เพื่อนสามี

สวัสดีค่ะทุกคน พอดีเรามีเพื่อนสามีมาพักที่บ้านด้วยนะค่ะ เพื่อนเขาเป็นผู้ชายนะคะ เรารู้จักเขาในฐานะเพื่อนสนิทสามี แต่เราไม่ได้สนิทกะเขานะคะ เพราะเราเจอเขาเป็นครั้งคราวเวลาที่เขากลับมาจาก  กทม. แต่สามีเราและเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียน ปวส. ด้วยกัน เราก็ไม่รู้ว่าสามีและเพื่อนเขามีการช่วยเหลือเกื้อกูลหรือบุญคุณอะไรกันมาก่อนหน้านี้หรอกนะคะ แต่ตอนนี้เขาได้มาขอพักชั่วคราวที่บ้านเรา แต่ชั่วคราวที่ว่านี้ไม่รู้นานแค่ไหน เพื่อนคนนี้ถามว่ามีพิษภัยอะไรไหม เรามั่นนะว่าไม่มีจากการที่เราได้สัมผัส ก็มีแต่คนอื่นทำพิษทำภัยกะเขา  จนมานี้ เราก็ถามสามีว่าเขามาทำไรนานจัง ตอนแรกบอกสัมภาษณ์งาน พักไปสองวัน บอกว่าทำงานเรานี้งง ไปหมด เราก็ถามสามีต่อว่าสรุปไม่กลับ กทม.แล้วใช่ไหม มาทำงานที่นี้แล้วเหรอ แล้วทำงานอะไร แฟนบอกว่าขายประกัน แล้วนี้แบบคิดในใจเลยนะแล้วทำไมไม่หาที่อยู่หรือห้องเช้าละงง จนได้มานั่งคุยกัน สรุปมาเธอตกงานมาไม่มีเงินเลย เขาบอกว่าถ้าได้เงินที่เขาทำงานก็พอจะได้ขยับขยายตัวเอง เราก็อึ้งไปนิดนึงค่ะ เราก็ถามต่อว่าแล้วเขาให้เป็นเดือนเหรอหรือยังไง เขาบอกว่าน่าจะต้องหาลูกให้ก่อน ประมาณนี้ เรานี้แบบ OMG เลย ++ อันนี้เราไม่ได้ดูถูกเขานะคะแต่การขายประกันนะมันไม่ง่ายต้องอาศัยการพูดเป็นหลักเลยแล้วอีกอย่างเธอไม่ได้มีงานประจำทำแล้วจะออกไปหาลูกค้าแต่ละครั้งเนี่ยมันต้องมีค่าใช้จ่ายตลอดแล้วจะไปหายังไง เราเลยแนะนำเขาไปว่าตอนนี้อายุก็ปา 37 แล้ว เราจะมาเอาเวลาไปเดินเล่นแบบนี้ทำไมหางานอะไรก็ได้ทำไปก่อนไม่ดีเหรอหาลูกค้าไม่ใช่ง่ายๆนะ งานในขอนแก่นก็มีเยอะอยู่ได้เดือนละ 8000-9000 ก็ทำไปก่อนดีกว่าทำไปสัก 6 เดือนค่อยลองมาสอบหางานในมหาลัยขอนแก่นดีไหมไม่ลองไม่รู้นะเราบอก แต่ เขาก็เป้นคนค่อนมีความคิดสุดโด่งอยู่นะคะ บอกเราว่าเขาทะประกันเพราะเขาอยากได้ประสบการณ์การขายการตลาดอะไรแบบนี้ ในใจเราจะมาหาประสบการณ์อะไรตอนนี้ มันคือภาวะวิกฤตสำหรับตัวเขานะ ต้องหาเงินหางานให้ได้ก่อนไหม งงมาก คือ ไม่รู้ว่าในใจเขามีปัญหาอะไรนะคะ เราก็บอกให้แฟนเราไปถามเขาคือเหมือนกะเขามีความคิดแบบยังไงไม่รู้ คือช่วงนี้เขาตกงานนะคะก็เลยมาหางานทำที่ขอนแก่น ก่อนหน้านี้ทำงานที่ กทม. ตอนทำงานที่ กทม.งานก็ดูโอเคนะคะ พอเก็บเงินได้บ้าง แต่ด้วยความที่เขา ไม่มีแฟนตัวคนเดียวไม่ค่อยสนิทกะใคร เลยโดนเพื่อนร่วมงานหรอกเอาให้ลงทุนจนเงินหมด เพื่อนที่ทำงานก็ยืมเงินแล้วไม่ยอมคืน พอทวงก็ข่มขู่ เธอเลยปล่อยเลยตามเลยจนตัวเองลำบาก เปลี่ยนงานหนีสุดท้ายมาติดช่วงโควิดก็ดันตกลงงานจนไปอาศัยอยู่กับญาติของเขาคนหนึ่งที่ กทม. ญาติเขาทำร้านอาหารนะค่ะ ญาติเห็นว่าตกงานเลยให้อยู่อาศัยด้วยให้ข้าวให้น้ำแต่ไม่ให้เงินเดือน แต่ก็ต้องทำงานร้านอาหารตั้งแต่ 8.30 น.