มะนาวขอนแก่นแพงมากกระสอบละ 2,200 บาท
https://www.innnews.co.th/news/local/news_512119/
มะนาวขอนแก่นแพงมาก กระสอบละ 2,200 บาท แม่ค้าคาดเดือน เม.ย.ทะลุ กระสอบละ 2,500 บาทแน่
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคามะนาวสด ที่ตลาดสดขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ถ.ชีท่าขอน เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีการปรับราคาการจำหน่ายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้พบว่ามีการปรับขึ้นราคากระสอบละ 2,200 บาท ทำให้ร้านค้าต้องนำมาขายปลีกลูกละ 7-8 บาท และมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นทะลุกระสอบละ 2,500 บาท
นาง
วงเดือน อายุ 47 ปี แม่ค้ามะนาวสด กล่าวว่า มะนาวสดช่วงนี้ราคาขึ้นไม่หยุดล่าสุดราคามะนาวเบอร์ 3 กระสอบละ 2,200 บาท, มะนาวเบอร์ 4 กระสอบละ 2,100 บาท ,มะนาวเบอร์ 5 กระสอบละ 2,000 บาท โดย1 กระสอบมีประมาณ 17 กก. หรือ ประมาณ 300 ลูก ทั้งที่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่กระสอบละ 1,500 บาท เท่านั้น
“
ด้วยราคาที่สูงขึ้นทำให้ราคาขายปลีกแพงสุดอยู่ที่ลูกละ 7-8 บาท มะนาวขวดคั้นสดขวดละ 1.5 ลิตรราคาอยู่ที่ขวดละ 300-350 บาท ซึ่งยอมรับว่าแม้กระทั่งร้านขายมะนาวตอนนี้สู้ไม่ไหวแล้วราคาแพงมาก และมีแนวโน้มว่าราคามะนาวจะแพงขึ้นอีกในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าราคาจะทะลุ กระสอบละ 2,500 บาทเลยทีเดียว”
นาง
วงเดือน กล่าวต่ออีกว่า ราคามะนาวที่แพงขึ้นเพราะว่าช่วงนี้มะนาวขาดตลาดผลผลิตออกมาน้อยเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งไม่มีน้ำ ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อผู้บริโภค บางครั้งมะนาวบางเบอร์ไม่มีขาย แม่ค้ามะนาวเองก็ต้องแย่งกัน ในขณะที่ที่ร้านนำเฉพาะมะนาวแป้งรำไพมาขายส่วนมะนาวสายพันธุ์อย่างอื่นไม่ได้นำมาเพราะว่าจะให้รสชาติไม่ดีเหมือนแป้นรำไพ
“
ขณะที่ลูกค้าพฤติกรรมการซื้อก็เปลี่ยนไปคือซื้อน้อยลง บางครั้งก็ซื้อลูกเล็กราคาถูกเพื่อไปใช้ในการปรุงอาหาร และแม้ว่าขณะนี้ราคาจะแพงแค่ไหนลูกค้าก็ยังต้องมาซื้อเหมือนเดิมแต่ซื้อในปริมาณที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดบางคนก็หันมาใช้มะนาวขวดนำไปผสมแทนเพื่อให้ผ่านช่วงมะนาวแพงในช่วงนี้ไปก่อน”
‘ชลน่าน’ชูธงแลนด์สไลด์ วางเป้าเพื่อไทยตั้งรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3859229
‘ชลน่าน’ชูธงแลนด์สไลด์ วางเป้าเพื่อไทยตั้งรัฐบาล
หมายเหตุ –
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรค พท. รวมทั้งเป้าหมายในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นของพรรค พท. ในการเดินหน้ายุทธศาสตร์ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ถ้าจะให้มองการเลือกตั้งในปี 2566 จะมีความแตกต่างจากการเลือกตั้งในปี 2562 ในมิติต่างๆ อย่างไรนั้น ในความเห็นผม ในฐานะที่เป็นนักการเมืองมองว่ามีความต่างเยอะมาก คือ ประชาชนให้ความสนใจการเลือกตั้งมากกว่าการเลือกตั้งในปี 2562 อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ที่ฟังจากโพลสำนักต่างๆ จากการรณรงค์ของพรรคต่างๆ เช่น การที่พรรค พท.ไปลงพื้นที่ปราศรัย พี่น้องประชาชนให้ความสนใจมาก จึงคาดว่าจะมาใช้สิทธิมากกว่าปี 2562 ส่วนในมิติของพรรคการเมืองมีความต่างจากปี 2562 ในแง่ที่มีความตื่นตัว มีการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง มีความเสนอทั้งตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายที่ชัดเจนมากกว่า ซึ่งถือเป็นการต่อสู้ที่เด่นชัดมาก
