ครอบครัวรัตนพันธ์ทำหนังสือถึงทีวีดาวเทียมช่องหนึ่ง เผื่อแผ่สื่อมวลชนทุกสำนัก กรณีแถลงข่าวแล้วเอสซี แอสเสท คู่กรณียื่นโนติสทีวีดาวเทียมหยุดนำเสนอข่าวและลบข่าวออกจากระบบ ขณะที่ก่อนหน้านี้เอสซีฯ แจงคดีอยู่ในศาล เคยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
จากกรณีที่กลุ่มครอบครัวรัตนพันธ์ได้เปิดแถลงข่าวที่ห้องกมลพร โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ระบุว่า ถูกบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่ บริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ครอบครัวรัตนพันธ์ต่อสู้คดีกันด้วยตนเองมายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับฟ้องแย้งของครอบครัวรัตนพันธ์จำนวน 1,503 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ต่อมานายสมบูรณ์ คุปติมนัส เลขานุการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News (หรือสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท็อปนิวส์) ลงวันที่ 3 มี.ค. ขอให้ยุติเสนอข่าว อ้างว่าข้อมูลทั้งหมดที่กลุ่มครอบครัวรัตนพันธ์แถลงเป็นความเท็จ ข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งบริษัทฯ ได้เป็นโจทก์ฟ้องดำเนินคดีกลุ่มบุคคลนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล จึงขอแจ้งให้สำนักข่าว Top News ยุติการนำเสนอข่าว และนำออกจากสื่อออนไลน์ระบบคอมพิวเตอร์โดยทันที มิฉะนั้น บริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด ครอบครัวรัตนพันธ์ทำหนังสือเรื่อง ครอบครัวรัตนพันธ์ขอยืนยันว่าสิ่งที่ได้แถลงข่าว และหรือการให้สัมภาษณ์เป็นความจริงทุกประการ ลงวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ถึงกองบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News และพี่น้องสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว ระบุว่า ตามที่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่งหนังสือมายังกองบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News โดยมีเนื้อหาให้ยุติการนำเสนอข่าวและนำออกจากสื่อออนไลน์โดยทันที โดยกล่าวอ้างเพียงว่าข้อมูลทั้งหมดที่ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงเป็นความเท็จทั้งสิ้นนั้น
ครอบครัวเราขอยืนยันว่า ทุกข้อมูลที่ได้นำเรียนไปในการแถลงข่าว ตลอดจนการได้รับเชิญให้มาร่วมรายการ การให้ข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ต่างๆ นั้นเป็นความจริงโดยทั้งสิ้น และประการสำคัญที่ครอบครัวต้องตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาครอบครัวเราต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ใช้ความพยายามในการร้องเรียนและติดตามไปในหลายช่องทาง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด จนทำให้ทางครอบครัวรู้สึกท้อใจ เพราะสิ่งที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น คือ กลุ่มคนที่มีอำนาจ แต่ครอบครัวเราตระหนักดีว่าหากไม่สู้หรือยอมแพ้ พฤติกรรมแบบนี้ของคนกลุ่มนี้อาจส่งผลกระทบให้แก่ประชาชนอื่นๆ ตลอดจนครอบครัวอื่นๆ ได้อีกเช่นกัน ครอบครัวรัตนพันธ์จึงตัดสินใจนำเสนอความจริงสู่สาธารณะ เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจทางการเมืองและบริษัท (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ที่ประชาชนทั่วไปเข้าลงทุนได้ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการให้ครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่ดินกว่า 200 ล้านบาทหรือการนำเงิน 20 ล้านบาทออกมาจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มาให้กับครอบครัวรัตนพันธ์ เพื่อปกปิดพฤติการณ์ของตนเองในขณะนั้น กระทำได้หรือไม่ ถูกต้องชอบธรรมกับผู้อื่นหรือไม่ เหตุใดคุณณัฐพงศ์ CEO ต้องให้เงิน 20 ล้านบาท และถ้าไม่ให้ในขณะนั้นได้หรือไม่ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับความเป็นธรรม