- 20.00 น. ให้ญาติเพื่อแลกที่อยู่ข้าวน้ำ ดูท่าน่าจะไม่ไหวเพราะเงินก็ไม่มีอยู่แบบนี้คงไม่รอดเธอเลยออกมาจากร้านมาขอนแก่นเพื่อมาหางานทำ จริงๆ เขามีญาติที่ขอนแก่นนะคะ แต่ไม่ได้สนิทกะญาติเท่าไหร่ บ้านที่เขาเคยอาศัยก่อนจะไปทำงาน กทม. ก็โดนตัดไฟไปนานแล้ว เหลือแค่ตัวบ้านสมัยเด็กเขาเติมโตมากะย่าเนื่องจากพ่อแม่เลิกกันต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ทิ้งเธอไว้กะย่าย่าน่าจะเป็นส่งเสียเรียนจนจบ ป. ตรี แล้วเธอก็ทำงานได้สักพักเพื่อเลี้ยงย่าแล้วก็จะมีช่วงที่เขาไปบวช 8 เดือนแล้วญาติฝั่งย่ามาเอาย่าไปเลี้ยง ช่วงที่บวชย่าเสีย เธอเลยเหมือนตัวคนเดียวมาตลอดพอศึกมาเลยไปทำงาน กทม. อยู่หลายปี จนมาตกงานนี้ละค่ะ เลยจะกลับมาขอนแก่นจริงๆแล้วสามีเราเคยบอกให้กลับมาทำที่ขอนแก่นหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้กลับ เพราะเขาบอกว่าอยากหาประสบการณ์ที่ กทม. ก่อน ***อันนี้สามีเล่าให้ฟัง*** สุดท้ายโดยหรอกโดนต้มหมดตัวจริงๆ เลยกลับมาบ้านมาขอพักชั่วคราวกะเราตอนแรกเราก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะก็เคยมาพักอยู่แต่ปีละ 1 วัน แล้วเขาก็ไปหาคนรู้จักเขาที่ไหนไม่รู้ แล้วเขาก็กลับ กทม. ไป หลังจากที่นั่งคุยกะเขาไปฟังเหตุการณ์จากสามีก่อนหน้านั้น เราก็มาคุยกะสามีสองคนว่า ให้พักอาศัยชั่วคราวได้นะเธอ นานมากก็ไม่โอเคนะ คือไงละ ตัวเราเองก็ไม่ได้มั่งมีอะไรเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน หาเดือนชนเดือนเหมือนกัน เราเข้าใจนะว่าหนีร้อนมาพึ่งเย็นแต่บางทีมันอยู่บ้านเดียวกันอะเนาะคนอื่นมาอยู่เวลาเราจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำอะไรแบบนี้ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่บ้านนอกคือมันมีห้องน้ำห้องเดียวอีกอย่างเรามีลูก 2 คนค่ะที่ต้องดูแล พอเราเสนองานให้ก็ไม่อยากจะทำงานอย่างนั้น เหมือนว่าจบ สูงมาแล้วก็ไม่อยากทำงานได้เงินหรือเปล่าไม่แน่ใจ คือไม่รู้เขาคิดอะไรจริงๆอะคะ ถามก็เหมือนตอบไม่หมด มีอะในใจตลอดเวลา จะบอกว่าซึมเศร้าก็ไม่เคยเห็นเขาเคยคิดฆ่าตัวตายหรือหมกตัวคนเดียวเท่าไหร่นะคะ แค่สงสารคนง่ายไปพอคุยสามีมากไปก็จะกลายเป็นทพเลาะกะสามีเอง สามีก็บอกเราแค่ว่าอย่าเพิ่งกดดันเขา เราก็เลยพูดกะสามีไปว่า บ้านก็บ้านฉันสรุปฉันต้องเป็นคนเกรงใจเขาใช่ไหม จริงๆถ้าเขาไม่ได้เลือกงานนะ เราจะช่วยเขาหางานให้ หาทางออกช่วยเขาอยู่นะคะ ไม่ใช่ว่าเราจะผลักเขาทิ้งเฉยๆ เอาจริงๆนะคะ แค่ลูกๆ กะสามี ความรับผิดชอบในบ้านเราก็จะแย่อยู่แล้วนี้ + เพื่อนมาอีก ปัญหาคือ ตอนเช้าเราต้องรอเข้าห้องน้ำกว่าจะได้ไปทำงานนะ ตอนเย็นเขาก็ต้องให้สามีไปรับกลับมาบ้านก็ผู้ชายอะนะคะเวลาทานข้านหรือกินอะไรมันก็มักจะไม่เก็บ เราทำงานมาก็เหนื่อยเหมือนกัน ต้องมาคอยเก็บนั้นนี่ก็ไม่ไหวนะคะทุกการอยู่อาศัยมันต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เรารู้แหละว่าเขาไม่มีเงิน คือเราไม่เก็บกะเขาแน่ๆ สามีเราอะใจดีค่ะมากด้วย จนบางที่เราโมโหให้ความใจดีของสามี มันเยอะจนเกินไปคนอื่นไม่มีความเกรงใจอะไรเลย พอเราหงุดหงิดก็ว่าเรา พอเราใจหน่อยคนอื่นก็ได้ใจ จะบอกให้ไปก็สงสารไม่รู้จะทำไงก็ได้แค่ระบาย ตอนนี้คุยกะสามีเราว่าจะให้เขาไปบ้านกะบ้านแม่สามีก่อนเพราะเขารู้จักกัน แล้วค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้เหมือนมีลูกอีกคนแล้วคะ ไม่รู้ว่าตัวเองใจร้ายไปไหมนะเฮ้อ ใครพอมีวิธีแนะ  แนะได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่