‘อุ๊งอิ๊ง’ กร้าวขอเป็น รบ.ที่เข้มแข็ง มองข้าม ส.ว. มุ่งจัดตั้งนายกฯโดยเสียงประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3865268
‘อุ๊งอิ๊ง’ กร้าวขอเป็น รบ.ที่เข้มแข็ง มองข้าม ส.ว. มุ่งจัดตั้งนายกฯโดยเสียงประชาชน
เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศตั้งรัฐบาลพรรคเดียวของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าอยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้ด้วย ส.ว. อยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกรัฐมนตรีได้โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที
ดังนั้น ต้องช่วยกันเพราะการที่หัวหน้าพรรคประกาศเรื่อง 310 เสียงเป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกคนที่ต้องช่วยกันทุกจุด ไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียวต้องเดินหน้าเต็มที่ ส่วนที่ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่อนจดหมายเชิญชวนทั้งสองขั้วการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น ไม่ได้มองหาความขัดแย้งอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการจับมือทางการเมืองนั้นยังเร็วไปมากที่จะบอกว่าจะร่วมกับใคร เพราะต้องมองหาคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย อุดมการณ์เรื่องปากท้อง เอาประชาชนเป็นที่ตั้งเหมือนกัน
ขณะที่ นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @Thavisin ขอลางานชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้เต็มที่โดยไม่ขอรับคำตอบแทน
ด้าน นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัยที่ จ.พิจิตรและพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม ไฮไลต์สำคัญครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร และนาย
เศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยวันที่ 11 มีนาคม เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ส่วนวันที่ 12 มีนาคม เปิดเวทีปราศรัยที่อาคารวังเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และที่สวนกลางเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จากนั้นสัปดาห์ถัดไป พรรค พรรค พท.มีโปรแกรมลงพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีนาย
เศรษฐาเข้าร่วมด้วย
ส่วนบางพื้นที่จะมี น.ส.
แพทองธาร ร่วมกับนาย
เศรษฐา โดยยังคงขึ้นเวทีปราศรัยช่วงสุดสัปดาห์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะถึงกำหนดคลอด
ครม.-มท.แพ้ ศาล ปค.พิพากษาระงับสร้าง “โครงการริมฝั่งเจ้าพระยา” ไว้ชั่วคราว
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1056981
“ครม.มหาดไทย” แพ้! ศาลปกครองกลางพิพากษาระงับการก่อสร้าง “โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา” จนกว่าจะมีการรับฟังความเห็นประชาชน รายงานผลวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม รอกรมเจ้าท่า-กรมศิลปากร อนุญาตก่อน
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดีที่เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม และพวกรวม 12 ราย ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) คณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) กระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) กรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) โดยขอให้เพิกถอนโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตามที่ กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ทำการศึกษาออกแบบแนวความคิดเบื้องต้น เพื่อพัฒนาพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานสามเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานพระราม 7 ทั้งสองฝั่งระยะทางรวมประมาณ 14 กม. ให้เป็นทางสัญจรโดยใช้จักรยานการชมทัศนียภาพ การพักผ่อนหย่อนใจและนันทนาการ การกีฬา และการท่องเที่ยวนั้น
โดยศาลปกครองกลาง เห็นว่า แม้โครงการดังกล่าวได้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเพียงการจัดทำเพื่อเสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญฯ เพื่อทราบเท่านั้น จึงไม่อาจถือได้ว่า กรุงเทพมหานคร ได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามนัยมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้นได้ ประกอบกับแม้การทำสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดเพื่อใช้เป็นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยานจะเป็นของทางราชการก็ตาม แต่การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะ หาใช่ประโยชน์แก่ทางราชการแต่อย่างใด เจ้าท่าจึงไม่อาจอาศัยอำนาจอนุญาตให้ กรุงเทพมหานคร ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแม่น้ำ ตามใบอนุญาต เลขที่ 16/2561 ลงวันที่ 19 ต.ค.2561 ได้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 จึงไม่อาจดำเนินโครงการตามใบอนุญาตดังกล่าวได้เช่นกัน
