สวัสดีค่ะ หนูเป็นนศ.พยบ.ที่อยู่ตจว. เห็นคนป่วยเเละเสียชีวิตในทุกวัน จนมองว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ
แต่ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพย.ปี65 มีสายเข้ามาบอกว่า คุณพ่อประสบอุบัติเหตุ รอการยืนยันจากลูกสาวว่าจะปั๊มหัวใจหรือไม่ ครั้งนี้จะยื้อครั้งสุดท้าย ทุกอย่างเหมือนโกหกเลยค่ะ จนสุดท้ายคุณพ่อก็หายไปตลอดกาลค่ะ หลังจากคุณพ่อเสีย หนูก็ใช้ชีวิตเศร้าไม่กี่วัน กลับมาร่าเริง ปกติเป็นคนตลกเฮฮา สร้างเสียงหัวเราะ หนูก็กลับมาเป็ยอย่างนั้นค่ะ แต่พออยู่คนเดียว มันคนละคน ทุกอย่างมืดไปหมดเลยค่ะ สั้นๆว่า ไม่เป็นตัวเอง กดความเศร้าไว้ในใจ ทั้งที่รู้แต่ก็ร้องไห้รึเอาออกมาไม่ได้เลยค่ะ พอเกือบๆสิ้นปี จิตใจที่ว่าดีขึ้น ก็เหมือนตกเหวเลยค่ะคุณแม่เริ่มป่วย ปวดเข่า เข่าบวมและเหมือนโรคไทรอยด์ก็ทำพิษ จนคุณแม่เข้ารพ.ตลอด และน้องชายก็เริ่มเกเร ยุ่งกะเพื่อนนิสัยไม่ดี จนคุณแม่เครียดมาก ไทรอยด์ก็เริ่มอิทธิฤทธิ์เรื่อยๆ ใจของหนูก็ฝ่อทุกทีๆค่ะ
จนเมื่อเดือนก.พ66 หนูได้ขึ้นฝึกหอผู้ป่วยอีกครั้งหลังจากที่เรียนทฤษฎีมา หนูกลัว ใจสั่น และนึกนึกถึงคุณพ่อตลอด เหมือนคนแพนิค ทำไรไม่ได้ หายใจไม่ออก แต่ก็พยายามจนถึงที่สุด พอกลับมาหอพัก ก็เครียดแต่ยังหัวเราะทั้งๆที่ใจมันไท่อยสกจะเป็นอย่างนั้น กลัวเพื่อนร่วมห้องจะเครียดไปด้วย
กลับมาที่ปัจจุบัน เดือน5มี.ค66 นั้นก็คือเมื่ิวาน คุณหมอนัดคุณแม่ไปอัลตร้าซาวด์คอ พบก้อนเนื้อที่คออีก หมอกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่วินิจฉัยว่าเป็นอะไร หนูที่เรียนมาก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลยค่ะ
เชื่อไหมคะ ความรู้สึกหนูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยค่ะ จะร้องยังทำไม่ได้ มันไม่ออกมา มันจุกไปหมด ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ เวลาท่านป่วยหนูไม่เคยจะยืนอยู่เคียงข้างท่านได้เลย คุณพ่อหนูก็ไปหาไม่ทัน คุณแม่ไปหาหมอหนูยังไม่วามทรถไปเป็นเพื่อนท่านได้เลย
ตอนนี้เป็นห่วงคุณแม่มาด ท่านทำงานเลี้ยงตั้งสามชีวิต หนูกลัวความสูญเสีย กลัวทุกอย่าง กลัวท่านจะจะเป็นไรไป แต่หนูทำอะไรไม่ได้เลย คุณแม่ชอบบอกแต่ไม่เป็นอะไรๆ แต่หนูท่านเครียด และไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ชีวิตคนเราแค่20ปี เจ็บปวดเหลือเกินค่ะ ไม่เหนื่อยไม่ท้อ แต่รู้สึกว่าืจะเดินยังไงดีค่ะ
