มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยัน นายกฯ ไม่มีความชอบธรรม เลื่อน พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7509085
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยัน นายกฯ ไม่มีความชอบธรรม เลื่อน พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย ชี้เป็นอำนาจหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 14 ก.พ.2566 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นำโดย
นายชาญชัญ น้อยวงศ์ นาย นภสินธ์ุ ตรีรยาภิวัฒน์ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.ส.ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข นายวันชนะ จันทร์มณี นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ น.ส.พิชยา เกตุอุดม นางนภัสสร บุญรีย์ และ นางกัญญา ธีรวุฒิ
ทั้งนี้ทางกลุ่มได้กล่าวปราศรัยถึงกรณี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ที่เกี่ยวข้องกับจนท.ตร. พร้อมประกาศเชิญชวนมวลชน ร่วมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน การชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ทรมาน – อุ้มหาย
โดยยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีความชอบธรรมในการเลื่อนพระราชบัญญัติ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ดังนั้นกลุ่มจะติดตามต่อไปว่าทางรัฐบาล จะดำเนินการอย่างไรในเรื่องดังกล่าว
จากนั้นตัวแทนกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ผ่าน นาย
สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จากนั้นเวลา 10.00 น. ทางกลุ่มยุติกิจกรรมมวลชนทยอยแยกย้าย
จ่อจ่ายแพงอีกเดือน! "ค่าไฟ ก.พ." รัฐวิ่งหาเงินช่วย "กลุ่มเปราะบาง" ไม่ทัน
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1053032
กลุ่มเปราะบางยังคงต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเต็มจำนวนเท่ากลุ่มประชาชนทั่วไปที่หน่วยละ 4.72 บาท ในเดือนก.พ. 66 ต่อ เหตุ รัฐยังไม่ส่งเงินให้กับไฟฟ้าจัดจำหน่ายเพื่อทำส่วนลด
จากมติการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากรอบวงเงิน 7,500 ล้านบาท สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนในพื้นที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ รวมผู้ใช้ไฟรับประโยชน์ 19.66 ล้านราย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนม.ค.-เม.ย. 2566
โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วย/เดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์/หน่วยซึ่งไม่ได้มีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ขึ้นในกลุ่มนี้ และได้รับส่วนลดในอัตราเท่ากับงวดที่ผ่านมา ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้า ระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์/หน่วย โดยมีผลต่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์/หน่วย
ล่าสุด นาย
กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 ว่า ที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบางในช่วงวิกฤตพลังงาน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการให้ความร่วมมือของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง
ทั้งนี้ ได้เน้นการช่วยเหลือเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 วงเงินช่วยเหลือจะอยู่ที่ประมาณ 4,300 ล้านบาท และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถนำต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงดังกล่าว ไปใช้ในการลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบางข้างต้น โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำกับดูแลการดำเนินการต่อไป
แหล่งข่าวจาก กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า แม้ครม.จะอนุมัติงบประมาณรวม 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง 3,200 ล้านบาท และกพช. เห็นชอบให้ปตท. แบ่งก๊าซมาผลิตไฟฟ้ารวม 4 เดือนจำนวน 4,300 ล้านบาท มาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 แล้วก็ตาม แต่ปัญหาที่พบในขณะนี้คือการชำระค่าไฟฟ้าของกลุ่มดังกล่าวของใบแจ้งยอดชำระค่าไฟงวดเดือนม.ค. 2566 ยังคงเป็นจำนวนที่ยังไม่ได้รับส่วนลดใด ๆ เลย โดยจ่ายในอัตราหน่วยละ 4.72 บาท ปกติเทียบเท่ากลุ่มครัวเรือนทั่วไป