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกลไก กติกา และผู้ที่มีส่วนกำกับดูแลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือหน่วยงานรัฐต่างๆ ทั้งนี้ ที่บอกว่ากติกามีความต่างเนื่องจากการเลือกตั้งปี 2562 คือการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นการเลือกตั้งที่ใช้บัตรใบเดียว แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบ 2 ใบ เขตการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจาก 350 เป็น 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อลดจากเดิม 150 เหลือ 100 คน มีการแยกกันนับคะแนนชัด ฉะนั้น ด้วยกติกาเช่นนี้ทำให้ภาพของการเลือกตั้ง หรือผลการเลือกตั้งน่าจะมีความแตกต่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมามีการเลือกตั้งภายใต้เงื่อนไขการยึดอำนาจมา และปรับเข้าสู่การเลือกตั้งด้วยกติกาที่ไม่เป็นธรรม ทำให้การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเหมือนถูกจำกัดไป แต่บริบทการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ต่างไป คือ การใช้เงิน เท่าที่ติดตามมาจะมีการใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินหลากหลายและสูงมาก อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรครัฐบาลที่อยู่ในวาระครบ 4 ปี กลไกต่างๆ ที่พยายามจะทำให้ชนะการเลือกตั้งก็เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เช่น การจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้หรือไม่ หัวหน้าพรรค พท.มองว่าขึ้นอยู๋กับเงื่อนไข เพราะปัจจัยแวดล้อมต่างๆ
ที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมีผล อย่างพรรค พท.ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างเด่นชัด จากอำนาจเก่ามาเป็นอำนาจประชาชนที่แท้จริง มาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงพูดถึงเรื่องการชนะเลือกตั้งที่ถล่มทลาย นั่นคือการแลนด์สไลด์ หากเราไม่ชนะการเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิดขึ้น หากประชาชนมาลงคะแนนแล้วทำให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ก็จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยสุดคือการเปลี่ยนขั้วการเมืองที่เป็นรัฐบาลของประชาชน แต่หากอำนาจเงิน อำนาจรัฐยังทรงอิทธิพลอยู่ มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนของประชาชน ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ชนะขาด การเมืองก็จะอยู่ในรูปแบบเดิม ฝ่ายที่มาจากการยึดอำนาจก็จะสามารถสืบทอดอำนาจต่อไปได้ การแก้ปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองก็จะเป็นแบบเดิมๆ การหลุดพ้นความยากลำบากก็จะเหมือน 8 ปีที่ผ่านมา
“
แลนด์สไลด์เพื่อไทยเป็นทั้งเป้าหมายและยุทธศาสตร์ กำหนดเป้าหมายไว้ว่าต้องชนะเกินกึ่งหนึ่งเป็นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน จะแลนด์สไลด์ได้พรรคการเมืองต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แสดงความพร้อมทั้งเรื่องบุคลากรคนที่มีความรู้ ความสามารถ บุคคลที่จะไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ตัวนโยบาย กลไกการสื่อสารทางการเมือง นี่เป็นสิ่งที่เตรียมเข้าสู่เป้าหมาย การเตรียมปัจจัยนำเข้าที่เป็นในเชิงยุทธศาสตร์ แล้วจึงค่อยเกิดการรณรงค์การจัดการเพื่อให้เข้าสู่เป้าหมายตรงนี้ เมื่อมีการพูดถึง ‘แลนด์สไลด์’ แล้วมีคนเข้าใจ นั่นหมายถึงยุทธศาสตร์ตรงนี้สำเร็จแล้ว แต่จะเข้าถึงเป้าหมายหรือไม่ เรายังต้องทำงานหนักต่อ หากถามว่าเรามั่นใจหรือไม่ เราย้อนไปดูผลตอบรับ การประเมินไม่ว่าจะเป็นเราประเมินด้วยตนเองจากการลงพื้นที่จริง หรือโพลสำนักต่างๆ แนวโน้มที่จะตอบรับการแลนด์สไลด์ที่วางเป้าหมายไว้เพิ่มขึ้นทุกภาค แม้ในพื้นที่ภาคใต้ที่พรรค พท.จะยังไม่มี ส.ส.แต่ก็มีคะแนนเพิ่มขึ้น เช่น พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ คะแนนนิยม ส.ส.เขตเฉลี่ย เราเพิ่มมาเป็นอันดับ 2 เมื่อคะแนนเราเพิ่มมาเช่นนี้ประกอบกับการรณรงค์อย่างเต็มที่ สิ่งที่ประชาชนตอบรับมาคือเขาอยากออกจากวิกฤต จึงทำให้เรามั่นใจ รวมถึงบุคลากรที่เข้ามาสู่พรรคเราซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาค ทำให้พื้นที่ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ จากเดิมที่เราไม่แข็งแรงเราก็แข็งแรงขึ้น เรามีโอกาสที่จะชนะแลนด์สไลด์มีสูงมาก” นพ.
