 40% เหรอ ตามที่รัฐบาลเขาว่ามา ซึ่งปลายสายก็ตอบว่า “
ไม่ใช่ค่ะ” สุดท้ายแล้วก็ไม่แจ้งราคา พร้อมกับบอกว่าให้ไปดูทีเดียววันที่ 7 เลย
หลังจากนั้นวันที่ 7 เธอจึงเข้าไปดูราคา ซึ่งจำได้ว่าวันที่ดูราคาอยู่ที่ 5,400+ แต่พอเข้าไปดู ปรากฎว่าราคาขึ้นไปถึง 8,000 กว่าบาท พร้อมกับมีการเขียนไว้ข้างๆ ว่า “
ลบราคาเราเที่ยวด้วยกันแล้วเหลือ 5,200+” ซึ่งเธอมองว่าราคานี้ก็คือไม่ได้ลดเลย หรือลดไปแค่ 200 บาท ซึ่งอย่างนี้ป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ เธอบอกอีกว่าอย่างนี้แสดงว่าทางทางโรงแรมก็จะได้ 40% จากรัฐบาลไปเลยล เธอจึงรู้สึกไม่โอเค เหมือนโดนโกง สุดท้ายก็เท่ากับไม่ได้ลดเลย และเธอคิดว่าไม่น่าจะมีโรงแรมเดียวที่ทำแบบนี้ จึงได้ฝากถึงผู้บริโภคว่าจะไปพักที่ไหนต้องเช็กราคาดีๆ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย
https://www.tiktok.com/@niningbz/video/7208138078576332059
JJNY : ลิณธิภรณ์สับพวกจ้องยื่นยุบเพื่อไทย│เสรีรวมไทยผุดไอเดียแก้ม.113│‘เราเที่ยวด้วยกัน’ โก่งราคา│สงครามยูเครนวันที่381
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7553359
“ลิณธิภรณ์” สับ พวกจ้องยื่นยุบพรรค เพื่อไทย ไร้เหตุผล เล่นการเมืองแบบเก่า หวังสกัดแลนด์สไลด์ ฉะ ละเลยความเดือดร้อนประชาชน
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2566 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามจากหลายฝ่าย ในการยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า เป็นความหวังของประชาชนที่จะแสดงออกถึงเจตจำนงในการใช้สิทธิที่พึงมี เลือกผู้แทนราษฎรและเลือกพรรคการเมือง ซึ่งเป็นที่พึ่งที่หวังในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่ปรากฏว่าผู้ไม่หวังดีกำลังใช้อำนาจของกระบวนการยุติธรรมไปในทางที่ผิด เล่นการเมืองแบบเก่า โดยใช้ข้อกฎหมายที่ไม่มีเหตุหรือมูลความจริงมาสกัดกั้น นำมาเป็นเหตุอ้างในการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่เหตุของการยุบพรรคการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มี 4 ประเด็นหลัก คือ
1. กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า
2. กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3. กระทําการฝ่าฝืนมาตรา 20 วรรคสอง มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 36 มาตรา 44 มาตรา 45 มาตรา 46 มาตรา 72 หรือมาตรา 74 ซึ่งว่าด้วยการดำเนินการของพรรค ว่าจะต้องไม่แสวงหากำไร ไม่ถูกครอบงำ ต้องยึดหลักประธิปไตย และปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องการเงิน
4. มีเหตุอันจะต้องยุบพรรคการเมืองตามที่มีกฎหมายกําหนด
จากเหตุผลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ตอนนี้ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เป็นภัยต่อการล้มล้างการปกครอง เว้นเสียแต่ว่าเหตุผลเดียวที่ต้องการยุบพรรค เป็นไปเพื่อต้องการสกัดกั้นเป้าหมายแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จึงมีความพยายามทุกวิถีทางที่สร้างประเด็น เพื่อให้เกิดการชะงักงันในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยละเลยความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ประวัติศาสตร์การเมืองไทยนับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 มี 110 พรรคถูกยุบพรรค และทุกครั้งที่มีการยุบพรรค มักจะเกิดวิกฤตทางการเมืองที่ยากจะหาทางออก ซึ่งสังคมไทยหรือนักการเมืองไทยควรเรียนรู้ได้แล้วว่า การยุบพรรคการเมืองไม่เป็นผลดี ไม่เคารพต่อเสียงของประชาชน ไม่มีประโยชน์ต่อพลวัตรของการเมืองไทย
“ดังนั้น พรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองอื่นที่ไม่มีความผิด ไม่สมควรที่จะต้องถูกยุบพรรค เพื่อดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนตั้งตาตั้งตารอคอย กระบวนการยุบพรรคที่ไม่ว่าเกิดจากใคร ที่พยายามสกัดกั้นขัดขวางพรรคอื่น โดยพยายามใส่ร้าย ถือเป็นการเมืองแบบเก่า เป็นภัยต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเสียเอง” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