ดังนั้นการดำเนินโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำพิพากษาให้ระงับการก่อสร้างโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยาดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง (7) และวรรคสอง ข้อ 11 และข้อ 12 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าวจะได้ดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมบัญญัติไว้โดยครบถ้วน รวมทั้งเจ้าท่ามีอำนาจอนุญาตและได้อนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแม่น้ำได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย และอธิบดีกรมศิลปากรได้มีคำสั่งเป็นหนังสืออนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารภายในบริ้วณโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในบริเวณโครงการพาดผ่าน
ทั้งนี้สำหรับคำสั่งเกี่ยวกับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาที่ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ดำเนินการโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา พาะในส่วนของแผนงานที่ 1 คือ ทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ก่อนเป้นการชั่วคราวนั้น ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม :
https://drive.google.com/file/d/1r9Ow2j59xE2wb9o_l4NV3f5r9ouTahzF/view
ไม่รู้จริงใช่ไหม? ทัวร์ลง ร้านสวัสดิการทหาร โพสต์ขายเบียร์โจ๋งครึ่ม ชี้มีความผิด โทษปรับหนัก-คุก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7551159
ไม่รู้จริงใช่ไหม? ทัวร์ลง ร้านสวัสดิการทหาร โพสต์ขายเบียร์โจ๋งครึ่ม ซ้ำปล่อยโปร-เขียนคำคม ดึงลูกค้า ชี้มีความผิด ตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สังคมออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลัง เพจ
ร้านอาหารสวัสดิการกรมยุทธบริการทหาร Division One Cafe’ ซึ่งระบุพิกันว่า ตั้งอยู่ที่อาคารอเนกประสงค์ กรมยุทธบริการทหาร โฆษณาโปรโมชั่นขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(เบียร์) ผ่านทางเฟซบุ๊กอย่างโจ๋งครึ่ม โดยเพจเขียนข้อความ ระบุว่า
โปรใหม่มาแรง ทุกวันศุกร์ บุฟเฟต์เบียร์ 299 “ จิบเบียร์ก็เพ้อ จีบเธอก็แพ้“ เอ้าโชนนนนน
ทั้งนี้ ชาวเน็ตต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็น ระบุว่า การโฆษณาดังกล่าว มีความผิด ตาม
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ใน มาตรา 30 ที่
ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) ใช้เครื่องขายอัตโนมัติ
(2) การเร่ขาย
(3) การลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย
(4) ให้หรือเสนอให้สิทธิในการเข้าชมการแข่งขัน การแสดง การให้บริการการชิงโชค การชิงรางวัล หรือสิทธิประโยชน์อื่นใด เป็นการตอบแทนแก่ผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแก่ผู้นำหีบห่อหรือสลากหรือสิ่งอื่นใดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาแลกเปลี่ยนหรือแลกซื้อ
(5) โดยแจก แถม ให้ หรือแลกเปลี่ยนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกับสินค้าอื่น หรือการให้บริการอย่างอื่น แล้วแต่กรณี หรือแจกจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะเป็นตัวอย่างของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นการจูงใจสาธารณชนให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขการขายในลักษณะที่เป็นการบังคับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทางตรงหรือทางอ้อม
(6) โดยวิธีหรือลักษณะอื่นใดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ
มาตรา 41 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 30 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และในมาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใด ๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ให้กระทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแต่เป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติในวรรคหนึ่งและวรรคสอง มิให้ใช้บังคับกับการโฆษณาที่มีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร
มาตรา 43 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
JJNY : ‘อุ๊งอิ๊ง’กร้าวขอเป็นรบ.ที่เข้มแข็ง│ครม.-มท.แพ้ศาลปค.│ร้านสวัสดิการทหาร โพสต์ขายเบียร์│ยอมถอย! จอร์เจียล้มร่างกม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3865268
‘อุ๊งอิ๊ง’ กร้าวขอเป็น รบ.ที่เข้มแข็ง มองข้าม ส.ว. มุ่งจัดตั้งนายกฯโดยเสียงประชาชน
เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศตั้งรัฐบาลพรรคเดียวของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าอยากเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง เป็นรัฐบาลที่ไม่ถูกล้มด้วยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่สามารถถูกแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้ด้วย ส.ว. อยากเป็นรัฐบาลที่จัดตั้งนายกรัฐมนตรีได้โดยประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างที่เคยพูดไว้ทุกเวที
ดังนั้น ต้องช่วยกันเพราะการที่หัวหน้าพรรคประกาศเรื่อง 310 เสียงเป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกคนที่ต้องช่วยกันทุกจุด ไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียวต้องเดินหน้าเต็มที่ ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่อนจดหมายเชิญชวนทั้งสองขั้วการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งนั้น ไม่ได้มองหาความขัดแย้งอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการจับมือทางการเมืองนั้นยังเร็วไปมากที่จะบอกว่าจะร่วมกับใคร เพราะต้องมองหาคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย อุดมการณ์เรื่องปากท้อง เอาประชาชนเป็นที่ตั้งเหมือนกัน
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @Thavisin ขอลางานชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้เต็มที่โดยไม่ขอรับคำตอบแทน
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัยที่ จ.พิจิตรและพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม ไฮไลต์สำคัญครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยวันที่ 11 มีนาคม เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ส่วนวันที่ 12 มีนาคม เปิดเวทีปราศรัยที่อาคารวังเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และที่สวนกลางเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จากนั้นสัปดาห์ถัดไป พรรค พรรค พท.มีโปรแกรมลงพื้นที่ กทม.อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีนายเศรษฐาเข้าร่วมด้วย
ส่วนบางพื้นที่จะมี น.ส.แพทองธาร ร่วมกับนายเศรษฐา โดยยังคงขึ้นเวทีปราศรัยช่วงสุดสัปดาห์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะถึงกำหนดคลอด
ครม.-มท.แพ้ ศาล ปค.พิพากษาระงับสร้าง “โครงการริมฝั่งเจ้าพระยา” ไว้ชั่วคราว
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1056981
“ครม.มหาดไทย” แพ้! ศาลปกครองกลางพิพากษาระงับการก่อสร้าง “โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา” จนกว่าจะมีการรับฟังความเห็นประชาชน รายงานผลวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม รอกรมเจ้าท่า-กรมศิลปากร อนุญาตก่อน
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดีที่เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม และพวกรวม 12 ราย ยื่นฟ้อง คณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) คณะกรรมการอำนวยการโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) กระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) กรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) โดยขอให้เพิกถอนโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตามที่ กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ทำการศึกษาออกแบบแนวความคิดเบื้องต้น เพื่อพัฒนาพื้นที่สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานสามเด็จพระปิ่นเกล้า ถึงสะพานพระราม 7 ทั้งสองฝั่งระยะทางรวมประมาณ 14 กม. ให้เป็นทางสัญจรโดยใช้จักรยานการชมทัศนียภาพ การพักผ่อนหย่อนใจและนันทนาการ การกีฬา และการท่องเที่ยวนั้น
โดยศาลปกครองกลาง เห็นว่า แม้โครงการดังกล่าวได้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเพียงการจัดทำเพื่อเสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเสนอต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญฯ เพื่อทราบเท่านั้น จึงไม่อาจถือได้ว่า กรุงเทพมหานคร ได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามนัยมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้นได้ ประกอบกับแม้การทำสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดเพื่อใช้เป็นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยานจะเป็นของทางราชการก็ตาม แต่การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะ หาใช่ประโยชน์แก่ทางราชการแต่อย่างใด เจ้าท่าจึงไม่อาจอาศัยอำนาจอนุญาตให้ กรุงเทพมหานคร ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแม่น้ำ ตามใบอนุญาต เลขที่ 16/2561 ลงวันที่ 19 ต.ค.2561 ได้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 จึงไม่อาจดำเนินโครงการตามใบอนุญาตดังกล่าวได้เช่นกัน