ชลน่านอธิบายถึงยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของพรรค พท.
ทั้งนี้ หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้งแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เหมือนการเลือกตั้งในปี 2562 เนื่องจากฝ่ายเสียงข้างน้อยยังยืนยันที่จะจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลกระทบทางการเมืองอย่างไรบ้าง นพ.ชลน่านกล่าวว่า หากได้เสียง ส.ส.เกิน 250 เสียงแล้วมั่นใจว่าเราสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อประชาชนมั่นใจให้เราได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว การจะแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลเช่นนั้นเขาก็ควรที่จะคิดหนัก แต่ถามว่าเขาจัดตั้งได้หรือไม่ เขาสามารถจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่เขาแค่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย กลไกการบริหารราชการแผ่นดินแทบจะเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นแต่เขามีกระบวนการ วิธีการทำลายคู่แข่งทางการเมือง เช่น หากเขาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ก่อนที่เขาจะเอาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเข้า เขาอาจสามารถใช้กลไกทำลายคู่แข่ง คือยุบพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม หรือใช้วิธีการดูด ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามไปอยู่กับเขา เพื่อให้เป็นเสียงข้างมาก แต่การที่เขาจะดูด ส.ส.ออกจาก พท.ไปเป็นเรื่องยาก ต้องมีเทคนิคและวิธีการที่จะป้องกันตรงนี้ ทั้งหมดนี้ถามว่าจะมีผลทางการเมืองอย่างไร อันนี้ถือเป็นหายนะของประเทศ มันจะยิ่งกว่าปี 2562 อีก กลไกในสภาไม่สามารถขับเคลื่อนได้ นโยบายต่างๆ ก็ไม่สามารถนำมาขับเคลื่อนได้ ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น
อีก 2 เดือนจะมีการเลือกตั้ง ยังมั่นใจว่าตัวของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.จะสามารถดึงดูดให้คนเลือกพรรค พท.ได้ มากน้อยแค่ไหน นพ.ชลน่านประเมินว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นปัจจัยสำคัญจากการสำรวจทั้งหมดว่าอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนน ซึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นหนึ่งในนั้น พรรค พท.ตระหนักรู้เรื่องนี้ จึงประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน เพื่อช่วยกันสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน ให้มีความมั่นใจว่าหากเลือกพรรค พท.จะได้นายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความสามารถ ซึ่งขณะนี้ชื่อของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนนั้นกำลังเตรียมการอยู่ และย้ำว่าหากมีการประกาศยุบสภาก็พร้อมที่จะประกาศทั้ง 3 รายชื่อ
ส่วนท่าทีของ ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรีจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.หรือไม่ ต้องกลับไปดูก่อนว่าที่ ส.ว.พูดเช่นนั้นเป็นคำพูดขององค์คณะหรือไม่ เพราะตนยังเชื่อว่าเป็นคำพูดของ ส.ว.บางคนเท่านั้น และเขาคงมีวิจารณญาณว่าถ้าประชาชนเลือกสภาผู้แทนราษฎรมาด้วยเสียงท่วมท้น เกินกึ่งหนึ่ง เขาคงจะใช้ดุลพินิจเขาพอสมควรในการที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างไร หวังให้เป็นเช่นนี้ แต่หากเขามีกลไกที่ไม่สนใจเสียงของประชาชนเลย แล้วสิ่งที่พูดมาเป็นเสียงข้างมากของ ส.ว.ก็จะมีผลคือการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทำความหายนะให้กับประเทศ
JJNY : มะนาวขอนแก่นแพงมาก│‘ชลน่าน’วางเป้าเพื่อไทยตั้งรัฐบาล│เอกชนกระทุ้งรัฐ ค่าไฟ│“รถถังปลอม-ขีปนาวุธปลอม”ยอดขายพุ่ง
https://www.innnews.co.th/news/local/news_512119/
มะนาวขอนแก่นแพงมาก กระสอบละ 2,200 บาท แม่ค้าคาดเดือน เม.ย.ทะลุ กระสอบละ 2,500 บาทแน่
