***คำเตือน*** จขกท. ปากหมากรุณาอย่าถือสาภาษาที่ใช้ตอบคอมเม้นท์
นิมิต ที่เราจะเล่าในกระทู้นี้ เป็น นิมิต ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ นิมิต ที่เราเคยเล่าไปแล้วหลายกระทู้
และหลังๆมาเราก็หยุดเห็น นิมิต ลักษณะนี้ไปพักใหญ่ๆจนถึงตอนนี้
นิมิต ลักษณะที่เรากล่าวถึงคือ นิมิต ที่เป็นเรื่องราว การกระทำ ความสัมพันธ์ของเรากับบุคคลต่างๆ ในนิมิตนั้นๆ
และบุคคลเหล่านั้นเป็นคนที่เรารู้จัก พบเจอ และมีความสัมพันธ์กันจริงในชีวิตจริงของเราเช่นกัน
คล้ายกับว่า เรื่องราวในที่เราเห็นในนิมิต คือเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเราและบุคคลนั้นในอดีต
และส่งผลให้เราต้องมาประสบพบเจอ และมามีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันกับบุคคลนั้นๆอีกครั้ง ในชีวิตปัจจุบันนี้ของเรา
มันเหมือนกับเป็นคำตอบ เป็นคำอธิบาย ของคำถาม ที่คนเรามักจะตั้งขึ้นในใจตัวเองบ่อยๆ
ในเวลาที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ บุคคล หรือการกระทำใดๆ ที่เราไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเกิดขึ้นกับเรา
อย่างเช่น ทำไมเราต้องมาเจอแบบนี้? เราไปทำอะไรให้เขา เขาถึงต้องมาทำเช่นนี้กับเรา? ทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นเรา?
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามเหล่านี้ของเราได้ แม้แต่ตัวเราเอง แต่ก็นะ! ถ้าลองมาคิด คิดดูดีๆ แม้ว่าเราจะรู้คำตอบไป มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา หรือคนอื่นเลย
ไม่ว่าเราจะรู้คำตอบของมันอยู่ก่อนแล้ว หรือมารู้ทีหลัง เราก็ไม่เคยป้องกันหรือแก้ไขสิ่งใด ไม่ให้มันเกิดขึ้นได้เลย
พูดง่ายๆคือ ไม่ว่าอะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิดอยู่ดี นั่นเองค่ะ
แต่ที่เราทำได้แค่เพียงอย่างเดียว เมื่อรู้คำตอบจากคำถามเหล่านั้นแล้วคือ การเปลี่ยนแปลงปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่ซ้ำกันนั้น ในอนาคตนั่นเอง
หรือถ้าเราอยากให้มันเกิดขึ้นอีกในอนาคต เราก็แค่ทำซ้ำ ทำเหมือนเดิม แค่นั้นเอง
นั่นคือประโยชน์ เพียงอย่างเดียวที่เราเห็นจาก นิมิต ลักษณะนี้
เราขอเข้าเรื่องเลยค่ะ เรื่องราวในนิมิตนี้ เราฝันเห็นตัวเองกำลังอยู่ในสงคราม ในสนามรบ
และตัวเราเป็นเชลยคนนึงที่ถูกจับมา พวกผู้คนที่อยู่ใน นิมิต นั้นของเราค่อนข้างจะเป็นคนที่สูงใหญ่ กว่าคนปกติในปัจจุบันนี้มาก แม้ว่าจะเทียบกับพวกฝรั่งแล้วก็ตาม
โดยเฉพาะผู้ชาย หุ่นล่ำซ่ำ ทั้งนั้น และนุ่งน้อย ห่มน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยมีใส่ ปิดแต่ตรงกลางนิดเดียว