กลัวการสูญเสีย แพนิคเรื่อครอบครัว จะไปต่อยังไงดีคะ
แต่ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพย.ปี65 มีสายเข้ามาบอกว่า คุณพ่อประสบอุบัติเหตุ รอการยืนยันจากลูกสาวว่าจะปั๊มหัวใจหรือไม่ ครั้งนี้จะยื้อครั้งสุดท้าย ทุกอย่างเหมือนโกหกเลยค่ะ จนสุดท้ายคุณพ่อก็หายไปตลอดกาลค่ะ หลังจากคุณพ่อเสีย หนูก็ใช้ชีวิตเศร้าไม่กี่วัน กลับมาร่าเริง ปกติเป็นคนตลกเฮฮา สร้างเสียงหัวเราะ หนูก็กลับมาเป็ยอย่างนั้นค่ะ แต่พออยู่คนเดียว มันคนละคน ทุกอย่างมืดไปหมดเลยค่ะ สั้นๆว่า ไม่เป็นตัวเอง กดความเศร้าไว้ในใจ ทั้งที่รู้แต่ก็ร้องไห้รึเอาออกมาไม่ได้เลยค่ะ พอเกือบๆสิ้นปี จิตใจที่ว่าดีขึ้น ก็เหมือนตกเหวเลยค่ะคุณแม่เริ่มป่วย ปวดเข่า เข่าบวมและเหมือนโรคไทรอยด์ก็ทำพิษ จนคุณแม่เข้ารพ.ตลอด และน้องชายก็เริ่มเกเร ยุ่งกะเพื่อนนิสัยไม่ดี จนคุณแม่เครียดมาก ไทรอยด์ก็เริ่มอิทธิฤทธิ์เรื่อยๆ ใจของหนูก็ฝ่อทุกทีๆค่ะ
จนเมื่อเดือนก.พ66 หนูได้ขึ้นฝึกหอผู้ป่วยอีกครั้งหลังจากที่เรียนทฤษฎีมา หนูกลัว ใจสั่น และนึกนึกถึงคุณพ่อตลอด เหมือนคนแพนิค ทำไรไม่ได้ หายใจไม่ออก แต่ก็พยายามจนถึงที่สุด พอกลับมาหอพัก ก็เครียดแต่ยังหัวเราะทั้งๆที่ใจมันไท่อยสกจะเป็นอย่างนั้น กลัวเพื่อนร่วมห้องจะเครียดไปด้วย
กลับมาที่ปัจจุบัน เดือน5มี.ค66 นั้นก็คือเมื่ิวาน คุณหมอนัดคุณแม่ไปอัลตร้าซาวด์คอ พบก้อนเนื้อที่คออีก หมอกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่วินิจฉัยว่าเป็นอะไร หนูที่เรียนมาก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลยค่ะ
เชื่อไหมคะ ความรู้สึกหนูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยค่ะ จะร้องยังทำไม่ได้ มันไม่ออกมา มันจุกไปหมด ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ เวลาท่านป่วยหนูไม่เคยจะยืนอยู่เคียงข้างท่านได้เลย คุณพ่อหนูก็ไปหาไม่ทัน คุณแม่ไปหาหมอหนูยังไม่วามทรถไปเป็นเพื่อนท่านได้เลย
ตอนนี้เป็นห่วงคุณแม่มาด ท่านทำงานเลี้ยงตั้งสามชีวิต หนูกลัวความสูญเสีย กลัวทุกอย่าง กลัวท่านจะจะเป็นไรไป แต่หนูทำอะไรไม่ได้เลย คุณแม่ชอบบอกแต่ไม่เป็นอะไรๆ แต่หนูท่านเครียด และไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ชีวิตคนเราแค่20ปี เจ็บปวดเหลือเกินค่ะ ไม่เหนื่อยไม่ท้อ แต่รู้สึกว่าืจะเดินยังไงดีค่ะ