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคามะนาวสด ที่ตลาดสดขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ถ.ชีท่าขอน เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังพบว่ามีการปรับราคาการจำหน่ายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้พบว่ามีการปรับขึ้นราคากระสอบละ 2,200 บาท ทำให้ร้านค้าต้องนำมาขายปลีกลูกละ 7-8 บาท และมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นทะลุกระสอบละ 2,500 บาท
นางวงเดือน อายุ 47 ปี แม่ค้ามะนาวสด กล่าวว่า มะนาวสดช่วงนี้ราคาขึ้นไม่หยุดล่าสุดราคามะนาวเบอร์ 3 กระสอบละ 2,200 บาท, มะนาวเบอร์ 4 กระสอบละ 2,100 บาท ,มะนาวเบอร์ 5 กระสอบละ 2,000 บาท โดย1 กระสอบมีประมาณ 17 กก. หรือ ประมาณ 300 ลูก ทั้งที่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่กระสอบละ 1,500 บาท เท่านั้น
“ด้วยราคาที่สูงขึ้นทำให้ราคาขายปลีกแพงสุดอยู่ที่ลูกละ 7-8 บาท มะนาวขวดคั้นสดขวดละ 1.5 ลิตรราคาอยู่ที่ขวดละ 300-350 บาท ซึ่งยอมรับว่าแม้กระทั่งร้านขายมะนาวตอนนี้สู้ไม่ไหวแล้วราคาแพงมาก และมีแนวโน้มว่าราคามะนาวจะแพงขึ้นอีกในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าราคาจะทะลุ กระสอบละ 2,500 บาทเลยทีเดียว”
นางวงเดือน กล่าวต่ออีกว่า ราคามะนาวที่แพงขึ้นเพราะว่าช่วงนี้มะนาวขาดตลาดผลผลิตออกมาน้อยเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งไม่มีน้ำ ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อผู้บริโภค บางครั้งมะนาวบางเบอร์ไม่มีขาย แม่ค้ามะนาวเองก็ต้องแย่งกัน ในขณะที่ที่ร้านนำเฉพาะมะนาวแป้งรำไพมาขายส่วนมะนาวสายพันธุ์อย่างอื่นไม่ได้นำมาเพราะว่าจะให้รสชาติไม่ดีเหมือนแป้นรำไพ
“ขณะที่ลูกค้าพฤติกรรมการซื้อก็เปลี่ยนไปคือซื้อน้อยลง บางครั้งก็ซื้อลูกเล็กราคาถูกเพื่อไปใช้ในการปรุงอาหาร และแม้ว่าขณะนี้ราคาจะแพงแค่ไหนลูกค้าก็ยังต้องมาซื้อเหมือนเดิมแต่ซื้อในปริมาณที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดบางคนก็หันมาใช้มะนาวขวดนำไปผสมแทนเพื่อให้ผ่านช่วงมะนาวแพงในช่วงนี้ไปก่อน”
‘ชลน่าน’ชูธงแลนด์สไลด์ วางเป้าเพื่อไทยตั้งรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3859229
‘ชลน่าน’ชูธงแลนด์สไลด์ วางเป้าเพื่อไทยตั้งรัฐบาล
หมายเหตุ – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรค พท. รวมทั้งเป้าหมายในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นของพรรค พท. ในการเดินหน้ายุทธศาสตร์ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ถ้าจะให้มองการเลือกตั้งในปี 2566 จะมีความแตกต่างจากการเลือกตั้งในปี 2562 ในมิติต่างๆ อย่างไรนั้น ในความเห็นผม ในฐานะที่เป็นนักการเมืองมองว่ามีความต่างเยอะมาก คือ ประชาชนให้ความสนใจการเลือกตั้งมากกว่าการเลือกตั้งในปี 2562 อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ที่ฟังจากโพลสำนักต่างๆ จากการรณรงค์ของพรรคต่างๆ เช่น การที่พรรค พท.ไปลงพื้นที่ปราศรัย พี่น้องประชาชนให้ความสนใจมาก จึงคาดว่าจะมาใช้สิทธิมากกว่าปี 2562 ส่วนในมิติของพรรคการเมืองมีความต่างจากปี 2562 ในแง่ที่มีความตื่นตัว มีการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง มีความเสนอทั้งตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายที่ชัดเจนมากกว่า ซึ่งถือเป็นการต่อสู้ที่เด่นชัดมาก