ดังนั้นการดำเนินโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำพิพากษาให้ระงับการก่อสร้างโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยาดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง (7) และวรรคสอง ข้อ 11 และข้อ 12 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าวจะได้ดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมบัญญัติไว้โดยครบถ้วน รวมทั้งเจ้าท่ามีอำนาจอนุญาตและได้อนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแม่น้ำได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย และอธิบดีกรมศิลปากรได้มีคำสั่งเป็นหนังสืออนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารภายในบริ้วณโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในบริเวณโครงการพาดผ่าน
ทั้งนี้สำหรับคำสั่งเกี่ยวกับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาที่ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ดำเนินการโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา พาะในส่วนของแผนงานที่ 1 คือ ทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ก่อนเป้นการชั่วคราวนั้น ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม : https://drive.google.com/file/d/1r9Ow2j59xE2wb9o_l4NV3f5r9ouTahzF/view
ไม่รู้จริงใช่ไหม? ทัวร์ลง ร้านสวัสดิการทหาร โพสต์ขายเบียร์โจ๋งครึ่ม ชี้มีความผิด โทษปรับหนัก-คุก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7551159
ไม่รู้จริงใช่ไหม? ทัวร์ลง ร้านสวัสดิการทหาร โพสต์ขายเบียร์โจ๋งครึ่ม ซ้ำปล่อยโปร-เขียนคำคม ดึงลูกค้า ชี้มีความผิด ตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สังคมออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลัง เพจ ร้านอาหารสวัสดิการกรมยุทธบริการทหาร Division One Cafe’ ซึ่งระบุพิกันว่า ตั้งอยู่ที่อาคารอเนกประสงค์ กรมยุทธบริการทหาร โฆษณาโปรโมชั่นขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(เบียร์) ผ่านทางเฟซบุ๊กอย่างโจ๋งครึ่ม โดยเพจเขียนข้อความ ระบุว่า
โปรใหม่มาแรง ทุกวันศุกร์ บุฟเฟต์เบียร์ 299 “ จิบเบียร์ก็เพ้อ จีบเธอก็แพ้“ เอ้าโชนนนนน
ทั้งนี้ ชาวเน็ตต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็น ระบุว่า การโฆษณาดังกล่าว มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ใน มาตรา 30 ที่
ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะ ดังต่อไปนี้
(1) ใช้เครื่องขายอัตโนมัติ
(2) การเร่ขาย
(3) การลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย
(4) ให้หรือเสนอให้สิทธิในการเข้าชมการแข่งขัน การแสดง การให้บริการการชิงโชค การชิงรางวัล หรือสิทธิประโยชน์อื่นใด เป็นการตอบแทนแก่ผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแก่ผู้นำหีบห่อหรือสลากหรือสิ่งอื่นใดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาแลกเปลี่ยนหรือแลกซื้อ
(5) โดยแจก แถม ให้ หรือแลกเปลี่ยนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือกับสินค้าอื่น หรือการให้บริการอย่างอื่น แล้วแต่กรณี หรือแจกจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในลักษณะเป็นตัวอย่างของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นการจูงใจสาธารณชนให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขการขายในลักษณะที่เป็นการบังคับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทางตรงหรือทางอ้อม
(6) โดยวิธีหรือลักษณะอื่นใดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ
มาตรา 41 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 30 (2) (3) (4) (5) หรือ (6) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และในมาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใด ๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ให้กระทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแต่เป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเท่านั้น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติในวรรคหนึ่งและวรรคสอง มิให้ใช้บังคับกับการโฆษณาที่มีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร
มาตรา 43 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