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้รับงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าวมาให้กับการไฟฟ้าจัดจำหน่ายเพื่อนำมาลดค่าไฟฟ้ากลุ่มดังกล่าว ดังนั้น จึงมองว่าใบชำระค่าไฟฟ้าของเดือนก.พ. 2566 ก็น่าจะยังคงเป็นราคาค่าไฟที่จะต้องจ่ายเต็มจำนวนและยังไม่ได้รับส่วนลดใด ๆ ซึ่งคาดว่าประชาชนกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนตามมติครม.ก็อาจจะได้ส่วนลดในส่วนที่จ่ายไปแล้วของเดือนม.ค. 2566 ช่วงเดือนมี.ค. 2566
“
รัฐพยายามหาวิธีช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ทุกอย่างต้องใช้เงิน สิ่งสำคัญคือการหาเงินมาช่วย เพราะที่ผ่านมาก็ขอความช่วยเหลือปตท. มาตลอด ซึ่งครั้งนี้ปตท.จะให้เป็นเม็ดเงินมาเลยก็ยาก จึงแบ่งก๊าซจากโรงแยกก๊าซมาผลิตไฟฟ้าให้โดยตีเป็นวงเงินราว 4,300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือรัฐก็ต้องหามาเติม เพราะตอนนี้ กฟผ.ก็แบกค่า Ft สูงเป็นหลักแสนล้านบาทแล้วเช่นกัน โดยได้รับคืนแค่หน่วยละ 22 สตางค์เท่านั้น” แหล่งข่าว กล่าว
ก้าวไกล เร่ง กกต. แจงให้ชัด แบ่งเขตเลือกตั้ง อัด ทำงานช้า คนยิ่งไม่ไว้ใจ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2629305
“ปดิพัทธ์” ก้าวไกล เร่ง กกต. แจงให้ชัด แบ่งเขตเลือกตั้ง จี้ตอบ นับรวมราษฎรไม่มีสัญชาติไทยด้วยหรือไม่ อัด ยิ่งทำงานยิ่งทำคนไม่ไว้ใจ ชี้ กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลปมบัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์ ทำคะแนนประชาชนสูญเปล่า ต้องไม่ให้เกิดซ้ำอีก
วันที่ 14 ก.พ. นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะหารือในวันนี้ ประเด็นการนำจำนวนราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทย มาคิดคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดพึงมีและแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายฝ่ายในสังคมทักท้วง โดยประเด็นหารือรวมถึงอาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องนี้ด้วย
นาย
ปดิพัทธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกล เคยแสดงความกังวลว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน อาจนำไปสู่เลือกตั้งโมฆะ เช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงตั้งคำถามว่า การนับรวมราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยนั้น เป็นสิ่งที่ กกต. เคยทำมาก่อนหรือไม่ หากเคยทำมาก่อน ก็ไม่น่าต้องกังวลว่าจะมีปัญหา แต่หากไม่เคยทำมาก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ควรทำเช่นกัน หลังจากนั้น กกต. ออกมาชี้แจงว่า การประกาศจำนวนราษฎรในอดีต ก็ทำเป็นประกาศรวมที่นับทั้งคนสัญชาติไทยและคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เพิ่งจะมาแยกคน 2 กลุ่มนี้ ออกจากกันในประกาศจำนวนราษฎร วันที่ 31 ธันวาคม 2557 แต่ กกต. ยังไม่ได้ตอบคำถามของพรรคก้าวไกลว่า แล้วการเลือกตั้งที่ผ่านมา เช่น ปี 2562 ได้คิดรวมคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณด้วยหรือไม่ ดังนั้น ในเมื่อ กกต. จะประชุมวันนี้ ก็ควรมีคำตอบเรื่องนี้ รวมถึงคำตอบว่า ถ้า กกต. จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะกระทบต่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งหรือไม่
นาย
ปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตามกฎหมาย การเลือกตั้งควรมีขึ้นไม่เกินวันที่ 7 พฤษภาคม นี้ ทั้งที่ประชาชนมีความหวังให้การเลือกตั้ง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่จากการทำงานของ กกต. ปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้เลย ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งที่ทะเบียนราษฎรออกมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้หลายจังหวัดเริ่มพบกลไกที่ย้ายเขตเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางคะแนน เช่น พิษณุโลก เขต 1 มีความพยายามตัดพื้นที่ที่ตนทำงานอย่างต่อเนื่องออกไป และเอาพื้นที่ของนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นฝ่ายรัฐบาลมาเติมแทน นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบรายงานผลเลือกตั้งแบบ Real time ทั้งที่ กกต. ได้รับงบประมาณจัดเลือกตั้งถึงเกือบ 6,000 ล้านบาท
“