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกลไก กติกา และผู้ที่มีส่วนกำกับดูแลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือหน่วยงานรัฐต่างๆ ทั้งนี้ ที่บอกว่ากติกามีความต่างเนื่องจากการเลือกตั้งปี 2562 คือการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นการเลือกตั้งที่ใช้บัตรใบเดียว แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบ 2 ใบ เขตการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจาก 350 เป็น 400 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อลดจากเดิม 150 เหลือ 100 คน มีการแยกกันนับคะแนนชัด ฉะนั้น ด้วยกติกาเช่นนี้ทำให้ภาพของการเลือกตั้ง หรือผลการเลือกตั้งน่าจะมีความแตกต่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมามีการเลือกตั้งภายใต้เงื่อนไขการยึดอำนาจมา และปรับเข้าสู่การเลือกตั้งด้วยกติกาที่ไม่เป็นธรรม ทำให้การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเหมือนถูกจำกัดไป แต่บริบทการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ต่างไป คือ การใช้เงิน เท่าที่ติดตามมาจะมีการใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินหลากหลายและสูงมาก อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรครัฐบาลที่อยู่ในวาระครบ 4 ปี กลไกต่างๆ ที่พยายามจะทำให้ชนะการเลือกตั้งก็เริ่มเห็นเด่นชัดขึ้น เช่น การจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ
ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้หรือไม่ หัวหน้าพรรค พท.มองว่าขึ้นอยู๋กับเงื่อนไข เพราะปัจจัยแวดล้อมต่างๆ
ที่กล่าวไปข้างต้นนั้นมีผล อย่างพรรค พท.ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างเด่นชัด จากอำนาจเก่ามาเป็นอำนาจประชาชนที่แท้จริง มาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงพูดถึงเรื่องการชนะเลือกตั้งที่ถล่มทลาย นั่นคือการแลนด์สไลด์ หากเราไม่ชนะการเลือกตั้ง การเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิดขึ้น หากประชาชนมาลงคะแนนแล้วทำให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ก็จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยสุดคือการเปลี่ยนขั้วการเมืองที่เป็นรัฐบาลของประชาชน แต่หากอำนาจเงิน อำนาจรัฐยังทรงอิทธิพลอยู่ มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนของประชาชน ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ชนะขาด การเมืองก็จะอยู่ในรูปแบบเดิม ฝ่ายที่มาจากการยึดอำนาจก็จะสามารถสืบทอดอำนาจต่อไปได้ การแก้ปัญหาประเทศชาติบ้านเมืองก็จะเป็นแบบเดิมๆ การหลุดพ้นความยากลำบากก็จะเหมือน 8 ปีที่ผ่านมา
“แลนด์สไลด์เพื่อไทยเป็นทั้งเป้าหมายและยุทธศาสตร์ กำหนดเป้าหมายไว้ว่าต้องชนะเกินกึ่งหนึ่งเป็นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน จะแลนด์สไลด์ได้พรรคการเมืองต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แสดงความพร้อมทั้งเรื่องบุคลากรคนที่มีความรู้ ความสามารถ บุคคลที่จะไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ตัวนโยบาย กลไกการสื่อสารทางการเมือง นี่เป็นสิ่งที่เตรียมเข้าสู่เป้าหมาย การเตรียมปัจจัยนำเข้าที่เป็นในเชิงยุทธศาสตร์ แล้วจึงค่อยเกิดการรณรงค์การจัดการเพื่อให้เข้าสู่เป้าหมายตรงนี้ เมื่อมีการพูดถึง ‘แลนด์สไลด์’ แล้วมีคนเข้าใจ นั่นหมายถึงยุทธศาสตร์ตรงนี้สำเร็จแล้ว แต่จะเข้าถึงเป้าหมายหรือไม่ เรายังต้องทำงานหนักต่อ หากถามว่าเรามั่นใจหรือไม่ เราย้อนไปดูผลตอบรับ การประเมินไม่ว่าจะเป็นเราประเมินด้วยตนเองจากการลงพื้นที่จริง หรือโพลสำนักต่างๆ แนวโน้มที่จะตอบรับการแลนด์สไลด์ที่วางเป้าหมายไว้เพิ่มขึ้นทุกภาค แม้ในพื้นที่ภาคใต้ที่พรรค พท.จะยังไม่มี ส.ส.แต่ก็มีคะแนนเพิ่มขึ้น เช่น พื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ คะแนนนิยม ส.ส.เขตเฉลี่ย เราเพิ่มมาเป็นอันดับ 2 เมื่อคะแนนเราเพิ่มมาเช่นนี้ประกอบกับการรณรงค์อย่างเต็มที่ สิ่งที่ประชาชนตอบรับมาคือเขาอยากออกจากวิกฤต จึงทำให้เรามั่นใจ รวมถึงบุคลากรที่เข้ามาสู่พรรคเราซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาค ทำให้พื้นที่ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ จากเดิมที่เราไม่แข็งแรงเราก็แข็งแรงขึ้น เรามีโอกาสที่จะชนะแลนด์สไลด์มีสูงมาก” นพ.ชลน่านอธิบายถึงยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของพรรค พท.
