หลังจาก Top News ได้เสนอข่าวปมขัดแย้งระหว่าง ครอบครัว “รัตนพันธ์” กับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ปรากฏว่า เอสซี แอสเสทฯ ได้ส่งหนังสือไปยัง Top News ขอให้ยุติการนำเสนอข่าว และให้นำออกจากระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทันที มิฉะนั้น จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
1. สำนักข่าว Top News แถลงยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่เสนอข่าว ไปตามจรรยาบรรณของสื่อมวลชน โดยมิได้มีอคติแต่อย่างใด เมื่อมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสาธารณะ และเข้ามาร้องเรียนกับทาง Top Newsเราก็มีหน้าที่นำเสนอออกไปตามข้อเท็จจริง ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยไม่ได้ชี้ชัดตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดอย่างสิ้นเชิง และถ้าหากทาง เอสซี แอสเสท มีความประสงค์อยากจะชี้แจงใดๆ Top News ก็ยินดีจะเปิดพื้นที่สื่อให้ไม่น้อยไปกว่ากัน ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
2. ในฐานะผู้ดำเนินรายการข่าว สถานี Top News ผมขอยืนยันถึงเจตนาและหน้าที่ของสื่อในการนำสนอข่าวสารที่ครบถ้วนแก่สังคมในเรื่องนี้
2.1 กรณีดังกล่าว ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข่าวต่อสาธารณะ ขอความเป็นธรรมจากสังคม ได้รับความเสียหาย บ้านแตกสาแหรกขาด อันเป็นผลเกี่ยวเนื่องจากการกระทำของผู้บริหารเอสซีแอสเซท
2.2 ได้มีการอ้างอิงหลักฐานการดำเนินคดี คลิปภาพและเสียง เอกสารบันทึกข้อตกลง ฯลฯ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า มีอยู่จริง น่าเชื่อถือเพียงพอที่จะนำเสนอ
2.3 เอสซี แอสเซทฯ ได้ดำเนินคดีกับครอบครัวรัตนพันธ์ อ้างว่าไม่ยอมใช้หนี้เงินกู้ 20 ล้าน
2.4 ฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ได้ฟ้องแย้ง เรียกค่าเสียหายพันกว่าล้านบาท และศาลรับฟ้องแล้ว ว่าสัญญาเงินกู้20 ล้านนั้น เป็นนิติกรรมอำพราง ไม่ใช่การกู้เงินจริงแต่เป็นการที่ผู้บริหารทำ “ข้อตกลง” อีกฉบับหนึ่ง อันเป็นการเยียวยาความเสียหายที่ฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับ(แต่ก็ถูกเบี้ยว) หรือไม่?
2.5 คดีนี้ จึงเป็นการฟ้องกันไปมาทั้งสองฝ่าย คดียังไม่มีคำตัดสิน ในการนำเสนอข่าวนี้ ท็อปนิวส์ก็ระบุไว้ชัดเจนเราไม่ชี้ผิดถูก (และยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้นำเสนอ เพราะต้องการฟังจากฝ่ายเอสซี แอสเซท ด้วย)
2.6 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีประชาชนถือหุ้นหลายหมื่นคน เมื่อปรากฏข้อกล่าวหาว่า ผู้บริหารบริษัทไปทำข้อตกลง เพื่อจะซื้อที่ดินสูงโดยบวกค่าส่วนต่างเพื่อเยียวยาผู้เสียหายเข้าไปด้วย ย่อมสมควรได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง เพื่อความเป็นธรรม เพราะเงินที่จะเอาไปจ่ายค่าที่ดินคือเงินของผู้ถือหุ้นนั่นเอง (โดยกรณีฟ้องแย้งดังกล่าวศาลรับฟ้องแล้ว)
2.7 กรณีนี้ กลต. ควรต้องสอบเชิงลึกอย่างจริงจัง ว่า “ข้อตกลง” ที่ครอบครัวรัตนพันธ์อ้างถึงนั้น มีอยู่จริงหรือไม่?ถ้าจริง ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กระทำเช่นนี้ได้หรือไม่ มีธรรมาภิบาลหรือไม่?
