เราปีนี้ อายุ39ปี แล้ว มีแฟนเป็นเพศเดียวกัน พื้นฐานทางบ้านเรากับแฟน คล้ายกันทุกอย่าง
ไม่ต้องมีการปรับตัว ทำให้เราไปๆมาๆระหว่างบ้านแฟน กับบ้านเรา เนื่องจากอยู่คนละจังหวัด
เวลาไปอยู่จะอยู่เป็นเดือน แล้วค่อยกลับ มาอยู่บ้านตัวเองอีกเป็นเดือน ทุกอย่างดูไม่มีปัญหา
ถึงเราสองคนไม่ได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง ว่าคบหากันแบบคู่ชีวิต แต่ด้วยความที่พ่อแม่
ฝั่งแฟนดูแลเราเหมือนลูกอีกคน เลยไม่รู้จะบอกทำไม ให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ส่วนฝั่งพ่อแม่เราก็ดูไม่เคยพูดอะไร เอ็นดูแฟนเราเหมือนกัน เพราะเรานิสัยคล้ายๆกัน
แต่แฟนจะมาบ้านเราน้อยกว่า เพราะเค้าทำงานประจำ มาอยู่เป็นเดือนๆ
แบบเราไปบ้านเค้าไม่ได้ เราทำงานอิสระ ไปอยู่ตรงไหนก็ได้
เราเลยต้องเป็นฝ่ายไปบ้านแฟน เป็นเวลานานๆแทน
และปลายปีนี้จะย้ายเข้าคอนโดที่จองไว้ด้วยกัน
แต่มาวันนี้รู้สึกสับสนมาก....
คือแม่เค้ามีความเข้าใจว่าเราเรียกเค้าห่างเหิน แต่เรียกแม่คนอื่นซะสนิทสนมเลย
ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าแม่น้อยใจเบอร์นี้ เค้าบอก เค้านอนร้องไห้ บางคืนที่ ตื่นมา
แล้วรู้ว่าตัวเองอยู่บ้านคนเดียว แต่เราดันเข้าใจว่าเค้า ไม่เหงา
เพราะ พ่อกับน้องชาย จะอยู่ด้วยกันอีกจังหวัด แต่ขับกลับมานอนบ้านที่จังหวัด
ที่แม่อยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์ และในจังหวัด ที่แม่อยู่ ก็มีอาอี๊ อาม่า ญาติเยอะ
แถมมีน้องชายอีกคนที่เรียนอยู่อีกจังหวัด แม่ก็ต้องขับรถไปหาน้องทุกวันอาทิตย์
ก็เลยเข้าใจว่าเค้าชอบแบบนี้ ไม่มีเราก็ได้ แม่บอกว่า จริงๆก็ทำใจได้
เพราะพ่อบอกว่า ลูกโตแล้ว ให้เค้ามีชีวิตของตัวเอง
เราฟังแล้ว รู้สึกตามพ่อพูดนะ เรารู้สึกอยากมีชีวิตของตัวเองจริงๆ
แต่พอแม่มาบอกความในใจแบบนี้ เรารู้สึกหดหู่มาก ใจนึงก็รู้ว่าแม่แค่น้อยใจ
ลึกๆเค้าไม่เคยคิดรั้งเราไว้ เค้าตามใจเราถ้าเราอยากจะอยู่ที่ไหน แต่อีกใจ
ก็รู้นะว่าเค้า ต้องการเรา ถึงปากเค้าจะบอกว่าอยากอยู่กับลูกชาย
แต่เค้า ก็เหมือนอยากมีเราอยู่ด้วย ทำให้เรา งง เลย ว่าจะจัดการเวลายังไง
ตอนแรกวางแผนว่า.....
