อย่าท้อ ในวันที่เรายังไม่ตาย

กระทู้คำถาม
ผมจอบอกก่อนว่า ผมเป็นคนกัมพูชา แล้วโดนแม่หลอกให้มาอยู่ไทย เพราะคนไทยบอกแม่ว่าจะเอาปมมาเลี้ยง แต่เรื่องจริงมันน่าตลกมาก เรื่องที่ผมเล่าทั้งหมด ก็อาจจะช่วยให้คนคิดน้อยใจ อาจจะมีกำลังใจก็ได้ เอาล่ะ เราเข้ามาเรื่อเลยดีกว่า  ผมเกิดในประเทศกัมพูชา อยู่ที่นั้นได้อายุ8ขวบ แม่บอกมีคนจะรับลูกไปอยู่ด้วย จะเอาผมไปเลี้ยงดู ให้การเรียน ให้ที่อยู่ (จะบอกก่อนว่า บ้านผมจนมาก แต่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่จนเลย) แล้ววันนึงแม่ผมก็ได้พาผมไปที่ประเทศไทย ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะเหมือนได้มาต่างประเทศ แต่ไม่เลย ผมนั่งใน ตะกร้าหน้ารถเข็นเข้าในประเทศ เอาง่ายๆ ผมลักลอบเข้าประเทศ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ พอเข้ามาได้ ผมก็อยู่ บ้านคนที่เขาเอามาเลี้ยง ผมร้องให้หนักมาก เพราะทั้งแม่ ทั้งพ่อ ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว อยู่กับใครก็ไม่รู้ วันแรกๆผมงอแงอยากกลับบ้านเกิดผมมาก แต่ผมก็งงในเวลาเดียวกัน ทำไมแม่เราเชื่อคนง่ายจัง ลูกเราแท้ๆยังให้คนอื่นง่ายจัง แต่ก็เข้าใจแม่นะ เพราะก็อยากให้ลูกมีดี แต่กลับกันเลย ผมมาโดยผิดกฎหมาย อะไรที่เกี่ยวกับผมไม่มีเลย ขนาดชื่อแม่ผม ผมยังไม่รู้จักเลยโดยช้ำ แต่ผมอยู่บ้านคนที่เขาบอกเลี้ยงดูผมประมาณ1เดือน ในระยะเวลานั้น ผมก็หัดอ่าน ก-ฮ จนเกาง แต่{ตอนนั้นผมยังไม่พูดภาษาไทยได้เลยด้วยซ้ำ} พอเวลาผ่านไป ผมก็โดนส่งมาบวชในวัดแห่งนึงในจังหวัดตราด ผมจะบอกว่า วัดนี่แหละคือแสงแห่งใหม่ที่ทำให้ผมมีเวลาโตมาได้ทุกวันนี้ ผมมาแรกๆพูดไทยไม่ได้ แต่หลวงพ่อ พระอื่นๆหรือเณรก็ช่วยผมหัดพูด ผมรู้สึกดีใจมาก คือที่นี่เขาไม่ล้อผมหรือแบ่งแยกผมเลย เขามองผมเหมือนคนไทยคนหนึ่ง สอนผมให้พูดไทยได้1เดือน ผมพูดไทยได้ แต่ไม่ได้ชัดขนาดนั้น แต่พระกับเณรก็บอกเสียงเดียวกันทุกคนว่า ถ้าเองฟังไทยออก เองก็จะได้บวช ได้เรียนเหมือนพวกเณรคนอื่นนะ จากนั้นมา ก็ตั้งใจพูดจนฟังออก แล้วอีก1อาทิตย์ก็เปิดเทอม ผมคิดว่า ผมคงไม่ได้เรียน เพราะผมไม่มีอะไรเลย ตัวตน วันเกิด หรือแม้แต่ชื่อจริงผมก็ยังไม่มีมายืนยันด้วยซ้ำ แต่หลวงพ่อ เขาก็ไปคุยกับ ผอ.