เรื่องมีอยู่ว่า เรามีพี่น้อง 2 คน เราเป็นน้อง เรียนจบทำงานเป็นพนักงานบริษัทได้หลายปีแล้ว แต่พี่เราเขาเป็นคนเกเรเรียนไม่จบ พี่เราได้ไปสมัครเป็นอาสาทหารพรานก็ทำงานปกติ เราก็ทำงานส่งเงินให้บ้านเดือนละ 8,000-9,000 (ต้องช่วยส่งรถที่ทางบ้านออกมาใหม่) เราก็ส่งให้ทุกเดือนไม่เคยขาดสักเดือนตั้งแต่มีงานทำ จนมาวันนึงพี่เราได้โควต้าติดนายสิบ แต่ก็ต้องใช้เงินเยอะมากๆ ซึ่งตอนนั้นช่วงโควิดสถานการเงินของบ้านก็ไม่ค่อยโอเค แม่จึงเริ่มหยิบยืมคนอื่นมาให้พี่ในการเข้าเป็นนายสิบ และคนแรกๆที่ถูกยืมคือเรา แรกๆเราก็เห็นใจให้ตลอดจนเราไม่มีเงินเก็บเหลือติดบัญชี ถึงขั้นต้องขอเบิกล่วงหน้ามาให้ก่อนแล้วหักจากเงินเดือนเอา จนเราเริ่มมาคิดว่า มันไม่แฟร์กับเรา เราจึงตัดการส่งเงินให้เหลือแค่เดือนละ 3,000-5,000 เพราะเราจะเริ่มเก็บของตัวเองใหม่ จำได้ช่วงนึกเราไม่แม้แต่จะโทรหาเขาเลยเพราะโทรเมื่อไรมีแต่จะขอเงินเราเอาไปให้พี่ เพราะเป็นคนใจอ่อนปฏิเสธเขาไม่ได้เลยเลือกที่จะไม่ยุ่งไม่รับรู้อะไรเลยดีกว่า เราคิดว่าเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับการช่วยเหลือให้ลูกตัวเองได้มีอนาคตแล้ว (เขาเคยบอกว่าเราเรียนจบมีงานทำแล้วเขาหมดห่วง แต่พี่เรายังไม่มีอาชีพมันคงก็เลยต้องช่วยกันต่อไป) เราก็จะส่งให้เท่าที่เราไหว เพราะในอนาคตของเรา เราเองก็ต้องมีครอบครัว มีความรับผิดชอบอื่นๆ ทุกคนคิดว่าเราทำแบบนี้แลัวเราเป็นลูกที่ไม่ดีไหม เพราะจริงๆลึกๆเราก็แอบรู้สึกผิด แต่เราก็นึกว่ามันไม่แฟร์กับเราด้วยเหมือนกัน
ปล.ตอนนี้นายสิบของพี่ยังไม่ได้ติดยศเลย เกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งในหัวเราคิดว่าพี่มันอาจจะหรอกเอาเงินเพราะมันติดพนันออนไลน์ซึ่งเราก็บอกแม่ไปแล้ว เขาก็ไม่เชื่อ อ้อรถใหม่ที่ออกมาพี่เอาไปใช้ประกันขาด แล้วพี่ก็เอาไปชนผ่านมาเกือบ 1 ปียังไม่ได้ซ่อมเลย ตอนนี้ส่งแต่กุญแจ รถใช้งานไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เริ่มเขียน อาจจะดูงงๆ เพราะปกติเป็นคนอ่านอย่างเดียว
เห็นแก่ตัวไปไหม
ปล.ตอนนี้นายสิบของพี่ยังไม่ได้ติดยศเลย เกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งในหัวเราคิดว่าพี่มันอาจจะหรอกเอาเงินเพราะมันติดพนันออนไลน์ซึ่งเราก็บอกแม่ไปแล้ว เขาก็ไม่เชื่อ อ้อรถใหม่ที่ออกมาพี่เอาไปใช้ประกันขาด แล้วพี่ก็เอาไปชนผ่านมาเกือบ 1 ปียังไม่ได้ซ่อมเลย ตอนนี้ส่งแต่กุญแจ รถใช้งานไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เริ่มเขียน อาจจะดูงงๆ เพราะปกติเป็นคนอ่านอย่างเดียว