2.8 บริษัทเอสซีฯ มีสิทธิชี้แจง จะชี้แจงว่าครอบครัวรัตนพันธ์โกหก ก็ได้ แต่เอสซีฯ ในฐานะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯควรจะชี้แจงด้วยว่า เช่น
- รายละเอียดการพบปะ พูดคุย เจรจาระหว่างผู้บริหารเอสซีฯ กับครอบครัวรัตนพันธ์ ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมานั้น มีสาเหตุมาจากอะไร?
เพราะฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ มีทั้งคลิปวีดีโอ คลิปเสียง มายืนยันเป็นหลักฐานว่าเป็นการพูดคุยเพื่อเยียวยาค่าเสียหายให้กับพวกเขา จนนำมาซึ่งการทำ “ข้อตกลง” และจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้น 20 ล้าน เพียงแต่ให้ทำเป็น “สัญญาเงินกู้” เพื่อให้สามารถจ่ายเช็คออกมาได้
- การอ้างว่าให้กู้ 20 ล้านแก่ลูกชายครอบครัวรัตนพันธ์ให้กู้เพื่ออะไร? มีการให้กู้แบบนี้แก่นายหน้าจัดการที่ดินหรือไม่? ลูกของครอบครัวรัตนพันธ์ที่ได้รับเช็คไม่เคยมีประวัติทำธุรกิจอะไรเลย ไม่มีหลักประกันอะไรเลย แล้วจะจ่ายเช็ค 20 ล้านให้กู้ จริงหรือ? น่าเชื่อถือหรือไม่? สมเหตุสมผลหรือไม่? เทียบกับคำแถลงของฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ว่า มันคือค่าเยียวยา เพียงแต่ให้จ่ายโดยทำสัญญากู้มาใช้อำพราง ฝ่ายไหนพูดความจริง?
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอสซีฯ คือ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กำลังเสนอตัวเป็นผู้บริหารประเทศ สังคมยิ่งควรจะต้องได้ทราบความจริง ว่ามีประวัติ ความรับผิดชอบ และท่าทีต่อชะตากรรมของครอบครัวหนึ่งที่บ้านแตกสาแหรกขาดอย่างไร ทั้งที่ผ่านมา และหลังจากที่ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข่าวและแจ้งต่อ ก.ล.ต.
ฯลฯ
3. หลังจากท็อปนิวส์นำเสนอข่าวนี้ มีเสียงสะท้อนกลับมามากมายล้นหลาม ว่าไม่เคยได้ทราบเรื่องราวเช่นนี้เลย และเกือบทั้งหมด ขอให้ท็อปนิวส์ติดตามนำเสนอเรื่องราวนี้ต่อไปให้ถึงที่สุด
4. ท็อปนิวส์ยืนยันว่า พร้อมให้ฝ่ายเอสซี แอสเซทฯ ชี้แจงอย่างเต็มที่สามารถจะแถลงข่าว แล้วให้ท็อปนิวส์รายงานสด ก็ได้ จะมาออกรายการ ให้พิธีกรข่าวท็อปนิวส์สัมภาษณ์ ก็ยิ่งดี จะเอาหลักฐานอะไร ออกมานำเสนอหักล้าง ชี้แจง ก็ได้ทั้งนั้น ท็อปนิวส์ยืนยัน พร้อมให้พื้นที่ข่าว นำเสนอไม่น้อยไปกว่ากัน
5. สังคมพึงพิจารณา หากสื่อมวลชนเห็นประชาชนผู้เสียหายแถลงข่าวขอความเป็นธรรมซึ่งหน้า ว่าได้รับผลกระทบเสียหายจากกลุ่มธุรกิจใหญ่โตสัมพันธ์กับตระกูลการเมืองใหญ่โต ไร้ที่พึ่ง ขอความเป็นธรรมจากสังคม เพราะต่อสู้มากว่า 6 ปีแล้ว พร้อมมีหลักฐานอ้างอิงน่าเชื่อถือว่าอาจเกี่ยวพันกับผลประโยชน์สาธารณะ ผู้ถือหุ้นบริษัทมหาชน จะไม่ให้สื่อมวชนนำเสนอหรือ?