ครอบครัวรัตนพันธ์เห็นด้วยว่า ในการที่สาธารณะได้รับทราบข้อเท็จจริงจากครอบครัวเราเพียงฝ่ายเดียวนั้น ย่อมไม่เป็นธรรมกับบริษัทเอสชีฯ และครอบครัวชินวัตร ดังนั้นครอบครัวรัตนพันธ์จึงประสงค์ให้บริษัทเอสซีฯ และครอบครัวชินวัตรได้นำเสนอข้อเท็จจริงออกมาเพื่อให้ประชาชนได้รับฟังความจริงจากท่านเพื่อความเป็นธรรมกับตัวท่านเอง หาใช่ว่าจะใช้วิธีการข่มขู่ คุกคามให้สื่อมวลชนยุติการนำเสนอข่าว ซึ่งการจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร เพื่อปิดกั้นการรับรู้ของประชาชนในสังคมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในยุคประชาธิปไตย เพราะเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน การก้าวก่ายสื่อมวลชน ก็เท่ากับประชาชนขาดอิสรภาพในการรับรู้ข่าวสารไปด้วยไม่ต่างกัน นอกจากความจริงที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะไปแล้วนั้น ครอบครัวรัตนพันธ์ยังมีข้อมูลความจริงอีกมาก ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและคลิปเสียงหลักฐานในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอสซีฯ และบุคคลในครอบครัวชินวัตรโดยตรง เช่น กรณีของคุณพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) ก่อนการตัดสินคดีความเมื่อปี 2562 ข้อมูลที่เราแถลงออกมาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของหลักฐานที่มีอยู่เท่านั้น
ครอบครัวรัตนพันธ์ขอยืนยันว่าครอบครัวรัตนพันธ์เสียหายเพราะการกระทำของพวกท่านมากว่า 6 ปี เราต่อสู้ด้วยตนเองมาโดยตลอด เราไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หากไม่สู้ก็ทำได้แค่นอนรอความตายของคนในครอบครัวไปวันๆ บริษัทเอสซีและครอบครัวชินวัตรทราบดีแต่กลับไม่เคยให้ความเป็นธรรมที่แท้จริงกับครอบครัวรัตนพันธ์
ดังนั้น บริษัทเอสซีฯ และครอบครัวชินวัตรควรออกมาเปิดเผยว่าความจริงเป็นเช่นไร ออกมาเปิดเผยให้ความจริงปรากฏสู่สังคม โดยครอบครัวรัตนพันธ์ขอเชิญ CEO บริษัทเอสซีฯ คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ และผู้ถือหุ้นใหญ่รวมเกิน 50% ของบริษัทฯ ที่ทราบเรื่องมาโดยตลอด คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, คุณแพทองธาร ชินวัตร และคุณพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นำความจริงออกมาแถลงด้วยกันทั้งสองฝ่ายต่อหน้าสื่อมวลชนทุกสำนัก ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดจากทั้งสองฝ่าย ขอแสดงความนับถือ ครอบครัวรัตนพันธ์"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มี.ค. เฟซบุ๊ก SC ASSET ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โพสต์ข้อความ ระบุว่า ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีครอบครัวรัตนพันธ์กล่าวพาดพิงถึงบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สู่สาธารณชน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 และวันที่ 2 มีนาคม 2566 ผ่านสำนักข่าว TOP News
บริษัท SC ขอชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยสรุปเป็น 5 ข้อเพื่อง่ายต่อความเข้าใจตามลำดับ ดังนี้
1. ครอบครัวรัตนพันธ์ ขอรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขายต่อบริษัท SC ในปี 2559 แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ในครั้งแรก
2. บริษัท SC ให้รวบรวมที่ดินครั้งที่สองในปี 2561 โดยครอบครัวรัตนพันธ์ได้ขอยืมเงินบริษัท SC จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์จะนำไปมัดจำค่าที่ดินต่อเจ้าของที่ดิน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
3. ครอบครัวรัตนพันธ์ไม่สามารถนำเงินกู้ยืมมาคืนบริษัท SC
4. บริษัท SC จึงจำเป็นต้องดำเนินการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกเงินกู้คืน
5. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ในโอกาสนี้ บริษัท SC จึงขออนุญาตเผยแแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 มาให้ทราบข้อเท็จจริงร่วมกัน
โพสต์โดยฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เผยแพร่: 7 มี.ค. 2566
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000021307
