'ชัชชาติ' ลั่น พท.อาสากอบกู้ปท. บอก ยุคนี้สังฆทานขายดี คนมุ่งทำบุญหวังชาติหน้าศก.ดี
https://www.matichon.co.th/election-2019/news_1365559
‘ชัชชาติ’ ลั่น พท.ขออาสากอบกู้ปท. บอก ยุคนี้สังฆทานขายดี คนมุ่งทำบุญหวังชาติหน้าศก.ดี
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ลานคนเมือง กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ซึ่งเป็นครั้งแรกด้วยที่แคนดิเดต 3 คนของพรรคพท. คือ คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนาย
ชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเวทีพร้อมกันในขณะที่มีแกนนำพรรคที่มาร่วมเวทีปราศรัยหลายคน อาทิ พล.ต.ท.
วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นาย
ปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.
เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมปราศรัยของพรรค นาย
ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นาย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นาย
พงศ์เทพ เทพกาญจนา นาย
นพดล ปัทมะ นาย
โภคิน พลกุล นาย
วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรค
จากนั้น เวลา 20.30 น. นาย
ชัชชาติ ขึ้นปราศรัยว่า ตนเป็นตัวแทนของทีมเศรษฐกิจมาเล่าแนวคิดของพรรคพท.ให้ฟัง สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันพี่น้องลำบาก ตนและผู้สมัครลงพื้นที่พี่น้องจากขายข้าว เปลี่ยนเป็นขายรถเครื่อง ขายรถไถ ขายรถเกี่ยว ร้านขายเดียวที่ขายดีคือขายสังฆทาน คือคนไม่หวังชาตินี้แล้ว ไปหวังชาติหน้ากันหมดแล้ว ไปตลาดยาบ้าขายดีที่สุด จากเมื่อก่อนเม็ดละ 100 ตอนนี้ 3 เม็ด 100 โจทย์หลักของการเลือกตั้งครั้งนี้คือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงเยอะ ทุกคนมีมือถือ เทคโนโลยีเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยนไป รูปแบบการค้าขายเปลี่ยนไป โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไปแล้ว การแก้ปัญหาเศรษฐกิจซับซ้อนขึ้น การให้เงินช่วยคนจนไม่ได้เปลี่ยนปัญหา และไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า ผลงานของพท.พิสูจน์แล้วว่า เราเข้าใจอนาคต เข้าใจประชาชน และเข้าใจวิธีทำ
“นี่คือวิสัยทัศน์ของพท.ที่ต้องเข้าใจปัญหา แล้วกำหนดยุทธศาสตร์ขึ้นมาแก้ ซึ่งปัญหาที่เราพบ คือ 1.เราแข็งบน อ่อนล่าง คือ เรามีความเหลื่อมล้ำสูง มีเพียงกลุ่มคนด้านบนที่มีกำลังซื้อ รัฐราชการใหญ่ และไม่สนใจเรื่องเศรษฐกิจ เพราะได้เงินเดือนตลอด หนี้ครัวเรือนเราสูงขึ้น คนจนเยอะขึ้นสะท้อนจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.เราแข็งนอก อ่อนใน เราเน้นการส่งออกสินค้า และบริการ แต่การบริโภคในประเทศอ่อนแอ ฟันเฟืองเล็กๆอย่างพวกเราเริ่มสะดุด และจะส่งผลถึงฟันเฟืองใหญ่ๆ และ 3.แต่ก่อนเราแข็งกว่านี้ เมื่อก่อนเคยเป็นชาติมหาอำนาจ แต่วันนี้เศรษฐกิจเราโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ดังนั้น ต่อจากนี้ไปเราต้องเพิ่มความเข้มแข็งของการบริโภค กำลังซื้อในประเทศ เอาเทคโนโลยี และโนว์ฮาวมาช่วยคนตัวเล็กๆ ต้องมียุทธศาสต์ไทยเชื่อมไทย ไทยเชื่อมโลก และไทยยั่งยืน ต้องสร้างแบรนด์ไทยให้เข้มแข็ง การท่องเที่ยวจะต้องปลอดภัย ฯลฯ เราต้องมีวาระแห่งชาติ 2 เรื่อง คือ เรื่องทุจริต และเรื่องคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อจะทำให้ไทยยั่งยืน เราต้องทำให้จุดที่ประชาธิปไตยกับเศรษฐกิจมาเจอกัน แล้วเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง และยั่งยืน พท.จะกอบกู้เศรษฐกิจให้คนไทย” นาย
ชัชชาติ กล่าว
'ศาลปกครอง' ทุเลาคำสั่ง กสทช. 'วอยซ์ทีวี' ออกอากาศได้ทันที
https://voicetv.co.th/read/dAlSm4zZE
'วอยซ์ทีวี' กลับมาเผยเเพร่ออกอากาศได้ตามปกติ หลังศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช. ที่พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
กรณี กสทช. มีคำสั่งทางปกครองให้สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีระงับการออกอากาศเป็นเวลา 15 วัน จนเป็นเหตุให้ นาย
เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด พร้อม นาย
ประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานีฯ ยื่นคำร้องขอระงับคำสั่งฉุกเฉินต่อศาลปกครอง เพื่อให้สถานีฯ กลับมาออกอากาศได้ตามปกติ
ล่าสุด 'ศาลปกครอง' มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช. ที่พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ช่องรายการวอยซ์ ทีวี ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและสื่อมวลชนไว้อย่างชัดแจ้ง การที่ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และสำนักงาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) จะใช้อำนาจสั่งพักใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดีได้ก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงปราฏว่า ผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์หรือการกระทำความผิดตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 และปรากฏด้วยว่า มีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าว
หากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มิได้เสนอว่าการออกอาอกรายการของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเกิดความเสียหายร้ายแรงหรือไม่อย่างไร และไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาในประเด็นความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนมีมติออกคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้มบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดีเช่นกัน
ในชั้นนี้จึงเห็นว่าคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากให้คำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าวมีผลต่อไป อาจเกิดความเสียหายทางธุรกิจของผู้ฟ้องคดีที่มีการสั่งสมฐานผู้ชมและความเชื่อมั่น ซึ่งไม่อาจเรียกคืนได้ จึงเป็นการยากแก่การเยียวภายหลัง อีกทั้งการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าว ไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ยังคงมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล รวมทั้งผู้ฟ้องคดีตามกฎหมาย
กรณีนี้ จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งกำหนดโทษทางปกครอง ให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบกับข้อ 72 วรรคสามแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
สรุปไทม์ไลน์เหตุการณ์ดังกล่าว
1. วันที่ 12 ก.พ. 2562 เวลา 16.30 น. บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ได้รับคำสั่งพิพาท
2. วันที่ 14 ก.พ. 2562 เวลา 8.30 น. บริษัทฯ ยื่นฟ้องคดี + คำขอทุเลาฯ ต่อศาลปกครองกลาง
3. วันที่ 15 ก.พ. 2562 เวลา 10.00 น. ศาลไต่สวนคำขอทุเลา โดยมีผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีเข้าร่วมกระบวนพิจารณา
4. วันที่ 15 ก.พ. 2562 เวลา xx.xx น. ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอทุเลาฯ
5. วันที่ 20 ก.พ. 2562 เวลา 10.00 น. ศาลนัดไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคดี และสั่งปิดกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง
6. วันที่ 25 ก.พ. 2562 ศาลนัดนั่งพิจารณาครั้งแรก และมีคำพิพากษาคดีในวันเดียวกัน
JJNY : ชัชชาติลั่นพท.อาสากอบกู้ปท./ศาลปกครองทุเลาคำสั่ง วอยซ์ทีวีออกอากาศได้/มิ่งขวัญชี้จัดระเบียบทางเท้าทำเสน่ห์กท.หาย
https://www.matichon.co.th/election-2019/news_1365559
‘ชัชชาติ’ ลั่น พท.ขออาสากอบกู้ปท. บอก ยุคนี้สังฆทานขายดี คนมุ่งทำบุญหวังชาติหน้าศก.ดี
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ลานคนเมือง กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ซึ่งเป็นครั้งแรกด้วยที่แคนดิเดต 3 คนของพรรคพท. คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเวทีพร้อมกันในขณะที่มีแกนนำพรรคที่มาร่วมเวทีปราศรัยหลายคน อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมปราศรัยของพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายนพดล ปัทมะ นายโภคิน พลกุล นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรค
จากนั้น เวลา 20.30 น. นายชัชชาติ ขึ้นปราศรัยว่า ตนเป็นตัวแทนของทีมเศรษฐกิจมาเล่าแนวคิดของพรรคพท.ให้ฟัง สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันพี่น้องลำบาก ตนและผู้สมัครลงพื้นที่พี่น้องจากขายข้าว เปลี่ยนเป็นขายรถเครื่อง ขายรถไถ ขายรถเกี่ยว ร้านขายเดียวที่ขายดีคือขายสังฆทาน คือคนไม่หวังชาตินี้แล้ว ไปหวังชาติหน้ากันหมดแล้ว ไปตลาดยาบ้าขายดีที่สุด จากเมื่อก่อนเม็ดละ 100 ตอนนี้ 3 เม็ด 100 โจทย์หลักของการเลือกตั้งครั้งนี้คือความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงเยอะ ทุกคนมีมือถือ เทคโนโลยีเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยนไป รูปแบบการค้าขายเปลี่ยนไป โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไปแล้ว การแก้ปัญหาเศรษฐกิจซับซ้อนขึ้น การให้เงินช่วยคนจนไม่ได้เปลี่ยนปัญหา และไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา ตนเชื่อว่า ผลงานของพท.พิสูจน์แล้วว่า เราเข้าใจอนาคต เข้าใจประชาชน และเข้าใจวิธีทำ