หลังคอนโดเสร็จสิ้นปีนี้ จะย้ายเข้าไปอยู่ต้นปีหน้า
คราวนี้จะอยู่ยาวเลย ขี้เกียจไปมาแล้ว แล้วจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่
ช่วงเทศกาลแทน หรือ อาจจะไปๆมาเหมือนเดิม แต่พอได้รู้ความในใจ
ของแม่วันนี้ บอกเลยว่ามืดแปดด้าน เล่าให้แฟนฟัง เค้าบอกให้รอแม่
หายน้อยใจก่อน ค่อยๆดู อย่าเพิ่งรีบตัดสินอะไร ค่อยเป็นค่อยไป
มีจังหวะทำอะไรที่ควรทำได้ก็ค่อยทำ ยังทำไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งทำ
เพื่อนๆพอจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมไหมคะ หลังจากที่อ่านคร่าวๆ
ขอเป็นไอเดียทีนะคะ ไม่ต้องเป็นวิธีปฏิบัติก็ได้ เป็นวิธีคิดก็ได้ค่ะ
ขอบคุณนะคะ^^
แม่อยากให้อยู่ด้วยกับแม่ที่บ้าน แต่เราอยากแยกออกไปอยู่เองกับแฟน(ผู้หญิงด้วยกัน)
ไม่ต้องมีการปรับตัว ทำให้เราไปๆมาๆระหว่างบ้านแฟน กับบ้านเรา เนื่องจากอยู่คนละจังหวัด
เวลาไปอยู่จะอยู่เป็นเดือน แล้วค่อยกลับ มาอยู่บ้านตัวเองอีกเป็นเดือน ทุกอย่างดูไม่มีปัญหา
ถึงเราสองคนไม่ได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง ว่าคบหากันแบบคู่ชีวิต แต่ด้วยความที่พ่อแม่
ฝั่งแฟนดูแลเราเหมือนลูกอีกคน เลยไม่รู้จะบอกทำไม ให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ส่วนฝั่งพ่อแม่เราก็ดูไม่เคยพูดอะไร เอ็นดูแฟนเราเหมือนกัน เพราะเรานิสัยคล้ายๆกัน
แต่แฟนจะมาบ้านเราน้อยกว่า เพราะเค้าทำงานประจำ มาอยู่เป็นเดือนๆ
แบบเราไปบ้านเค้าไม่ได้ เราทำงานอิสระ ไปอยู่ตรงไหนก็ได้
เราเลยต้องเป็นฝ่ายไปบ้านแฟน เป็นเวลานานๆแทน
และปลายปีนี้จะย้ายเข้าคอนโดที่จองไว้ด้วยกัน
แต่มาวันนี้รู้สึกสับสนมาก....
คือแม่เค้ามีความเข้าใจว่าเราเรียกเค้าห่างเหิน แต่เรียกแม่คนอื่นซะสนิทสนมเลย
ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าแม่น้อยใจเบอร์นี้ เค้าบอก เค้านอนร้องไห้ บางคืนที่ ตื่นมา
แล้วรู้ว่าตัวเองอยู่บ้านคนเดียว แต่เราดันเข้าใจว่าเค้า ไม่เหงา
เพราะ พ่อกับน้องชาย จะอยู่ด้วยกันอีกจังหวัด แต่ขับกลับมานอนบ้านที่จังหวัด
ที่แม่อยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์ และในจังหวัด ที่แม่อยู่ ก็มีอาอี๊ อาม่า ญาติเยอะ
แถมมีน้องชายอีกคนที่เรียนอยู่อีกจังหวัด แม่ก็ต้องขับรถไปหาน้องทุกวันอาทิตย์
ก็เลยเข้าใจว่าเค้าชอบแบบนี้ ไม่มีเราก็ได้ แม่บอกว่า จริงๆก็ทำใจได้
เพราะพ่อบอกว่า ลูกโตแล้ว ให้เค้ามีชีวิตของตัวเอง
เราฟังแล้ว รู้สึกตามพ่อพูดนะ เรารู้สึกอยากมีชีวิตของตัวเองจริงๆ
แต่พอแม่มาบอกความในใจแบบนี้ เรารู้สึกหดหู่มาก ใจนึงก็รู้ว่าแม่แค่น้อยใจ
ลึกๆเค้าไม่เคยคิดรั้งเราไว้ เค้าตามใจเราถ้าเราอยากจะอยู่ที่ไหน แต่อีกใจ
ก็รู้นะว่าเค้า ต้องการเรา ถึงปากเค้าจะบอกว่าอยากอยู่กับลูกชาย
แต่เค้า ก็เหมือนอยากมีเราอยู่ด้วย ทำให้เรา งง เลย ว่าจะจัดการเวลายังไง
ตอนแรกวางแผนว่า.....
หลังคอนโดเสร็จสิ้นปีนี้ จะย้ายเข้าไปอยู่ต้นปีหน้า
คราวนี้จะอยู่ยาวเลย ขี้เกียจไปมาแล้ว แล้วจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่
ช่วงเทศกาลแทน หรือ อาจจะไปๆมาเหมือนเดิม แต่พอได้รู้ความในใจ
ของแม่วันนี้ บอกเลยว่ามืดแปดด้าน เล่าให้แฟนฟัง เค้าบอกให้รอแม่
หายน้อยใจก่อน ค่อยๆดู อย่าเพิ่งรีบตัดสินอะไร ค่อยเป็นค่อยไป
มีจังหวะทำอะไรที่ควรทำได้ก็ค่อยทำ ยังทำไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งทำ
เพื่อนๆพอจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมไหมคะ หลังจากที่อ่านคร่าวๆ
ขอเป็นไอเดียทีนะคะ ไม่ต้องเป็นวิธีปฏิบัติก็ได้ เป็นวิธีคิดก็ได้ค่ะ
ขอบคุณนะคะ^^