[CR] No.7 A GHOST STORY : มีพบก็ต้องมีจาก มีรักก็ต้องมีเลิก


สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง วันนี้ผมจะมารีวิวกัน เรื่อง A Ghost Story ภาพยนตร์ประเภท Drama , Fantasy , Romance ที่ฉายในปี 2017 ซึ่งที่ไทยไม่นำฉายในโรงอีกเช่นเคย ผมจึงหาทางดูในเว็บตามช่องทางธรรมชาติพร้อมกับซับไทยพร้อม  ก่อนดูผมได้อ่านเรื่องย่อ  ดู Trailer มาแล้ว บอกเลยว่าน่าสนใจมาก บวกกับผู้จัดจำหน่ายอย่างค่าย A24 ที่รับประกันได้ว่าดีจริง 100 %  โดยไม่ต้องคิดนาน หลังจากที่ดูจบแล้วผมสนใจตรงที่หนังมันพูดถึงโลกหลังความตายอีกมุมหนึ่งที่ไม่ได้เล่าถึงความน่ากลัวตามแบบหนังสยองขวัญเรื่องอื่น ๆ แต่เลือกเป็นการตั้งคำถามกับเราแทนว่าเมื่อเราตายไปแล้ว เราจะไปอยู่ที่ไหน แล้วสิ่งสุดท้ายก่อนที่จะตายเราคิดถึงอะไร สิ่งนี้แหล่ะคือ Keywords ในการนำมาเป็นประเด็นสำคัญที่เรื่องจะสื่อให้เราศึกษาเรียนรู้ แล้วนำไปตกผลึกต่อการใช้ชีวิตมากกว่าการเน้นความน่ากลัวของผีสาง วิญญาณ หรือ ความเชื่อทางไสยศาสตร์ ผมเชื่อว่าหลังจากดูจบเราจะประติดประต่อกับเรื่องแล้วหาคำตอบด้วยมุมมองของเราเอง

ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 32 นาที นั้น การดำเนินเรื่องเรียกว่าช้าทั้งเรื่องจนเต่าเรียกพี่ แต่ไม่รู้สึกน่าเบื่อจนวูบหลับ ยิ่งบรรยากาศครึม ๆ อมทุกข์ทั้งเรื่องแล้วยิ่งทำให้เนือยง่าย บางช่วงแทบไม่มีบทพูดเลย เน้นใช้สภาพแวดล้อมของบรรยากาศรอบตัวที่พระเอกได้ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันกันกับนางเอกตอนที่มีชีวิตอยู่เป็นตัวเล่าแทนการสนทนาที่เรียบง่าย แต่แอบเจ็บปวดเป็นระยะ แล้วให้ตัวเราเสมือนแทนเป็นตัวของผีที่ทำหน้าที่มองดูชีวิตของตัวพระเอก นางเอกแล้วก็ใช้วิธีการเฝ้ามองนี้นำไปตีความกันตามอัธยาศัย จังหวะเปลี่ยนแปลงตามโทนของสภาวะในฉากแต่ละฉากนั้นมีความ Fantasy แทรกอยู่หน่อย ๆ จนแปลกประหลาดใจอยู่แต่ก็ดันเข้ากันได้ลงตัวตามสไตล์หนังอินดี้  ดนตรีประกอบฟังแล้วบ่งบอกถึงความรู้สึกของตัวพระเอกได้เลยว่ารู้สึกเป็นอย่างไรโดยไม่มีคำพูดแต่อย่างใด ในขณะนั้น มีซีนดนตรีบรรเลงดังขึ้นกระชากอารมณ์ครั้งใหญ่ ยิ่งเฉพาะช่วงท้าย ๆ เรื่องยิ่งเร่งเร้าอารมณ์สุด ๆ โดยเฉพาะต่อมความคิดถึง การรอคอย การถวิลหาแก่คนที่เรารักจนเผลอน้ำตาไหลออกมา แม้ว่าความหวังนดูเลือนลางเต็มทีราวกับว่าโลกจะแตกยังไงยังงั้น 

สิ่งที่ดีงามของเรื่องก็คือ การแสดงของ 2 พระนางคุณภาพ อย่าง Casey Affleck จาก Manchester By The Sea (2016) และ Rooney Mara จาก The Girl With The  Dragon Tattoo (2011)  แสดงได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่มีพลังดึงดูดเคมีต่อกัน ช่วยรับส่ง Inner ใน Mood ต่างๆ ได้ลื่นไหล ประคองหนังไว้ทั้งเรื่องร่วมกันดีเยี่ยม โดยคุณงามความดีขอมอบให้ David Lowery ผู้กำกับที่ชื่อเสียงไม่ค่อยรู้จักในวงกว้างมาก แต่ในแวดวงอินดี้เขาคือนักทำหนังมากฝีมืออีกคน ในผลงานที่ผ่านมา เช่น Ain’t Them Bodies Saints (2013) , Pete’s Dragon (2016) และ The Old Man & The Gun (2018)  ที่คัดเลือกนักแสดงได้สมบทบาท แถมทั้งคู่ก็เคยร่วมงานกับผู้กำกับมาแล้วจึงฝากผีฝากไข้ได้ ส่วนองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้ง สกอร์ดนตรี ที่ทำให้ตัวหนังมีพลังดึงดูด น่าติดตาม ฉากบรรยากาศในเรื่องมีโทนความหม่นหมองลอยจางทั้งเรื่อง บางฉากแม้จะถ่ายทำตอนกลางวันแสงแดดจ้าก็ยังมีความเศร้า ความโดดเดี่ยว ผสมปนอยู่ไม่หาย บทสรุปรู้สึกจะขายความติสท์จนเวิ้นเว้อไปไกลหน่อย ถ้าเลือกจะสรุปในส่วนที่จับต้องได้จะรู้สึกสมเหตุสมผลขึ้นมาซักหน่อย ซึ่งตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องมาหนังก็ได้วางปมไว้ แต่บางอย่างยังเคลียร์ไม่หมดให้ชัดเจน สำหรับคนที่ชอบความอินดี้ เสพงานศิลป์  สำรวจ Dialogue จะตอบโจทย์คุณที่สุด แต่ถ้าเสพบท เสพความจริงจังล่ะก็ถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่งแต่แค่ต้องใส่ Details เพิ่มเข้าไปให้รู้สึกน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกแค่นั้น

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านรับชมแล้ว สามารถกด Like กด Share ได้ที่เพจ True id Intrend ของผมชื่อ EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่