โรงเรียน จนผมได้เข้าเรียน ผมเรียนตั้งแต่ป.1 หลวงพ่อบอกให้ผมตั้งใจเรียนให้สมกับที่หลวงพ่อช่วยให้เข้าเรียนได้นะ ผมเชื่อเลยว่า โลกใบนี้ เขาให้เกียรติอยู่2อย่างที่เขาไม่แบ่งแยกนั้นก็คือ การเรียน กับการรักษา ผมเรียนเหมือนคนไทยทุกอย่าง ไม่มีการสอนน้อยกว่า หรือเยอะกว่า ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ทุกคนให้โอกาสคนแบบผมได้อยู่อย่างมีความสุข พอเวลาผ่านไป จนปิดเทอม ผมสอบได้ที่1 ตั้งแต่ป.1-ป.4 ผมเก่งมากๆจนชาวบ้านมาถามหลวงพ่อว่า สอนคนยังไง ให้เก่งแบบผม ผมรู้สึกดีใจสุดๆเหมือนผมทำให้หลวงพ่อได้ภูมิใจ เหมือนพ่อแท้ๆที่ยิ้มและภูมิใจในตัวลูกยังไงยังงั้น แต่พอขึ้นป.5 ทางกระทรวงเขาห้ามให้เณรเรียนกับ คาราวาส ผมเลยต้องสึกออกมา เรียน จากเป็นเณรสู่เด็กวัด พอผมเป็นคนทั่วไป ก็มีเพื่อนเยอะ เพื่อนพาไปเที่ยวบ้านบ้าง ไปเล่นเกมในร้านเกมบ้าง จนทำให้ผมสอบได้ที่3ที่ ผมรู้สึกว่า โอเคร เราคงโดนหลวงพ่อว่าแน่นอน แต่กลับกัน หลวงพ่อยื้มให้ผม พร้อมบอกว่า เราไม่ใช่คนไทยด้วยซ้ำ ทำได้แค่นี้ก็เก่งสุดแล้ว พอขึ้นป.6 ผมตั้งใจเรียนเหมือนเมื่อก่อน แต่ด้วยที่ผมยังไม่เคยลองอะไร ผมก็ลองมาหมด ไมว่าจะเป็นการหนีเรียน การมีแฟน การแอบไปเล่นเกม ทำการบ้านไม่เสร็จ จนทำให้การเรียนเทอม1 ผมแย่มาก แต่ทุกคนก็ให้กำลังใจ บอกว่า ถ้าลองทุกอย่างหมดแล้ว ก็ควรพอ และตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตของตัวเอง ผมก็เลยเลิกทุกอย่าง แต่ตั้งใจเรียน จนจบป.6 ผมทำคะแนนสอบได้ที่2 ผมรู้สึกว่า ผมเก่งมากๆที่ผ่านมาได้ จะบอกก่อนว่า วัดที่ผมอยู่ เป็นสำนักเรียน คือมีตั้งแต่ป1ถึงม.6 แต่ม.1ถึงม.6เป็นของเณรที่จะเรียนได้ พอผมขึ้นม.1 ผมก็ต้องบวชแล้วก็เรียน และวันนี้ ผมก็อยู่.6เทอม1จะขึ้นเทอม2 ผมได้แอบหนีสึก ไปทำงาน เพราะรู้สึกว่า เพื่อนที่เคยบวชเณรเขาให้ผมไปทำงานกับเขา ผมเลยหนีสึกไปทำงานกับเพื่อน ผมจะบอกก่อนว่า ถึงผมเรียนก็จริง แต่ผมไม่ได้เป็นคนไทย หรือผู้สามารถจะทำไรก็ได้นะ ผมออกไปทำงานกับเพื่อน ทำได้แค่สวน ทำได้ประมาณ6เดือน เพื่อนก็ต้องลาออกไปทำงานที่อื่น สวนผมที่เป็นคนไม่มีอะไรเลย ทำงานอื่นก็คงไม่มีใครรับ เพราะกลัวจะโดนตำรวจจับข้อหาให้แรงการต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย แล้วมีพี่ที่เป็นคนเลยจ้างผมให้ผมไปเป็นลูกน้องเขา เขาให้ที่อยู่ ให้เงินเดือน ให้ข้าวกิน ให้รถขับ แต่ด้วยที่ผมพูดไทยชัด ก็เลยไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นคนกัมพูชา ผมทำงานกับเขาได้3เดือน ผมโดนโกงค่าแรง จะไปแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่คนไทย อีกอย่าง เจ้านายผมก็เป็นคนรู้จักกับตำรวจดี ผมเลยต้องทำใจและออกมาจากงาน ตอนนั้นมืดมนมาก ไม่รู้จะไปไหนเลย ไปบ้านที่เขาเอาผมมาเลี้ยงที่ประเทศ แต่เขากลับบอกว่า ที่นี่ไม่รับคนที่หนีบวชแล้วยังกล้ามาให้เห็นหน้าอีก ตอนนั้นผมงงมาก จะทำยังไงดี เลยบอกคนที่เอามาไทยว่า งั้นผมขอเบอร์หรือที่อยู่บ้านเกิดของผมได้มั้ย เขาบอกว่า ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ไม่รู้จะบอกยังไง ผมฟังแล้ว ผมร้องให้เลย ผมคงคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอแม่ผมแล้วสินะ แต่วันที่แย่ๆก็ยังมีวันที่ดี มีสายนึงเข้ามา บอกให้ผมไปบวชเรียนให้จบม.6 ช่ะ ใช่ครับ นั้นคือสายหลวงพ่อ ผมหนีสึกแบบไม่ได้บอกหลวงพ่อ หนีการเรียน แต่ทุกคนที่เป็นทั้งหลวงพ่อ ทั้งครู เขาก็ยังให้โอกาสผม ผมรู้สึกว่า นี่เราทำอะไรลงไป คนดีๆเขาอยู่ข้างหน้าเราแล้ว แต่เรากลับมองไม่เห็น แล้วผมก็ได้บวชจนเรียน และอาทิตย์หน้า ผมก็จบการศึกษาชั้นม.6แล้ว และหลวงพ่อก็ยังหาวิทยาลัยให้ผมเรียนต่อ ด้วยการส่งผมเรียนฟรี และผมจะบอกทุกคนว่า ทุกคนโชคดีขนาดไหนแล้ว ที่ยังมีอะไรเป็นของตัวเอง ยังมีเวลาทำอะไรที่ผมไม่เคยทำด้วยซ้ำ ดังนั้น ถ้าทุกคนคิดว่าทุกคนโชคร้ายแล้วก็ จงกูผมเป็นตัวอย่าง คนที่ไม่มีแม้แต่หน้าแม่ก็ยังไม่เห็น นับตั้งแต่ พ.ศ 2554-2566 หน้าแม่ก็ยังไม่เคยเห็น รถมอเตอร์เป็นของชื่อตัวเองก็ยังไม่เคยมี บัตรประชาชนที่ทุกคนทำหายเป็นว่าเล่น ผมยังไม่มีวาสนาได้เป็นของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ผมก็คงคิดว่า ถ้าผมเรียนจบมหาวิทยาลัยผมจะเดินเรื่องเป็นคนต่างด้าวให้ถูกวิธีและจะกลับไปหาแม่แท้ๆของให้ได้ ก่อนจะจบการสนทนา ผมจะบอกทุกคนว่า ทุกคนโชคดีมากๆที่ไม่ต้องไปไหนไกลจากพ่อแม่ ไม่ต้องโดนอายเวลาให้เรียนชื่อและถามที่เกิดเวลาเราไปแนะนำตัว ตั้งใจใช้ชีวิตให้คุ้ม เราเกิดมาแล้ว จะไปท้อแค่เรื่องไม่ใช่เรื่องมันก็ไม่ใช่ เราเกิดมาครบ32ประการก็ถือว่า โชคดีสุดๆแล้ว สู้ๆครับทุกคน ผมเป็นกำลังใจให้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่