นิมิต ที่เราเห็นจากความฝันเรื่องนี้ของเรา เกี่ยวกับองค์หลวงปู่ทวดค่ะ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ในฝันนั้น เรากำลังพาลูกๆของเราขึ้นรถสองแถวไปเที่ยวทะเลกัน
รถที่นั่งไปก็ขับบนถนนเลียบทะเลไปตลอดทาง แต่พอนั่งรถไปถึงจุดๆนึงเราก็มองเห็น องค์หลวงปู่ทวดที่มีนาคปรกองค์สีดำ องค์ใหญ่มากตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาหันหน้าออกไปยังทะเล
แต่พอถึงจุดนั้น รถที่เรานั่งไปกลับหักเลี้ยวกลับเสียเฉยๆไม่ยอมขับไปต่อเพื่อผ่านทางนั้น ทำให้เราเองที่อยู่ในฝันรู้สึกงุนงง สงสัยอย่างมาก
พอเราตื่นขึ้นมาเราก็พยายามค้นหา วัดที่เราเห็นในฝัน ที่มีหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่มีนาคปรก และหันหน้าออกทะเล แต่เราก็ไม่เจอวัดไหนที่มีหลวงปู่ทวดสีดำองค์ใหญ่ที่มีนาคปรก และหันหน้าออกทะเลเลย
เราจึงมาทบทวน นิมิต ที่เราเห็นในฝันอีกครั้ง เส้นทางที่เรานั่งรถไปในฝัน ทะเลอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เราจึงลองเปิด Google maps ดูเส้นทางถนนที่เลียบทะเล และค้นหาวัดที่ใกล้ทะเล และมีทะเลอยู่ฝั่งซ้ายมือ
เราก็หาอยู่ไม่นาน เราก็เจอวัดที่อยู่บนเส้นทางที่ไปสงขลา และวัดที่เราหาเจอ คือวัดที่อยู่บนเขา หันหน้าออกทะเลและเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เราเห็นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีดำมีนาคปรกตั้งอยู่ตรงนั้นในฝัน นั่นคือ วัดพะโค๊ะ
แต่ในฝันเราตำแหน่งตรงนั้นเป็นองค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีดำมีนาคปรก แทนที่จะเป็นแค่วัดธรรมดาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันตอนนี้ และที่แปลกไปกว่านั้นคือ วัดพะโค๊ะที่อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ก็เป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวดโดยตรงเลย
ซึ่งเราไม่เคยไป และไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัดนี้อยู่ที่ไหน อยู่ตรงไหน เราเพิ่งจะมารู้ตอนเราเห็น นิมิต องค์หลวงปู่ทวดนี่แหละจึงได้รู้ว่า วัดพะโค๊ะอยู่ตำแหน่งตรงนั้น และใน นิมิต เราที่เราเห็นอีกอย่างที่ต่างกันคือ
องค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีดำมีนาคปรกที่ตั้งอยู่บนภูเขาหันหน้าออกทะเลตรงนั้น อยู่ใกล้กับทะเลมาก ไม่ได้ห่างไกลจากทะเลเหมือนตำแหน่งของวัดพะโค๊ะที่อยู่ในปัจจุบันนี้
เมื่อเล่าถึงเรื่องหลวงปู่ทวดแล้ว เราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับองค์หลวงปู่ทวดอยู่นอกเหนือจากการเห็น นิมิต ของเราในครั้งนี้ คือ เราจะรักษาองค์หลวงปู่ทวดไม่ได้เลย ท่านไม่เคยอยู่กับเราเลย หายตลอด มีกี่องค์ กี่องค์ ไม่ว่าเราจะได้มาจากไหน ก็หายหมด