เสรีรวมไทย ผุดไอเดีย แก้ ม. 113 ใครรัฐประหารต้องประหารชีวิต
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3867368
เสรีรวมไทย ผุดไอเดีย แก้ ม. 113 ใครรัฐประหารต้องประหารชีวิต
วันที่ 11 มีนาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร พรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 113 เป็นเรื่องความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ระบุว่า ผู้ใดใช้กำลัง เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ เป็นความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิตเห็นสมควร แก้กฎหมายดังกล่าว โดยเพิ่มเติมวรรคสาม ดังนี้ “ความผิดในวรรคหนึ่ง ให้ไม่มีอายุความ และไม่สามารถนิรโทษกรรมความผิดได้”รอฟัง พรรคเสรีรวมไทย จะแถลงนโยบายการเมือง ชุดที่ 3 “ปฏิรูปกองทัพ” วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 11.00 น
ฉวยโอกาส! รีวิวจะจอง ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ โดนจนได้โรงแรมโก่งราคา-พุ่งขึ้นเท่าตัว
https://www.dailynews.co.th/news/2086026/
บ่นอุบ! สาวรีวิวโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ดูข้อมูลที่พักเตรียมไว้ตั้งนาน พอจะกดจองโดนจนได้ เจอโรงแรมโก่งราคา พุ่งขึ้นเท่าตัวแล้วทำมาเป็นลด เหมือนโดนโกง เอาเปรียบ เชื่อมีอีกหลายโรงแรม.
ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ในวันที่ 7 มี.ค. 66 เป็นวันแรก ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดระบบให้ดำเนินการจองที่พัก ปรากฏว่ามีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างล้นหลาม เพียง 4 วันตั้งแต่วันที่ 7-10 มี.ค. 66 มีการจองสิทธิเต็ม 5.6 แสนสิทธิ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น.
ความคืบหน้าล่าสุด บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากสมาชิกผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @niningbz ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอหลังกำลังหาข้อมูลเพื่อใช้บริการโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แต่กลับพบว่า ราคาค่าที่พักถูกอัพราคาขึ้นเกือบเท่าตัว โดยระบุข้อความว่า “โรงแรมแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ #โครงการเราเที่ยวด้วยกัน #โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส5 #เอาเปรียบผู้บริโภคจริงๆ #โรงแรมพัทยา #โดนเอาเปรียบ #เตือนภัย”
โดยเธอเล่าว่า เธออยากไปพักที่พักที่หนึ่งทางภาคตะวันออก เลยทำการเช็กข้อมูล และทราบราคาที่พักประมาณ 5,400+เธอ จึงโทรไปหาที่พักแล้วถามว่าราคานี้วันที่ 7 จะลดอีก 40% ใช่มั้ย ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทางปลายสายที่เธอโทรไปก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ใช่ค่ะคุณลูกค้า ราคาเราไม่สามารถบอกได้ เพราะราคามันจะปรับขึ้นอีก ให้ไปดูทีเดียววันที่ 7 เลย” เธอจึงถามกลับไปว่า ปรับขึ้นหมายความยังไง ไม่ใช่ราคานี้แล้วลดลงไป 40% เหรอ ตามที่รัฐบาลเขาว่ามา ซึ่งปลายสายก็ตอบว่า “ไม่ใช่ค่ะ” สุดท้ายแล้วก็ไม่แจ้งราคา พร้อมกับบอกว่าให้ไปดูทีเดียววันที่ 7 เลย
หลังจากนั้นวันที่ 7 เธอจึงเข้าไปดูราคา ซึ่งจำได้ว่าวันที่ดูราคาอยู่ที่ 5,400+ แต่พอเข้าไปดู ปรากฎว่าราคาขึ้นไปถึง 8,000 กว่าบาท พร้อมกับมีการเขียนไว้ข้างๆ ว่า “ลบราคาเราเที่ยวด้วยกันแล้วเหลือ 5,200+” ซึ่งเธอมองว่าราคานี้ก็คือไม่ได้ลดเลย หรือลดไปแค่ 200 บาท ซึ่งอย่างนี้ป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ เธอบอกอีกว่าอย่างนี้แสดงว่าทางทางโรงแรมก็จะได้ 40% จากรัฐบาลไปเลยล เธอจึงรู้สึกไม่โอเค เหมือนโดนโกง สุดท้ายก็เท่ากับไม่ได้ลดเลย และเธอคิดว่าไม่น่าจะมีโรงแรมเดียวที่ทำแบบนี้ จึงได้ฝากถึงผู้บริโภคว่าจะไปพักที่ไหนต้องเช็กราคาดีๆ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย
https://www.tiktok.com/@niningbz/video/7208138078576332059