ทั้งนี้ หากพรรค พท.ชนะการเลือกตั้งแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เหมือนการเลือกตั้งในปี 2562 เนื่องจากฝ่ายเสียงข้างน้อยยังยืนยันที่จะจัดตั้งรัฐบาล จะส่งผลกระทบทางการเมืองอย่างไรบ้าง นพ.ชลน่านกล่าวว่า หากได้เสียง ส.ส.เกิน 250 เสียงแล้วมั่นใจว่าเราสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เมื่อประชาชนมั่นใจให้เราได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว การจะแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลเช่นนั้นเขาก็ควรที่จะคิดหนัก แต่ถามว่าเขาจัดตั้งได้หรือไม่ เขาสามารถจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่เขาแค่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย กลไกการบริหารราชการแผ่นดินแทบจะเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นแต่เขามีกระบวนการ วิธีการทำลายคู่แข่งทางการเมือง เช่น หากเขาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ก่อนที่เขาจะเอาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเข้า เขาอาจสามารถใช้กลไกทำลายคู่แข่ง คือยุบพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม หรือใช้วิธีการดูด ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามไปอยู่กับเขา เพื่อให้เป็นเสียงข้างมาก แต่การที่เขาจะดูด ส.ส.ออกจาก พท.ไปเป็นเรื่องยาก ต้องมีเทคนิคและวิธีการที่จะป้องกันตรงนี้ ทั้งหมดนี้ถามว่าจะมีผลทางการเมืองอย่างไร อันนี้ถือเป็นหายนะของประเทศ มันจะยิ่งกว่าปี 2562 อีก กลไกในสภาไม่สามารถขับเคลื่อนได้ นโยบายต่างๆ ก็ไม่สามารถนำมาขับเคลื่อนได้ ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น
อีก 2 เดือนจะมีการเลือกตั้ง ยังมั่นใจว่าตัวของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.จะสามารถดึงดูดให้คนเลือกพรรค พท.ได้ มากน้อยแค่ไหน นพ.ชลน่านประเมินว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นปัจจัยสำคัญจากการสำรวจทั้งหมดว่าอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนน ซึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นหนึ่งในนั้น พรรค พท.ตระหนักรู้เรื่องนี้ จึงประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน เพื่อช่วยกันสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน ให้มีความมั่นใจว่าหากเลือกพรรค พท.จะได้นายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความสามารถ ซึ่งขณะนี้ชื่อของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนนั้นกำลังเตรียมการอยู่ และย้ำว่าหากมีการประกาศยุบสภาก็พร้อมที่จะประกาศทั้ง 3 รายชื่อ
ส่วนท่าทีของ ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรีจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.หรือไม่ ต้องกลับไปดูก่อนว่าที่ ส.ว.พูดเช่นนั้นเป็นคำพูดขององค์คณะหรือไม่ เพราะตนยังเชื่อว่าเป็นคำพูดของ ส.ว.บางคนเท่านั้น และเขาคงมีวิจารณญาณว่าถ้าประชาชนเลือกสภาผู้แทนราษฎรมาด้วยเสียงท่วมท้น เกินกึ่งหนึ่ง เขาคงจะใช้ดุลพินิจเขาพอสมควรในการที่จะโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างไร หวังให้เป็นเช่นนี้ แต่หากเขามีกลไกที่ไม่สนใจเสียงของประชาชนเลย แล้วสิ่งที่พูดมาเป็นเสียงข้างมากของ ส.ว.ก็จะมีผลคือการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทำความหายนะให้กับประเทศ