ตั้งแต่เด็กมาย่าเราเคยให้หลวงปู่ทวดเราหลายองค์มาก แต่เราก็ทำหายตลอด หายหมด ไม่รู้ว่าหายไปไหน เราจะโดนย่าดุตลอด ว่าไม่รักษาของ ซึ่งเราก็บอกแกว่าเราก็รักษาแล้ว และไม่ได้ไปทำหล่นทำหายที่ไหนเลย
บางทีก็วางไว้ตรงหัวนอน พกติดตัวไปบ้าง แต่ก็หายตลอด แล้วก็หาไม่เคยเจอ พอโตมาก็มีจับของขวัญปีใหม่ได้มาจากที่ทำงาน ก็หายอีก หายแบบไร้ร่องรอย เราเลยคิดว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว ท่านคงไม่อยากอยู่กับเรา
หลังๆมาเวลาพระอาจารย์เราจะให้ของดี ถ้าเป็นหลวงปู่ทวดเราจะไม่รับมาบูชา เพราะเรารู้ว่าเราจะทำหายอีก เราจึงบอกให้ท่านเก็บไว้ให้คนอื่นแทน
หลังจากที่เราเห็น นิมิต องค์หลวงปู่ทวดในครั้งนั้น ทำให้เราจำได้ถึงเรื่องราวที่เราเคยเห็น นิมิต ตอนเป็นเด็กเรื่องนึง เราเคยเห็นตัวเองบวชเป็นแม่ชี จำวัดอยู่ที่กุฏิที่อยู่ใกล้ทะเล นั่นเป็นอีกสาเหตุนึงที่ตอนเป็นเด็กเราเคยขอย่าเราบวชชีตามย่าชีของเราที่เป็นน้องสาวของแก
ทำให้ย่าดุเราบ่อยๆทุกครั้งที่เราพูดเรื่องขอบวชชี แต่เหมือนย่าชีเราจะรู้เรื่องนี้ แกจึงบอกกับย่าเราว่าให้ระวังว่าเราจะเดินทางสายนี้ เพราะดวงเรามันไปทางนั้นอยู่แล้ว
เราจึงคิดว่า นิมิต ที่เราเห็นว่าเราเคยบวชชีและจำวัดอยู่ที่กุฏิใกล้ทะเลในวัยเด็กนั้น น่าจะเป็นวัดพะโค๊ะ ที่เราเห็นใน นิมิต นี้ของเรา เพราะสถานที่ติดทะเล ใกล้ทะเลเหมือนกัน
แต่มันก็เป็นแค่ความน่าจะเป็นไปได้เฉยๆ เราเองก็ไม่รู้ และพิสูจน์ไม่ได้ ว่ามันจะเป็นสถานที่เดียวกันและเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือไม่
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 27
รถที่นั่งไปก็ขับบนถนนเลียบทะเลไปตลอดทาง แต่พอนั่งรถไปถึงจุดๆนึงเราก็มองเห็น องค์หลวงปู่ทวดที่มีนาคปรกองค์สีดำ องค์ใหญ่มากตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาหันหน้าออกไปยังทะเล
แต่พอถึงจุดนั้น รถที่เรานั่งไปกลับหักเลี้ยวกลับเสียเฉยๆไม่ยอมขับไปต่อเพื่อผ่านทางนั้น ทำให้เราเองที่อยู่ในฝันรู้สึกงุนงง สงสัยอย่างมาก
พอเราตื่นขึ้นมาเราก็พยายามค้นหา วัดที่เราเห็นในฝัน ที่มีหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่มีนาคปรก และหันหน้าออกทะเล แต่เราก็ไม่เจอวัดไหนที่มีหลวงปู่ทวดสีดำองค์ใหญ่ที่มีนาคปรก และหันหน้าออกทะเลเลย
เราจึงมาทบทวน นิมิต ที่เราเห็นในฝันอีกครั้ง เส้นทางที่เรานั่งรถไปในฝัน ทะเลอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เราจึงลองเปิด Google maps ดูเส้นทางถนนที่เลียบทะเล และค้นหาวัดที่ใกล้ทะเล และมีทะเลอยู่ฝั่งซ้ายมือ
เราก็หาอยู่ไม่นาน เราก็เจอวัดที่อยู่บนเส้นทางที่ไปสงขลา และวัดที่เราหาเจอ คือวัดที่อยู่บนเขา หันหน้าออกทะเลและเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่เราเห็นหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีดำมีนาคปรกตั้งอยู่ตรงนั้นในฝัน นั่นคือ วัดพะโค๊ะ