สื่อมวลชน ควรเพิกเฉย อย่างนั้นหรือ?
สื่อมวลชน มีไว้เพื่อนำเสนอข่าวใบ้หวย ข่าวดาราแย่งแฟนกัน ข่าวใต้เตียงดารา ข่าวฆ่ากันตาย ตบตีกันข่าวรับใช้ธุรกิจการเมือง ฯลฯ อย่างนั้นหรือ?
การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เป็นโอกาสให้สังคมได้รับรู้ว่ามีเรื่องราวเช่นนี้ และเป็นโอกาสผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของตนเอง การที่ฝ่ายหนึ่ง จะบอกว่าอีกฝ่ายโกหก สื่ออย่านำเสนอ แต่กลับไม่ชี้แจงหักล้างด้วยข้อเท็จจริง หรือแสดงหลักฐานประกอบที่น่าเชื่อถือบ้าง หมายความว่าอย่างไร?
ถ้าสื่อยอมรับใช้หลักการว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ยอมมาออกสื่อเพื่อให้ความจริงสังคม ก็ห้ามนำเสนอเรื่องนั้นๆ อย่างเด็ดขาด ต่อไปนักการเมืองโกงก็จะใช้วิธีแบบเดียวกันคือ ตนไม่ชี้แจง ห้ามสื่อนำเสนอ แล้วใครคือผู้เสียประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ประชาชนและสังคมที่จะไม่ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน จึงได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ
6. Arnond Sakworawich ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชช์ได้โพสต์ถึงข่าวนี้ ระบุว่า “การฟ้องร้องเชิงกลยุทธ์ต่อต้านการมีส่วนร่วมของผู้คน : SLAPP ฟ้องปิดปาก”
7. ในฐานะสื่อมวลชน ผมเคยมีประสบการณ์นำเสนอเจาะลึกการทุจริตในโครงการปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียของรัฐวิสาหกิจใหญ่ กรณีดังกล่าว ฝ่ายผู้ถูกตรวจสอบก็ไม่ยอมมาออกสื่อเพื่อชี้แจง แต่อดีตผู้บริหารบางคน ดำเนินการฟ้องร้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย และอาญา พร้อมทั้งร้องศาลแพ่งให้สั่งห้ามนำเสนอเรื่องดังกล่าวด้วย สุดท้าย กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ก็ไต่สวน แจ้งข้อหา ใกล้จะพิจารณาชี้มูลแล้ว
ส่วนคดี เมื่อไปสู้ในศาล ศาลก็ชี้ว่า ผมทำหน้าที่สื่อมวลชน นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ ติชมโดยสุจริต ยกฟ้องมาทุกคดี
(ผมก็กำลังพิจารณาจะฟ้องกลับอยู่เหมือนกัน เพราะทำให้เสียหาย เสียเวลา เสียโอกาส) กรณีที่อดีตนายตำรวจใหญ่เที่ยวไปแจ้งความดำเนินคดีผมจำนวนหลายคดีก็เช่นกัน ทุกคดีที่มีคำพิพากษาแล้ว ก็ชนะคดีทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเราเก่ง แต่เพราะเราทำหน้าที่สื่อมวลชนตามจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา
สุดท้าย ผมยืนยันว่า ในฐานะสื่อมวลชน เราต้องทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับทราบอย่างครบถ้วน ทั้งความจริงที่ “ถูกใจ” และอาจจะ “ไม่ถูกใจ” คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
กราบขออภัยหากทำหน้าที่แล้วกระทบฝ่ายใด ไม่มีเจตนาอื่นใดจริงๆ นอกจากหวังให้สังคมได้ทราบความจริง เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง
สันติสุข มะโรงศรี
https://www.naewna.com/politic/columnist/54450
ถ้าไม่ให้สื่อนำเสนอข่าว สังคมจะทราบความจริงได้อย่างไร? บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ปรากฏว่า เอสซี แอสเสทฯ ได้ส่งหนังสือไปยัง Top News ขอให้ยุติการนำเสนอข่าว และให้นำออกจากระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทันที มิฉะนั้น จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
1. สำนักข่าว Top News แถลงยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่เสนอข่าว ไปตามจรรยาบรรณของสื่อมวลชน โดยมิได้มีอคติแต่อย่างใด เมื่อมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสาธารณะ และเข้ามาร้องเรียนกับทาง Top Newsเราก็มีหน้าที่นำเสนอออกไปตามข้อเท็จจริง ตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยไม่ได้ชี้ชัดตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดอย่างสิ้นเชิง และถ้าหากทาง เอสซี แอสเสท มีความประสงค์อยากจะชี้แจงใดๆ Top News ก็ยินดีจะเปิดพื้นที่สื่อให้ไม่น้อยไปกว่ากัน ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
2. ในฐานะผู้ดำเนินรายการข่าว สถานี Top News ผมขอยืนยันถึงเจตนาและหน้าที่ของสื่อในการนำสนอข่าวสารที่ครบถ้วนแก่สังคมในเรื่องนี้
2.1 กรณีดังกล่าว ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข่าวต่อสาธารณะ ขอความเป็นธรรมจากสังคม ได้รับความเสียหาย บ้านแตกสาแหรกขาด อันเป็นผลเกี่ยวเนื่องจากการกระทำของผู้บริหารเอสซีแอสเซท
2.2 ได้มีการอ้างอิงหลักฐานการดำเนินคดี คลิปภาพและเสียง เอกสารบันทึกข้อตกลง ฯลฯ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า มีอยู่จริง น่าเชื่อถือเพียงพอที่จะนำเสนอ
2.3 เอสซี แอสเซทฯ ได้ดำเนินคดีกับครอบครัวรัตนพันธ์ อ้างว่าไม่ยอมใช้หนี้เงินกู้ 20 ล้าน
2.4 ฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ได้ฟ้องแย้ง เรียกค่าเสียหายพันกว่าล้านบาท และศาลรับฟ้องแล้ว ว่าสัญญาเงินกู้20 ล้านนั้น เป็นนิติกรรมอำพราง ไม่ใช่การกู้เงินจริงแต่เป็นการที่ผู้บริหารทำ “ข้อตกลง” อีกฉบับหนึ่ง อันเป็นการเยียวยาความเสียหายที่ฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับ(แต่ก็ถูกเบี้ยว) หรือไม่?
2.5 คดีนี้ จึงเป็นการฟ้องกันไปมาทั้งสองฝ่าย คดียังไม่มีคำตัดสิน ในการนำเสนอข่าวนี้ ท็อปนิวส์ก็ระบุไว้ชัดเจนเราไม่ชี้ผิดถูก (และยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้นำเสนอ เพราะต้องการฟังจากฝ่ายเอสซี แอสเซท ด้วย)
2.6 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทมหาชน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีประชาชนถือหุ้นหลายหมื่นคน เมื่อปรากฏข้อกล่าวหาว่า ผู้บริหารบริษัทไปทำข้อตกลง เพื่อจะซื้อที่ดินสูงโดยบวกค่าส่วนต่างเพื่อเยียวยาผู้เสียหายเข้าไปด้วย ย่อมสมควรได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง เพื่อความเป็นธรรม เพราะเงินที่จะเอาไปจ่ายค่าที่ดินคือเงินของผู้ถือหุ้นนั่นเอง (โดยกรณีฟ้องแย้งดังกล่าวศาลรับฟ้องแล้ว)
2.7 กรณีนี้ กลต. ควรต้องสอบเชิงลึกอย่างจริงจัง ว่า “ข้อตกลง” ที่ครอบครัวรัตนพันธ์อ้างถึงนั้น มีอยู่จริงหรือไม่?ถ้าจริง ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กระทำเช่นนี้ได้หรือไม่ มีธรรมาภิบาลหรือไม่?
2.8 บริษัทเอสซีฯ มีสิทธิชี้แจง จะชี้แจงว่าครอบครัวรัตนพันธ์โกหก ก็ได้ แต่เอสซีฯ ในฐานะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯควรจะชี้แจงด้วยว่า เช่น
- รายละเอียดการพบปะ พูดคุย เจรจาระหว่างผู้บริหารเอสซีฯ กับครอบครัวรัตนพันธ์ ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมานั้น มีสาเหตุมาจากอะไร?
เพราะฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ มีทั้งคลิปวีดีโอ คลิปเสียง มายืนยันเป็นหลักฐานว่าเป็นการพูดคุยเพื่อเยียวยาค่าเสียหายให้กับพวกเขา จนนำมาซึ่งการทำ “ข้อตกลง” และจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้น 20 ล้าน เพียงแต่ให้ทำเป็น “สัญญาเงินกู้” เพื่อให้สามารถจ่ายเช็คออกมาได้
- การอ้างว่าให้กู้ 20 ล้านแก่ลูกชายครอบครัวรัตนพันธ์ให้กู้เพื่ออะไร? มีการให้กู้แบบนี้แก่นายหน้าจัดการที่ดินหรือไม่? ลูกของครอบครัวรัตนพันธ์ที่ได้รับเช็คไม่เคยมีประวัติทำธุรกิจอะไรเลย ไม่มีหลักประกันอะไรเลย แล้วจะจ่ายเช็ค 20 ล้านให้กู้ จริงหรือ? น่าเชื่อถือหรือไม่? สมเหตุสมผลหรือไม่? เทียบกับคำแถลงของฝ่ายครอบครัวรัตนพันธ์ว่า มันคือค่าเยียวยา เพียงแต่ให้จ่ายโดยทำสัญญากู้มาใช้อำพราง ฝ่ายไหนพูดความจริง?
- ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเอสซีฯ คือ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กำลังเสนอตัวเป็นผู้บริหารประเทศ สังคมยิ่งควรจะต้องได้ทราบความจริง ว่ามีประวัติ ความรับผิดชอบ และท่าทีต่อชะตากรรมของครอบครัวหนึ่งที่บ้านแตกสาแหรกขาดอย่างไร ทั้งที่ผ่านมา และหลังจากที่ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข่าวและแจ้งต่อ ก.ล.ต.
ฯลฯ
3. หลังจากท็อปนิวส์นำเสนอข่าวนี้ มีเสียงสะท้อนกลับมามากมายล้นหลาม ว่าไม่เคยได้ทราบเรื่องราวเช่นนี้เลย และเกือบทั้งหมด ขอให้ท็อปนิวส์ติดตามนำเสนอเรื่องราวนี้ต่อไปให้ถึงที่สุด
4. ท็อปนิวส์ยืนยันว่า พร้อมให้ฝ่ายเอสซี แอสเซทฯ ชี้แจงอย่างเต็มที่สามารถจะแถลงข่าว แล้วให้ท็อปนิวส์รายงานสด ก็ได้ จะมาออกรายการ ให้พิธีกรข่าวท็อปนิวส์สัมภาษณ์ ก็ยิ่งดี จะเอาหลักฐานอะไร ออกมานำเสนอหักล้าง ชี้แจง ก็ได้ทั้งนั้น ท็อปนิวส์ยืนยัน พร้อมให้พื้นที่ข่าว นำเสนอไม่น้อยไปกว่ากัน
5. สังคมพึงพิจารณา หากสื่อมวลชนเห็นประชาชนผู้เสียหายแถลงข่าวขอความเป็นธรรมซึ่งหน้า ว่าได้รับผลกระทบเสียหายจากกลุ่มธุรกิจใหญ่โตสัมพันธ์กับตระกูลการเมืองใหญ่โต ไร้ที่พึ่ง ขอความเป็นธรรมจากสังคม เพราะต่อสู้มากว่า 6 ปีแล้ว พร้อมมีหลักฐานอ้างอิงน่าเชื่อถือว่าอาจเกี่ยวพันกับผลประโยชน์สาธารณะ ผู้ถือหุ้นบริษัทมหาชน จะไม่ให้สื่อมวชนนำเสนอหรือ?
