มุมมืดในต่างแดน......อึ้ง นักรบญิฮัด IS อ้าง พระเจ้าอนุญาตข่มขืนเด็ก 9 ขวบนอกศาสนา

กระทู้สนทนา
อึ้ง นักรบญิฮัด IS อ้าง พระเจ้าอนุญาตข่มขืนเด็ก 9 ขวบนอกศาสนา

เชอร์โก โอมาร์(Sherko Omer) อดีตสมาชิกกลุ่ม IS ได้ออกมาเปิดเผยว่า นักรบญิฮัดของ IS มักข่มขืนเชลยสตรีที่ไม่ใช่มุสลิม รวมถึงเด็กหญิงอายุต่ำสุด 9ปีในค่ายฝึกสอน โดยเหล่าสมาชิกเหล่านั้นอ้างว่า “พระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้ข่มขืนเชลยผู้หญิงนอกศาสนา”

เมลออนไลน์ สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(22)ว่า เชอร์โก โอมาร์(Sherko Omer) อดีตสมาชิกกลุ่ม IS ได้ออกมาเปิดเผยว่า เหล่านักรบญิฮัด IS ที่รับหน้าที่เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายจะเลือกเหยื่อเชลยผู้หญิงนอกศาสนาเพื่อทำการข่มขืน “ผมเห็นนักรบญิฮัดต่างชาติมากมายที่ถูกเลือกให้ทำหน้าที่เป็นหน่วยมือระเบิดฆ่าตัวตายไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเก่ง หรือเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า แต่เป็นเพราะต่างชาติพวกนั้นไร้ประโยชน์สำหรับ IS” โอมาร์กล่าว และเสริมต่อว่า

“คนพวกนี้พูดภาษาอารบิกไม่ได้ สู้รบไม่เก่ง ไม่มีความสามารถเชิงอาชีพใดเป็นพิเศษ และที่สำคัญคนเหล่าถูกล้างสมองว่า หากคนเหล่านั้นประพฤติประหนึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดให้กับ IS จะได้รับหญิงพรหมจรรย์ผมดำและตาดำขลับทั้ง 72นางในสวรรค์เป็นรางวัลในโลกหน้า และยังสามารถข่มขืนหญิงอื่นได้เมื่อยังอยู่ในโลกมนุษย์ก่อนที่พวกเขาจะทำภารกิจฆ่าตัวตายในที่สุด เพราะพระผู้เป็นเจ้าที่อนุญาตให้นักรบญิอัด IS สามารถข่มขืนหญิงนอกศาสนาที่ตกเป็นเชลยได้” โอมาร์กล่าว

และยังให้สัมภาษณ์ต่อว่า “นอกจากนี้ทาง IS ยังประกาศว่า หญิงมุสลิมจะได้รับรางวัลตอบแทนหลังจากนั้นหากพวกเธอเหล่านั้นพร้อมยอมใจร่วมทำ “ญิฮัดสวาท” กับเหล่านักรบญิฮัดชายของ IS ” ซึ่งโอมาร์เผยว่า ส่วนมากสมาชิกระดับหัวหน้าได้ประโยชน์จาก “ญิฮัดสวาท” เหล่านั้นมากกว่าสมาชิกระดับทั่วไป และสโนว์เดนภาคอาหรับคนนี้ยังให้ความเห็นถึงตุรกีว่า เป็นที่น่าแปลกใจที่ทหารตุรกีที่อยู่ประจำพรมแดนกลับทำเป็นมองไม่เห็นถึงการข้ามแดนไปมาของสมาชิก IS


ทั้งนี้โอมาร์ อดีตนักรบญิฮัด IS เป็นชาวอิรักเชื้อสายเคิร์ดได้ให้ข้อมูลภายในค่ายฝึก IS กับนักข่าวเคิร์ด รอซห์ อาเหม็ด(Rozh Ahmad )ในรูปถาม-ตอบ โดยเขาใช้นามแฝง “เชอร์โก โอมาร์” เพื่อความปลอดภัย ซึ่งการให้สัมภาษณ์นี้ถูกเผยแพร่โดยสื่อออนไลน์ Your Middle East


โอมาร์ได้เล่าประสบการณ์ถูกชักนำให้เข้าร่วมกับกลุ่ม IS อย่างไร หลังจากแต่เดิมโอมาร์ได้พยายามที่จะขอเข้าร่วมกับกบฎซีเรีย FSA เพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

ทั้งนี้อดีตนักรบญิอัด IS เล่าว่า กลุ่มมุสลิมในชุมชนเคิร์ดในฮาลาบจา (Halabja) ทางตอนเหนือของอิรัก ได้เป็นตัวกลางชักนำเขาพบกับตัวแทน IS ในตุรกี และนำเขาไปยังค่ายฝึกที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนซีเรีย และเมื่อโอมาร์เดินทางไปถึงค่ายฝึกทำให้เขาตระหนักได้ว่า เขาอยู่ในค่ายฝึกของ IS และจากการที่โอมาร์มีพื้นฐานด้านเทคนิคมาก่อน ทำให้ IS ส่งเขาไปฝึกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลเทคนิคติดต่อสื่อสารแทนที่จะให้ฝึกสู้รบ


นอกจากนี้โอมาร์ยังเล่าว่า ในฐานะเป็นคนเข้ามาใหม่ เขาพบว่าผู้บัญชาการรบของIS น่านับถือและใจดีมาก รวมไปถึงบรรยากาศรอบตัวล้วนเป็นมิตร แต่โอมาร์กลับพบว่า “บรรดาแกนนำ IS และคนระดับบัญชาการของ IS เชื่อว่าพวกเขามีสิทธิที่จะร่วมหลับนอนกับหญิงเชลยที่ถึงแม้จะเป็นการข่มขืนก็ตาม เพราะหญิงเหล่านั้นเป็นพวกนอกศาสนา หรือพวกที่หันไปนับถือศาสนาอื่น ซึ่งสิ่งนี้เกิดกับหญิงคริสเตียนในอัล-รักกา(Al-Raqqa) ที่สามีของพวกเธอถูกตัดหัว และโอมาร์ได้เป็นประจักษ์พยานในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเห็นนักรบญิฮัด 6 คนสั่งให้หญิงคนหนึ่งและลูกสาวอายุ 12-13ปีของเธอต้องยอมร่วมหลับนอนกับพวกเขาทั้งหมด และเมื่อโอมาร์ได้บอกกับคนเหล่านั้นว่า การบังคับสตรีให้ทำตามความประสงค์นั้นขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม และเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการร่วมหลับนอนกับเด็ก คนเหล่านั้นกลับหันกระบอกปืนจ่อมาที่โอมาร์ และสั่งให้ออกไปให้พ้น”


และในท้ายที่สุดโอมาร์ตัดสินใจหลบหนีออกมาจาก IS หลังจากกลุ่มนักรบญิฮัดตัดศีรษะเพื่อนชาวเคิร์ด ที่เป็นทหารของกองทัพเคิร์ด Kurdish People's Protection Units ซึ่งตกเป็นเชลยของ IS

ที่มา....[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คำสอน(แบบผิดๆ)ของศาสนานี้........ทำเอาผมอึ้งแ-กเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่