“นี่คือวิสัยทัศน์ของพท.ที่ต้องเข้าใจปัญหา แล้วกำหนดยุทธศาสตร์ขึ้นมาแก้ ซึ่งปัญหาที่เราพบ คือ 1.เราแข็งบน อ่อนล่าง คือ เรามีความเหลื่อมล้ำสูง มีเพียงกลุ่มคนด้านบนที่มีกำลังซื้อ รัฐราชการใหญ่ และไม่สนใจเรื่องเศรษฐกิจ เพราะได้เงินเดือนตลอด หนี้ครัวเรือนเราสูงขึ้น คนจนเยอะขึ้นสะท้อนจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2.เราแข็งนอก อ่อนใน เราเน้นการส่งออกสินค้า และบริการ แต่การบริโภคในประเทศอ่อนแอ ฟันเฟืองเล็กๆอย่างพวกเราเริ่มสะดุด และจะส่งผลถึงฟันเฟืองใหญ่ๆ และ 3.แต่ก่อนเราแข็งกว่านี้ เมื่อก่อนเคยเป็นชาติมหาอำนาจ แต่วันนี้เศรษฐกิจเราโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ดังนั้น ต่อจากนี้ไปเราต้องเพิ่มความเข้มแข็งของการบริโภค กำลังซื้อในประเทศ เอาเทคโนโลยี และโนว์ฮาวมาช่วยคนตัวเล็กๆ ต้องมียุทธศาสต์ไทยเชื่อมไทย ไทยเชื่อมโลก และไทยยั่งยืน ต้องสร้างแบรนด์ไทยให้เข้มแข็ง การท่องเที่ยวจะต้องปลอดภัย ฯลฯ เราต้องมีวาระแห่งชาติ 2 เรื่อง คือ เรื่องทุจริต และเรื่องคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อจะทำให้ไทยยั่งยืน เราต้องทำให้จุดที่ประชาธิปไตยกับเศรษฐกิจมาเจอกัน แล้วเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง และยั่งยืน พท.จะกอบกู้เศรษฐกิจให้คนไทย” นายชัชชาติ กล่าว
'ศาลปกครอง' ทุเลาคำสั่ง กสทช. 'วอยซ์ทีวี' ออกอากาศได้ทันที
https://voicetv.co.th/read/dAlSm4zZE
'วอยซ์ทีวี' กลับมาเผยเเพร่ออกอากาศได้ตามปกติ หลังศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช. ที่พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
กรณี กสทช. มีคำสั่งทางปกครองให้สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีระงับการออกอากาศเป็นเวลา 15 วัน จนเป็นเหตุให้ นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด พร้อม นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการสถานีฯ ยื่นคำร้องขอระงับคำสั่งฉุกเฉินต่อศาลปกครอง เพื่อให้สถานีฯ กลับมาออกอากาศได้ตามปกติ
ล่าสุด 'ศาลปกครอง' มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช. ที่พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ช่องรายการวอยซ์ ทีวี ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและสื่อมวลชนไว้อย่างชัดแจ้ง การที่ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และสำนักงาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) จะใช้อำนาจสั่งพักใบอนุญาตของผู้ฟ้องคดีได้ก็ต่อเมื่อเป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงปราฏว่า ผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์หรือการกระทำความผิดตามมาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 และปรากฏด้วยว่า มีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการกระทำดังกล่าว
หากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มิได้เสนอว่าการออกอาอกรายการของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเกิดความเสียหายร้ายแรงหรือไม่อย่างไร และไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาในประเด็นความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนมีมติออกคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองให้พักใช้มบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดีเช่นกัน
ในชั้นนี้จึงเห็นว่าคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากให้คำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าวมีผลต่อไป อาจเกิดความเสียหายทางธุรกิจของผู้ฟ้องคดีที่มีการสั่งสมฐานผู้ชมและความเชื่อมั่น ซึ่งไม่อาจเรียกคืนได้ จึงเป็นการยากแก่การเยียวภายหลัง อีกทั้งการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าว ไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ยังคงมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล รวมทั้งผู้ฟ้องคดีตามกฎหมาย
กรณีนี้ จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งกำหนดโทษทางปกครอง ให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดี ตามหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ประกอบกับข้อ 72 วรรคสามแห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543 ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
สรุปไทม์ไลน์เหตุการณ์ดังกล่าว
1. วันที่ 12 ก.พ. 2562 เวลา 16.30 น. บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ได้รับคำสั่งพิพาท
2. วันที่ 14 ก.พ. 2562 เวลา 8.30 น. บริษัทฯ ยื่นฟ้องคดี + คำขอทุเลาฯ ต่อศาลปกครองกลาง
3. วันที่ 15 ก.พ. 2562 เวลา 10.00 น. ศาลไต่สวนคำขอทุเลา โดยมีผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีเข้าร่วมกระบวนพิจารณา
4. วันที่ 15 ก.พ. 2562 เวลา xx.xx น. ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอทุเลาฯ
5. วันที่ 20 ก.พ. 2562 เวลา 10.00 น. ศาลนัดไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคดี และสั่งปิดกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง
6. วันที่ 25 ก.พ. 2562 ศาลนัดนั่งพิจารณาครั้งแรก และมีคำพิพากษาคดีในวันเดียวกัน