ตระกูลรัตนพันธ์ขอความเป็นธรรม หลังเอสซี แอสเสท จี้หยุดนำเสนอข่าว-ลบข้อมูลทิ้ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ควรจะมีคำตอบที่ชัดเจน
จากกรณีที่กลุ่มครอบครัวรัตนพันธ์ได้เปิดแถลงข่าวที่ห้องกมลพร โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ระบุว่า ถูกบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย เนื้อที่กว่า 34 ไร่ บริเวณถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ครอบครัวรัตนพันธ์ ต้องสูญเสียบ้านและที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เนื่องจากทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของนายทุนเงินกู้ ครอบครัวรัตนพันธ์ต่อสู้คดีกันด้วยตนเองมายาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับฟ้องแย้งของครอบครัวรัตนพันธ์จำนวน 1,503 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา
ต่อมานายสมบูรณ์ คุปติมนัส เลขานุการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News (หรือสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมท็อปนิวส์) ลงวันที่ 3 มี.ค. ขอให้ยุติเสนอข่าว อ้างว่าข้อมูลทั้งหมดที่กลุ่มครอบครัวรัตนพันธ์แถลงเป็นความเท็จ ข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งบริษัทฯ ได้เป็นโจทก์ฟ้องดำเนินคดีกลุ่มบุคคลนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล จึงขอแจ้งให้สำนักข่าว Top News ยุติการนำเสนอข่าว และนำออกจากสื่อออนไลน์ระบบคอมพิวเตอร์โดยทันที มิฉะนั้น บริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด ครอบครัวรัตนพันธ์ทำหนังสือเรื่อง ครอบครัวรัตนพันธ์ขอยืนยันว่าสิ่งที่ได้แถลงข่าว และหรือการให้สัมภาษณ์เป็นความจริงทุกประการ ลงวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ถึงกองบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News และพี่น้องสื่อมวลชนทุกสำนักข่าว ระบุว่า ตามที่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่งหนังสือมายังกองบรรณาธิการ สำนักข่าว Top News โดยมีเนื้อหาให้ยุติการนำเสนอข่าวและนำออกจากสื่อออนไลน์โดยทันที โดยกล่าวอ้างเพียงว่าข้อมูลทั้งหมดที่ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงเป็นความเท็จทั้งสิ้นนั้น
ครอบครัวเราขอยืนยันว่า ทุกข้อมูลที่ได้นำเรียนไปในการแถลงข่าว ตลอดจนการได้รับเชิญให้มาร่วมรายการ การให้ข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ต่างๆ นั้นเป็นความจริงโดยทั้งสิ้น และประการสำคัญที่ครอบครัวต้องตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาครอบครัวเราต้องต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ใช้ความพยายามในการร้องเรียนและติดตามไปในหลายช่องทาง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด จนทำให้ทางครอบครัวรู้สึกท้อใจ เพราะสิ่งที่กำลังต่อสู้อยู่นั้น คือ กลุ่มคนที่มีอำนาจ แต่ครอบครัวเราตระหนักดีว่าหากไม่สู้หรือยอมแพ้ พฤติกรรมแบบนี้ของคนกลุ่มนี้อาจส่งผลกระทบให้แก่ประชาชนอื่นๆ ตลอดจนครอบครัวอื่นๆ ได้อีกเช่นกัน ครอบครัวรัตนพันธ์จึงตัดสินใจนำเสนอความจริงสู่สาธารณะ เนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจทางการเมืองและบริษัท (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ที่ประชาชนทั่วไปเข้าลงทุนได้ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการให้ครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาที่ดินกว่า 200 ล้านบาทหรือการนำเงิน 20 ล้านบาทออกมาจากบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มาให้กับครอบครัวรัตนพันธ์ เพื่อปกปิดพฤติการณ์ของตนเองในขณะนั้น กระทำได้หรือไม่ ถูกต้องชอบธรรมกับผู้อื่นหรือไม่ เหตุใดคุณณัฐพงศ์ CEO ต้องให้เงิน 20 ล้านบาท และถ้าไม่ให้ในขณะนั้นได้หรือไม่ การเปิดเผยข้อมูลที่เกิดขึ้นของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ครอบครัวรัตนพันธ์ได้รับความเป็นธรรม