แต่ในฝันเราตำแหน่งตรงนั้นเป็นองค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีดำมีนาคปรก แทนที่จะเป็นแค่วัดธรรมดาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันตอนนี้ และที่แปลกไปกว่านั้นคือ วัดพะโค๊ะที่อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ก็เป็นวัดที่มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวดโดยตรงเลย
ซึ่งเราไม่เคยไป และไม่เคยรู้มาก่อนว่าวัดนี้อยู่ที่ไหน อยู่ตรงไหน เราเพิ่งจะมารู้ตอนเราเห็น นิมิต องค์หลวงปู่ทวดนี่แหละจึงได้รู้ว่า วัดพะโค๊ะอยู่ตำแหน่งตรงนั้น และใน นิมิต เราที่เราเห็นอีกอย่างที่ต่างกันคือ
องค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีดำมีนาคปรกที่ตั้งอยู่บนภูเขาหันหน้าออกทะเลตรงนั้น อยู่ใกล้กับทะเลมาก ไม่ได้ห่างไกลจากทะเลเหมือนตำแหน่งของวัดพะโค๊ะที่อยู่ในปัจจุบันนี้
เมื่อเล่าถึงเรื่องหลวงปู่ทวดแล้ว เราก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับองค์หลวงปู่ทวดอยู่นอกเหนือจากการเห็น นิมิต ของเราในครั้งนี้ คือ เราจะรักษาองค์หลวงปู่ทวดไม่ได้เลย ท่านไม่เคยอยู่กับเราเลย หายตลอด มีกี่องค์ กี่องค์ ไม่ว่าเราจะได้มาจากไหน ก็หายหมด
ตั้งแต่เด็กมาย่าเราเคยให้หลวงปู่ทวดเราหลายองค์มาก แต่เราก็ทำหายตลอด หายหมด ไม่รู้ว่าหายไปไหน เราจะโดนย่าดุตลอด ว่าไม่รักษาของ ซึ่งเราก็บอกแกว่าเราก็รักษาแล้ว และไม่ได้ไปทำหล่นทำหายที่ไหนเลย
บางทีก็วางไว้ตรงหัวนอน พกติดตัวไปบ้าง แต่ก็หายตลอด แล้วก็หาไม่เคยเจอ พอโตมาก็มีจับของขวัญปีใหม่ได้มาจากที่ทำงาน ก็หายอีก หายแบบไร้ร่องรอย เราเลยคิดว่ามันไม่ธรรมดาแล้ว ท่านคงไม่อยากอยู่กับเรา
หลังๆมาเวลาพระอาจารย์เราจะให้ของดี ถ้าเป็นหลวงปู่ทวดเราจะไม่รับมาบูชา เพราะเรารู้ว่าเราจะทำหายอีก เราจึงบอกให้ท่านเก็บไว้ให้คนอื่นแทน
หลังจากที่เราเห็น นิมิต องค์หลวงปู่ทวดในครั้งนั้น ทำให้เราจำได้ถึงเรื่องราวที่เราเคยเห็น นิมิต ตอนเป็นเด็กเรื่องนึง เราเคยเห็นตัวเองบวชเป็นแม่ชี จำวัดอยู่ที่กุฏิที่อยู่ใกล้ทะเล นั่นเป็นอีกสาเหตุนึงที่ตอนเป็นเด็กเราเคยขอย่าเราบวชชีตามย่าชีของเราที่เป็นน้องสาวของแก
ทำให้ย่าดุเราบ่อยๆทุกครั้งที่เราพูดเรื่องขอบวชชี แต่เหมือนย่าชีเราจะรู้เรื่องนี้ แกจึงบอกกับย่าเราว่าให้ระวังว่าเราจะเดินทางสายนี้ เพราะดวงเรามันไปทางนั้นอยู่แล้ว
เราจึงคิดว่า นิมิต ที่เราเห็นว่าเราเคยบวชชีและจำวัดอยู่ที่กุฏิใกล้ทะเลในวัยเด็กนั้น น่าจะเป็นวัดพะโค๊ะ ที่เราเห็นใน นิมิต นี้ของเรา เพราะสถานที่ติดทะเล ใกล้ทะเลเหมือนกัน
แต่มันก็เป็นแค่ความน่าจะเป็นไปได้เฉยๆ เราเองก็ไม่รู้ และพิสูจน์ไม่ได้ ว่ามันจะเป็นสถานที่เดียวกันและเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือไม่