เป็นเด็กฝึกงานต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆหรอ

เราโดนพี่ที่ฝึกงานด่า ดูถูก ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขึ้นกู ขว้างปา หรือหยิบจับสิ่งของแบบกระแทกใส่ค่ะ เป็นพฤติกรรมที่น่ากลัวและเสียการควบคุมอารมณ์มากค่ะ
สาเหตุเนื่องมาจากเราโดนเขาด่าในสิ่งที่เราไม่ผิดค่ะ เราเลยตอบเขาไปเดี๋ยวนั้นเลย (เจตนาเราเพียงแต่ต้องการชี้แจงค่ะว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากอะไร) พี่เขาไม่รับฟังค่ะ มองว่าเราเถียง ต่อต้าน เสียงแข็งใส่เขา (โดยปกติแล้วเขาเป็นบุคคลที่น่ากลัวต่อเด็กฝึกงานค่ะ พูดจาห้วนไม่ว่าจะกับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือเด็กฝึกงาน โดยเฉพาะเด็กฝึกงานจะโดนเขาเอ็ดตลอด เพื่อนๆที่โดนก็จะเงียบตลอด แต่กับเราไม่ใช่ค่ะ ด้วยความที่เราดูไม่กลัวเขาเหมือนเด็กคนอื่นๆ) เขาเลยอาจมองว่าเราอวดดีค่ะ เขาบอกว่าเราคิดว่าเราทำงานเก่งแล้วจะอวดดีใส่เขา  "คิดว่าเก่งดี แรงกว่ากูหรอเดี๋ยวเจอกู"

ตอนนั้นเราเลือกที่จะยกมือไหว้ขอโทษเขาเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ ขอให้เขาใจเย็นลง พร้อมกับอธิบายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมาจากอะไร เจตนาที่เราสื่อสารออกไปเพราะอะไร แต่เขาไม่รับฟังค่ะ เขาโกรธเราจนตัวสั่น ยังคงด่าเราด้วยคำหยาบคาย ซึ่งแสดงถึงอีโก้ของเขาได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ เราจึงเลือกที่จะรับฟังนิ่งๆปล่อยเขาด่าไปพร้อมกับขอโทษเขาอีกรอบ เราไม่อธิบายอะไรอีกแล้วค่ะ แล้วเขาก็ปิดประตูใส่หน้า แยกย้ายกันไป

ส่วนตัวเราทำงานค่อนข้างจะไม่พลาดเลยค่ะ เพราะคนที่สอนงานเราก็คือเขาเอง ต้องยกเครดิตให้เขาค่ะ เขาเป็นคนที่ทำงานไม่พลาดค่ะ เข้ามาฝึกงานตอนแรกเราเลือกจะเรียนรู้งานกับเขาเลยค่ะ ถึงจะรู้ว่าเขาโหดเราก็เลือกจะไม่กลัวค่ะ ทำให้เราค่อนข้างกล้าพูดกับเขามากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ เพราะเราถือว่าเรามาเรียนรู้งานจากเขา ไม่ว่าเจออะไรก็ต้องรับฟัง ปรับปรุง จนทำให้เรากลายเป็นคนทำงานคล่องและเคารพเขามากๆ แต่เขาค่อนข้างมีอีโก้สูงค่ะ เขาเอ็ดทุกคนทำที่งานไม่ได้ดั่งใจเขาค่ะ ใช้คำว่าด่าแหลก ด่ายันเพื่อนร่วมงานกันเอง ยิ่งกับน้องฝึกงานยิ่งแล้วใหญ่ 

ซึ่งมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...
เขาคงเกลียดเราไปแล้วค่ะ หน้าที่เราคือการคอยช่วยเหลืองานพี่ๆในบริษัท แต่ตอนนี้พี่เขาเอาหน้าที่เราไปทำเองหมดเลยค่ะ ไม่คุยกับเราอีกแล้ว ซึ่งเราแอบน้อยใจ เสียดายความสัมพันธ์และความเคารพที่เรามีต่อเขามากๆ เราทำงานกันเป็นทีมจะให้เรายืนนิ่ง ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิม เราก็รู้สึกแย่ค่ะ 

- ใจนึงเราก็อยากไปขอโทษเขาอีกรอบค่ะ เพราะเราเป็นแค่เด็กฝึกงาน ไม่ว่าเจตนาของเราจะดีหรือไม่ดี แต่ในเมื่อเขาเข้าใจผิดไปแล้ว เด็กฝึกงานยังไงก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน ถ้าปล่อยเบลอเราอาจจะกลายเป็นเด็กก้าวร้าวในสายตาเขาไปจริงๆ เรายังอยากแก้ต่าง อยากให้เราและเขาเข้าใจกัน แต่ถ้าขอโทษแล้วเขายังตึงใส่จะถือว่านั้นเป็นปัญหาของเขาแล้วค่ะ เราจะขอโทษเพื่อความสบายใจทั้งเขาและเรา เผื่อจะได้กลับมาดีกันเหมือนเดิม(20%)
-อีกใจนึงไม่อยากไปขอโทษเขาอีกแล้วค่ะ เพราะ คำดูถูก คำด่าหยาบคาย รวมถึงพฤติกรรมที่เขาแสดงออกในวันนั้น ทำให้เราหมดความเคารพ ไม่อยากยุ่งกับเขาอีกต่อไปเลย ถือว่าเราขอโทษไปแล้ว(Ego) เทียบกับสิ่งที่เราเจอเราควรพอได้แล้ว หลังจากนี้จะใช้คำว่าอดทนๆๆ แบบที่คนอื่นเขาทำกัน เราไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของเขา เราก็ลูกมีพ่อมีแม่ เพื่อนเราโดนเขาวีนใส่บ่อยมาก บางคนถึงกับขอลางานเพียงเพราะกลัวไม่กล้าทำงานร่วมกับเขาเลยก็มี

ถ้าเป็นเพื่อนๆเจอเรื่องแบบนี้จะตัดสินใจกันยังไงคะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ อาจารย์เราจะสอนเรื่องของการปรับตัวเสมอ อะไรที่ไม่ชอบมองก็มองให้กลายเป็นชอบให้ได้ ให้ปรับMindset ตัวเอง แต่ตอนนี้เราตัดสินใจไม่ถูกเลยค่ะว่าต้องเลือกแบบไหน 

ปล. 1.เราไม่ต้องการแจ้งหัวหน้างานที่รับเราเข้าฝึกงานทราบค่ะ เราไม่รู้ว่าพี่หัวหน้างานรับรู้ถึงพฤติกรรมของพนักงานคนนี้ที่มีต่อเด็กฝึกงานหรือเปล่า แต่เราไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะจบฝึกงานแล้วค่ะ
2. พี่คนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นผ่าน/ไม่ผ่าน ฝึกงานค่ะ
3. เราเข้าใจค่ะว่ามันมีเรื่องของวัฒนธรรมในองค์กรร่วมด้วย แต่ไม่ใช่แค่เด็กฝึกงาน จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่ควรเจอ หรือแสดงพฤติกรรมที่แย่แบบนี้ไม่ใช่หรอ เราควรมองว่ามันเป็นเรื่องปกติจริงๆหรอคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่