สื่อมวลชน ควรเพิกเฉย อย่างนั้นหรือ?
สื่อมวลชน มีไว้เพื่อนำเสนอข่าวใบ้หวย ข่าวดาราแย่งแฟนกัน ข่าวใต้เตียงดารา ข่าวฆ่ากันตาย ตบตีกันข่าวรับใช้ธุรกิจการเมือง ฯลฯ อย่างนั้นหรือ?
การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เป็นโอกาสให้สังคมได้รับรู้ว่ามีเรื่องราวเช่นนี้ และเป็นโอกาสผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของตนเอง การที่ฝ่ายหนึ่ง จะบอกว่าอีกฝ่ายโกหก สื่ออย่านำเสนอ แต่กลับไม่ชี้แจงหักล้างด้วยข้อเท็จจริง หรือแสดงหลักฐานประกอบที่น่าเชื่อถือบ้าง หมายความว่าอย่างไร?
ถ้าสื่อยอมรับใช้หลักการว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ยอมมาออกสื่อเพื่อให้ความจริงสังคม ก็ห้ามนำเสนอเรื่องนั้นๆ อย่างเด็ดขาด ต่อไปนักการเมืองโกงก็จะใช้วิธีแบบเดียวกันคือ ตนไม่ชี้แจง ห้ามสื่อนำเสนอ แล้วใครคือผู้เสียประโยชน์ ถ้าไม่ใช่ประชาชนและสังคมที่จะไม่ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย สิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน จึงได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ
6. Arnond Sakworawich ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชช์ได้โพสต์ถึงข่าวนี้ ระบุว่า “การฟ้องร้องเชิงกลยุทธ์ต่อต้านการมีส่วนร่วมของผู้คน : SLAPP ฟ้องปิดปาก”
7. ในฐานะสื่อมวลชน ผมเคยมีประสบการณ์นำเสนอเจาะลึกการทุจริตในโครงการปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียของรัฐวิสาหกิจใหญ่ กรณีดังกล่าว ฝ่ายผู้ถูกตรวจสอบก็ไม่ยอมมาออกสื่อเพื่อชี้แจง แต่อดีตผู้บริหารบางคน ดำเนินการฟ้องร้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย และอาญา พร้อมทั้งร้องศาลแพ่งให้สั่งห้ามนำเสนอเรื่องดังกล่าวด้วย สุดท้าย กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.ก็ไต่สวน แจ้งข้อหา ใกล้จะพิจารณาชี้มูลแล้ว
ส่วนคดี เมื่อไปสู้ในศาล ศาลก็ชี้ว่า ผมทำหน้าที่สื่อมวลชน นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ ติชมโดยสุจริต ยกฟ้องมาทุกคดี
(ผมก็กำลังพิจารณาจะฟ้องกลับอยู่เหมือนกัน เพราะทำให้เสียหาย เสียเวลา เสียโอกาส) กรณีที่อดีตนายตำรวจใหญ่เที่ยวไปแจ้งความดำเนินคดีผมจำนวนหลายคดีก็เช่นกัน ทุกคดีที่มีคำพิพากษาแล้ว ก็ชนะคดีทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเราเก่ง แต่เพราะเราทำหน้าที่สื่อมวลชนตามจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา
สุดท้าย ผมยืนยันว่า ในฐานะสื่อมวลชน เราต้องทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับทราบอย่างครบถ้วน ทั้งความจริงที่ “ถูกใจ” และอาจจะ “ไม่ถูกใจ” คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
กราบขออภัยหากทำหน้าที่แล้วกระทบฝ่ายใด ไม่มีเจตนาอื่นใดจริงๆ นอกจากหวังให้สังคมได้ทราบความจริง เพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง
สันติสุข มะโรงศรี
https://www.naewna.com/politic/columnist/54450