ครอบครัวรัตนพันธ์เห็นด้วยว่า ในการที่สาธารณะได้รับทราบข้อเท็จจริงจากครอบครัวเราเพียงฝ่ายเดียวนั้น ย่อมไม่เป็นธรรมกับบริษัทเอสชีฯ และครอบครัวชินวัตร ดังนั้นครอบครัวรัตนพันธ์จึงประสงค์ให้บริษัทเอสซีฯ และครอบครัวชินวัตรได้นำเสนอข้อเท็จจริงออกมาเพื่อให้ประชาชนได้รับฟังความจริงจากท่านเพื่อความเป็นธรรมกับตัวท่านเอง หาใช่ว่าจะใช้วิธีการข่มขู่ คุกคามให้สื่อมวลชนยุติการนำเสนอข่าว ซึ่งการจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสาร เพื่อปิดกั้นการรับรู้ของประชาชนในสังคมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในยุคประชาธิปไตย เพราะเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพประชาชน การก้าวก่ายสื่อมวลชน ก็เท่ากับประชาชนขาดอิสรภาพในการรับรู้ข่าวสารไปด้วยไม่ต่างกัน นอกจากความจริงที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะไปแล้วนั้น ครอบครัวรัตนพันธ์ยังมีข้อมูลความจริงอีกมาก ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและคลิปเสียงหลักฐานในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอสซีฯ และบุคคลในครอบครัวชินวัตรโดยตรง เช่น กรณีของคุณพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) ก่อนการตัดสินคดีความเมื่อปี 2562 ข้อมูลที่เราแถลงออกมาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของหลักฐานที่มีอยู่เท่านั้น
ครอบครัวรัตนพันธ์ขอยืนยันว่าครอบครัวรัตนพันธ์เสียหายเพราะการกระทำของพวกท่านมากว่า 6 ปี เราต่อสู้ด้วยตนเองมาโดยตลอด เราไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หากไม่สู้ก็ทำได้แค่นอนรอความตายของคนในครอบครัวไปวันๆ บริษัทเอสซีและครอบครัวชินวัตรทราบดีแต่กลับไม่เคยให้ความเป็นธรรมที่แท้จริงกับครอบครัวรัตนพันธ์
ดังนั้น บริษัทเอสซีฯ และครอบครัวชินวัตรควรออกมาเปิดเผยว่าความจริงเป็นเช่นไร ออกมาเปิดเผยให้ความจริงปรากฏสู่สังคม โดยครอบครัวรัตนพันธ์ขอเชิญ CEO บริษัทเอสซีฯ คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ และผู้ถือหุ้นใหญ่รวมเกิน 50% ของบริษัทฯ ที่ทราบเรื่องมาโดยตลอด คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, คุณแพทองธาร ชินวัตร และคุณพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นำความจริงออกมาแถลงด้วยกันทั้งสองฝ่ายต่อหน้าสื่อมวลชนทุกสำนัก ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดจากทั้งสองฝ่าย ขอแสดงความนับถือ ครอบครัวรัตนพันธ์"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 มี.ค. เฟซบุ๊ก SC ASSET ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โพสต์ข้อความ ระบุว่า ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีครอบครัวรัตนพันธ์กล่าวพาดพิงถึงบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สู่สาธารณชน เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 และวันที่ 2 มีนาคม 2566 ผ่านสำนักข่าว TOP News
บริษัท SC ขอชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยสรุปเป็น 5 ข้อเพื่อง่ายต่อความเข้าใจตามลำดับ ดังนี้
1. ครอบครัวรัตนพันธ์ ขอรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขายต่อบริษัท SC ในปี 2559 แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ในครั้งแรก
2. บริษัท SC ให้รวบรวมที่ดินครั้งที่สองในปี 2561 โดยครอบครัวรัตนพันธ์ได้ขอยืมเงินบริษัท SC จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์จะนำไปมัดจำค่าที่ดินต่อเจ้าของที่ดิน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
3. ครอบครัวรัตนพันธ์ไม่สามารถนำเงินกู้ยืมมาคืนบริษัท SC
4. บริษัท SC จึงจำเป็นต้องดำเนินการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกเงินกู้คืน
5. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ในโอกาสนี้ บริษัท SC จึงขออนุญาตเผยแแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 มาให้ทราบข้อเท็จจริงร่วมกัน
โพสต์โดยฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เผยแพร่: 7 มี.ค. 2566
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000021307