ผู้ชายจะแต่งตัวคล้ายกับพวกนักรบใน กลาดิเอเตอร์ ส่วนพวกผู้หญิงที่เป็นนักรบ หรือ คนชั้นสูงก็จะแต่งตัวคล้ายกับ wonder woman ประมาณนั้น
แต่ทั้งหญิงทั้งชาย ตัวสูงใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนเรา เราคงคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นแค่ทาส หรือไม่ก็คนระดับล่างๆ แน่ๆเพราะแต่งตัวคลุมหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ในฝัน เรากำลังต่อแถวเพื่อยื่นกระดาษใบนึงให้กับผู้หญิงที่น่าจะเป็นผู้คุม ซึ่งมีคนที่ต่อแถวอยู่ก่อนเราและหลังเรา ยาวเหยียด แต่ละคนน่าจะเป็นเชลยที่ถูกจับมาจากสงครามเหมือนเรา
ก่อนที่เราจะถึงโต๊ะผู้คุมคนนั้น เราหยิบกระดาษที่อยู่ในมือเราขึ้นมาดู และเห็นว่ามันเขียนชื่อเราอยู่บนนั้น
แต่ว่าเราสังเกตุเห็นว่าชื่อเรามันเขียนผิดอยู่ เราจึงยื่นถามผู้คุมอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาจึงบอกเราว่า ให้เราออกไปเอากระดาษเขียนชื่อเราใหม่ที่ถูก แล้วก็ไปเริ่มต่อแถวใหม่
เราก็ต้องจำใจกลับไปเริ่มต้นใหม่ เราเดินไปที่จุดที่เราจะเอากระดาษที่มีชื่อเราที่เป็นเหมือนบัตรคิวนี้ อีกครั้ง ทางเดินที่เราผ่าน มีเต้นท์ทรงกระโจม
เหมือนเป็นที่พักของพวกทหาร นักรบอยู่ชิดๆกันเต็มไปหมด แล้วเราเดินไปถึงจุดที่เราจะเอาการกระดาษที่มีชื่อเราที่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นบัตรคิว
แต่ที่ตรงนั้นไม่มีใครอยู่เลย เรารู้สึกเหมือนกับว่า ก่อนหน้านี้จะมีคนมากมายอยู่ที่ตรงนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาไปกันหมดแล้ว เพราะต้องไปรอต่อแถวยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับผู้คุม
เราไปยืนเพื่อจะหากระดาษที่เขียนชื่อเราอยู่สักพัก และจู๋ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ข้างหลังเรา
พอเราหันกลับไปดูก็เห็นเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ใส่ชุดนักรบแบบที่นุ่งน้อยห่มน้อยเหมือนที่เรากล่าวไปในตอนแรก ยืนอยู่ตรงนั้น
และหน้าตาผู้ชายคนนั้น คือเจ้านายเก่าเราที่เราต้องจำยอมไปเป็นอีหนูเขา แบบไม่เต็มใจ ทั้งๆที่ตอนแรกเขามาขอเราดีๆ แต่เพราะเราไม่คิด ไม่อยากทำผิดศีลข้อสาม เราจึงปฎิเสธเขาไปตรงๆ และปฎิเสธไปโดยตลอด
แต่สุดท้ายเขาก็มัดมือชกเราจนได้ กว่าเราจะหลุดพ้นจากสถานะนั้นมาได้ เล่นเอาเราเกือบเป็นบ้าเพราะเรากลัวว่าไม่รู้วันไหน เมียเขาจะรู้แล้วสั่งเก็บเรา
เพราะมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้หนาหูมาก ในที่ทำงานของเราตอนนั้น เพราะมีเด็กฝึกงานหลายคนที่เมียเขารู้ว่ามีสัมพันธ์กับเขาแล้วจู่ๆก็หายตัวไปเฉยๆ แบบว่ายังฝึกงานไม่ทันจบ แต่หายไปแบบไม่มีใครรู้ว่าไปไหน ประมาณนี้
เพราะพวกเขาเป็นคนมีอิทธิพล เราจึงคิดว่าน่าทำเรื่องแบบนี้ได้ไม่ยาก
แต่ยังดีที่เรายังโชคดีกว่าเด็กฝึกงานพวกนั้น ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ไม่โดนสั่งเก็บไปเสียก่อน
มาเข้าเรื่องใน นิมิต เรากันต่อหลังจากที่เราหันไปเห็นผู้ชายร่างใหญ่คนนั้นที่ยืนอยู่ข้างหลังเรา แล้วเขาก็จับมือเรา ลากเข้าเต้นท์เขาไปเลย
และคงไม่ต้องให้เราอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในเต็นท์ คงจะนึกภาพกันออกแน่ๆ
เจ้านายเก่าเราที่เป็นคนที่อยู่ใน นิมิต นั้นของเราเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้า เป็นนายกองของพวกทหาร พวกนักรบเหล่านั้น
หลังจากเสร็จสงครามเขาก็เอาเรากลับไปด้วย ต่างกับคนที่เป็นเชลยด้วยกัน เพราะเราเห็นพวกเขาเหล่านั้นต้องไปเป็นทาส ทำงานหนักๆ
เราต้องไปเป็นเมียเขาคนนึง แต่เขามีเมียเยอะมาก เรียงแถวกันไม่รู้กี่สิบคน และเราก็สังเกตุเห็นคนที่นั่งข้างๆเขา ที่แต่งตัวเหมือน Wonder woman เราคิดว่าน่าจะเป็นเมียหลวงหรือเมียที่ใหญ่สุดแน่ๆ
หลังจากนั้นเราเหมือนจะมีลูกเป็นเด็กผู้ชาย หน้าตาน่ารัก ขาว อวบ แต่เรากลับเลี้ยงเขาไว้ไม่ได้
ในฝันเหมือนเราจะสอนวิชาให้ลูกเรา มุดน้ำ ดำดิน เหาะเหินเดินอากาศ ตั้งแต่เขายังเป็นทารก
และสุดท้ายเราต้องทิ้งเขาไว้ที่ตลิ่งของชายฝั่งแม่น้ำแห่งนึง
พอเราจะเดินลงน้ำมา เขาก็จะคลานตามเราลงน้ำมาด้วยทุกครั้ง
จนเราต้องจำใจ ใช้เชือกมัดขาเขาไว้กับต้นไม้ที่อยู่บนตลิ่ง แต่เขาก็ยังคงร้องไห้ ดิ้นรน เพื่อจะคลานตามเราลงมาในน้ำ จนขาที่โดนผูกถลอกแเดงตามแรงดึงเชือกที่ผูกไว้
จนสุดท้ายก็มีคนได้ยินเสียงร้องของลูกเรา และพาเขาไปเลี้ยงดูในที่สุด
เราก็กลับมายังที่พักเดิมของเรา ที่ต้องอยู่ร่วมกับเมียใหญ่ เมียเล็กของเจ้านายเก่าเราในฝัน
และวันนึงเมียใหญ่เขาที่แต่งตัวเหมือน Wonder woman พาเมียเล็กๆทุกคนเข้าป่ารวมทั้งเราด้วย
แล้วเหมือนเขาจะให้พวกเราเล่นเกมส์อะไรกันสักอย่าง เหมือนกับเล่นซ่อนแอบแล้วเขาก็ ยิงธนูใส่ ฟันดาบลง ฆ่าเมียเล็กๆทุกคนที่เจอ
แต่เราเหมือนจะรอด และได้กลับไปเห็นลูกชายเราที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จบแล้วละค่ะ
และใน นิมิต นั้นการที่เรามีชีวิตรอดมาได้มันไม่ใช่เพราะเขาไม่ฆ่าเรา แต่เพราะเรากำลังจะฆ่าเขาได้ก่อนในตอนนั้น
แต่เราเลือกที่จะไม่ทำ เขาเลยปล่อยเราไป เราคิดว่างั้นนะ
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 30
นิมิต ที่เราจะเล่าในกระทู้นี้ เป็น นิมิต ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ นิมิต ที่เราเคยเล่าไปแล้วหลายกระทู้
และหลังๆมาเราก็หยุดเห็น นิมิต ลักษณะนี้ไปพักใหญ่ๆจนถึงตอนนี้
นิมิต ลักษณะที่เรากล่าวถึงคือ นิมิต ที่เป็นเรื่องราว การกระทำ ความสัมพันธ์ของเรากับบุคคลต่างๆ ในนิมิตนั้นๆ
และบุคคลเหล่านั้นเป็นคนที่เรารู้จัก พบเจอ และมีความสัมพันธ์กันจริงในชีวิตจริงของเราเช่นกัน
คล้ายกับว่า เรื่องราวในที่เราเห็นในนิมิต คือเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เคยเกิดขึ้นกับเราและบุคคลนั้นในอดีต
และส่งผลให้เราต้องมาประสบพบเจอ และมามีความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันกับบุคคลนั้นๆอีกครั้ง ในชีวิตปัจจุบันนี้ของเรา
มันเหมือนกับเป็นคำตอบ เป็นคำอธิบาย ของคำถาม ที่คนเรามักจะตั้งขึ้นในใจตัวเองบ่อยๆ
ในเวลาที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์ บุคคล หรือการกระทำใดๆ ที่เราไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเกิดขึ้นกับเรา
อย่างเช่น ทำไมเราต้องมาเจอแบบนี้? เราไปทำอะไรให้เขา เขาถึงต้องมาทำเช่นนี้กับเรา? ทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นเรา?
ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครตอบคำถามเหล่านี้ของเราได้ แม้แต่ตัวเราเอง แต่ก็นะ! ถ้าลองมาคิด คิดดูดีๆ แม้ว่าเราจะรู้คำตอบไป มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา หรือคนอื่นเลย
ไม่ว่าเราจะรู้คำตอบของมันอยู่ก่อนแล้ว หรือมารู้ทีหลัง เราก็ไม่เคยป้องกันหรือแก้ไขสิ่งใด ไม่ให้มันเกิดขึ้นได้เลย
พูดง่ายๆคือ ไม่ว่าอะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิดอยู่ดี นั่นเองค่ะ
แต่ที่เราทำได้แค่เพียงอย่างเดียว เมื่อรู้คำตอบจากคำถามเหล่านั้นแล้วคือ การเปลี่ยนแปลงปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่ซ้ำกันนั้น ในอนาคตนั่นเอง
หรือถ้าเราอยากให้มันเกิดขึ้นอีกในอนาคต เราก็แค่ทำซ้ำ ทำเหมือนเดิม แค่นั้นเอง
นั่นคือประโยชน์ เพียงอย่างเดียวที่เราเห็นจาก นิมิต ลักษณะนี้
เราขอเข้าเรื่องเลยค่ะ เรื่องราวในนิมิตนี้ เราฝันเห็นตัวเองกำลังอยู่ในสงคราม ในสนามรบ
และตัวเราเป็นเชลยคนนึงที่ถูกจับมา พวกผู้คนที่อยู่ใน นิมิต นั้นของเราค่อนข้างจะเป็นคนที่สูงใหญ่ กว่าคนปกติในปัจจุบันนี้มาก แม้ว่าจะเทียบกับพวกฝรั่งแล้วก็ตาม
โดยเฉพาะผู้ชาย หุ่นล่ำซ่ำ ทั้งนั้น และนุ่งน้อย ห่มน้อย เสื้อผ้าไม่ค่อยมีใส่ ปิดแต่ตรงกลางนิดเดียว
ผู้ชายจะแต่งตัวคล้ายกับพวกนักรบใน กลาดิเอเตอร์ ส่วนพวกผู้หญิงที่เป็นนักรบ หรือ คนชั้นสูงก็จะแต่งตัวคล้ายกับ wonder woman ประมาณนั้น
แต่ทั้งหญิงทั้งชาย ตัวสูงใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนเรา เราคงคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นแค่ทาส หรือไม่ก็คนระดับล่างๆ แน่ๆเพราะแต่งตัวคลุมหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ในฝัน เรากำลังต่อแถวเพื่อยื่นกระดาษใบนึงให้กับผู้หญิงที่น่าจะเป็นผู้คุม ซึ่งมีคนที่ต่อแถวอยู่ก่อนเราและหลังเรา ยาวเหยียด แต่ละคนน่าจะเป็นเชลยที่ถูกจับมาจากสงครามเหมือนเรา
ก่อนที่เราจะถึงโต๊ะผู้คุมคนนั้น เราหยิบกระดาษที่อยู่ในมือเราขึ้นมาดู และเห็นว่ามันเขียนชื่อเราอยู่บนนั้น
แต่ว่าเราสังเกตุเห็นว่าชื่อเรามันเขียนผิดอยู่ เราจึงยื่นถามผู้คุมอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาจึงบอกเราว่า ให้เราออกไปเอากระดาษเขียนชื่อเราใหม่ที่ถูก แล้วก็ไปเริ่มต่อแถวใหม่
เราก็ต้องจำใจกลับไปเริ่มต้นใหม่ เราเดินไปที่จุดที่เราจะเอากระดาษที่มีชื่อเราที่เป็นเหมือนบัตรคิวนี้ อีกครั้ง ทางเดินที่เราผ่าน มีเต้นท์ทรงกระโจม
เหมือนเป็นที่พักของพวกทหาร นักรบอยู่ชิดๆกันเต็มไปหมด แล้วเราเดินไปถึงจุดที่เราจะเอาการกระดาษที่มีชื่อเราที่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นบัตรคิว
แต่ที่ตรงนั้นไม่มีใครอยู่เลย เรารู้สึกเหมือนกับว่า ก่อนหน้านี้จะมีคนมากมายอยู่ที่ตรงนั้น แต่ตอนนี้พวกเขาไปกันหมดแล้ว เพราะต้องไปรอต่อแถวยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับผู้คุม
เราไปยืนเพื่อจะหากระดาษที่เขียนชื่อเราอยู่สักพัก และจู๋ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืนอยู่ข้างหลังเรา
พอเราหันกลับไปดูก็เห็นเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ใส่ชุดนักรบแบบที่นุ่งน้อยห่มน้อยเหมือนที่เรากล่าวไปในตอนแรก ยืนอยู่ตรงนั้น
และหน้าตาผู้ชายคนนั้น คือเจ้านายเก่าเราที่เราต้องจำยอมไปเป็นอีหนูเขา แบบไม่เต็มใจ ทั้งๆที่ตอนแรกเขามาขอเราดีๆ แต่เพราะเราไม่คิด ไม่อยากทำผิดศีลข้อสาม เราจึงปฎิเสธเขาไปตรงๆ และปฎิเสธไปโดยตลอด
แต่สุดท้ายเขาก็มัดมือชกเราจนได้ กว่าเราจะหลุดพ้นจากสถานะนั้นมาได้ เล่นเอาเราเกือบเป็นบ้าเพราะเรากลัวว่าไม่รู้วันไหน เมียเขาจะรู้แล้วสั่งเก็บเรา
เพราะมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้หนาหูมาก ในที่ทำงานของเราตอนนั้น เพราะมีเด็กฝึกงานหลายคนที่เมียเขารู้ว่ามีสัมพันธ์กับเขาแล้วจู่ๆก็หายตัวไปเฉยๆ แบบว่ายังฝึกงานไม่ทันจบ แต่หายไปแบบไม่มีใครรู้ว่าไปไหน ประมาณนี้
เพราะพวกเขาเป็นคนมีอิทธิพล เราจึงคิดว่าน่าทำเรื่องแบบนี้ได้ไม่ยาก
แต่ยังดีที่เรายังโชคดีกว่าเด็กฝึกงานพวกนั้น ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ไม่โดนสั่งเก็บไปเสียก่อน
มาเข้าเรื่องใน นิมิต เรากันต่อหลังจากที่เราหันไปเห็นผู้ชายร่างใหญ่คนนั้นที่ยืนอยู่ข้างหลังเรา แล้วเขาก็จับมือเรา ลากเข้าเต้นท์เขาไปเลย
และคงไม่ต้องให้เราอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในเต็นท์ คงจะนึกภาพกันออกแน่ๆ
เจ้านายเก่าเราที่เป็นคนที่อยู่ใน นิมิต นั้นของเราเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้า เป็นนายกองของพวกทหาร พวกนักรบเหล่านั้น
หลังจากเสร็จสงครามเขาก็เอาเรากลับไปด้วย ต่างกับคนที่เป็นเชลยด้วยกัน เพราะเราเห็นพวกเขาเหล่านั้นต้องไปเป็นทาส ทำงานหนักๆ
เราต้องไปเป็นเมียเขาคนนึง แต่เขามีเมียเยอะมาก เรียงแถวกันไม่รู้กี่สิบคน และเราก็สังเกตุเห็นคนที่นั่งข้างๆเขา ที่แต่งตัวเหมือน Wonder woman เราคิดว่าน่าจะเป็นเมียหลวงหรือเมียที่ใหญ่สุดแน่ๆ
หลังจากนั้นเราเหมือนจะมีลูกเป็นเด็กผู้ชาย หน้าตาน่ารัก ขาว อวบ แต่เรากลับเลี้ยงเขาไว้ไม่ได้
ในฝันเหมือนเราจะสอนวิชาให้ลูกเรา มุดน้ำ ดำดิน เหาะเหินเดินอากาศ ตั้งแต่เขายังเป็นทารก
และสุดท้ายเราต้องทิ้งเขาไว้ที่ตลิ่งของชายฝั่งแม่น้ำแห่งนึง
พอเราจะเดินลงน้ำมา เขาก็จะคลานตามเราลงน้ำมาด้วยทุกครั้ง
จนเราต้องจำใจ ใช้เชือกมัดขาเขาไว้กับต้นไม้ที่อยู่บนตลิ่ง แต่เขาก็ยังคงร้องไห้ ดิ้นรน เพื่อจะคลานตามเราลงมาในน้ำ จนขาที่โดนผูกถลอกแเดงตามแรงดึงเชือกที่ผูกไว้
จนสุดท้ายก็มีคนได้ยินเสียงร้องของลูกเรา และพาเขาไปเลี้ยงดูในที่สุด
เราก็กลับมายังที่พักเดิมของเรา ที่ต้องอยู่ร่วมกับเมียใหญ่ เมียเล็กของเจ้านายเก่าเราในฝัน
และวันนึงเมียใหญ่เขาที่แต่งตัวเหมือน Wonder woman พาเมียเล็กๆทุกคนเข้าป่ารวมทั้งเราด้วย
แล้วเหมือนเขาจะให้พวกเราเล่นเกมส์อะไรกันสักอย่าง เหมือนกับเล่นซ่อนแอบแล้วเขาก็ ยิงธนูใส่ ฟันดาบลง ฆ่าเมียเล็กๆทุกคนที่เจอ
แต่เราเหมือนจะรอด และได้กลับไปเห็นลูกชายเราที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ จบแล้วละค่ะ
และใน นิมิต นั้นการที่เรามีชีวิตรอดมาได้มันไม่ใช่เพราะเขาไม่ฆ่าเรา แต่เพราะเรากำลังจะฆ่าเขาได้ก่อนในตอนนั้น
แต่เราเลือกที่จะไม่ทำ เขาเลยปล่อยเราไป เราคิดว่างั้นนะ