กกต. ต้องชี้แจงเรื่องพวกนี้ เพราะสำคัญมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ในฐานะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่หลักคือ จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นธรรม แต่ยิ่งใกล้เลือกตั้ง กกต. กลับยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำงานกันอย่างไร ทำไมดูขาดความพร้อม ขาดความชัดเจนเต็มไปหมด”
ปดิพัทธ์ กล่าว
ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพวกรวม 3 ราย กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีละเว้นไม่ดำเนินการรับมอบและติดตามถุงเมล์การทูตที่บรรจุซองใส่บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักร จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเหตุให้ กกต. มีมติให้บัตรเลือกตั้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ไม่สามารถนำมานับเป็นคะแนนได้ ว่าเป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจน สะท้อนความผิดพลาดล้มเหลวของ กกต. ซึ่งต้องไม่ปล่อยให้เกิดซ้ำอีก แม้อดีตรองเลขาธิการ กกต. จะถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและต้องรับโทษ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลการเลือกตั้ง เสียงของประชาชนที่ถูกทำให้สูญเปล่า เป็นสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้ ทุกพรรคการเมือง รวมถึงอดีตพรรคอนาคตใหม่ ล้วนได้รับผลกระทบ เพราะคะแนนจากนิวซีแลนด์บางส่วน อาจทำให้พรรคมีคะแนนมากขึ้นและชนะเลือกตั้งในบางเขต เช่น นครปฐมเขต 1 อดีตพรรคอนาคตใหม่ ชนะ 4 คะแนน แต่กลับมาแพ้เพราะเจ้าหน้าที่นับรวมคะแนนผิดแล้วไม่ยอมรวมใหม่ เปลี่ยนไปนับคะแนนใหม่ มีการแสดงคะแนนเปลี่ยนไปมาถึง 5 ครั้ง ก่อนเกิดคะแนนเขย่งและพรรคอนาคตใหม่แพ้เลือกตั้งในที่สุด
JJNY : นายกฯ ไม่มีความชอบธรรม│จ่อจ่ายแพงอีกเดือน! "ค่าไฟ ก.พ."│ก้าวไกลเร่งกกต.แจงให้ชัด│พบชิ้นส่วนเซ็นเซอร์จากซากบอลลูน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7509085
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยัน นายกฯ ไม่มีความชอบธรรม เลื่อน พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหาย ชี้เป็นอำนาจหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 14 ก.พ.2566 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นำโดย นายชาญชัญ น้อยวงศ์ นาย นภสินธ์ุ ตรีรยาภิวัฒน์ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.ส.ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข นายวันชนะ จันทร์มณี นางพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ น.ส.พิชยา เกตุอุดม นางนภัสสร บุญรีย์ และ นางกัญญา ธีรวุฒิ
ทั้งนี้ทางกลุ่มได้กล่าวปราศรัยถึงกรณี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ที่เกี่ยวข้องกับจนท.ตร. พร้อมประกาศเชิญชวนมวลชน ร่วมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน การชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.ทรมาน – อุ้มหาย
โดยยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ไม่มีความชอบธรรมในการเลื่อนพระราชบัญญัติ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ดังนั้นกลุ่มจะติดตามต่อไปว่าทางรัฐบาล จะดำเนินการอย่างไรในเรื่องดังกล่าว
จากนั้นตัวแทนกลุ่มฯ ได้ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ผ่าน นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จากนั้นเวลา 10.00 น. ทางกลุ่มยุติกิจกรรมมวลชนทยอยแยกย้าย
จ่อจ่ายแพงอีกเดือน! "ค่าไฟ ก.พ." รัฐวิ่งหาเงินช่วย "กลุ่มเปราะบาง" ไม่ทัน
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1053032
กลุ่มเปราะบางยังคงต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเต็มจำนวนเท่ากลุ่มประชาชนทั่วไปที่หน่วยละ 4.72 บาท ในเดือนก.พ. 66 ต่อ เหตุ รัฐยังไม่ส่งเงินให้กับไฟฟ้าจัดจำหน่ายเพื่อทำส่วนลด
จากมติการที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากรอบวงเงิน 7,500 ล้านบาท สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนในพื้นที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ รวมผู้ใช้ไฟรับประโยชน์ 19.66 ล้านราย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนม.ค.-เม.ย. 2566
โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วย/เดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์/หน่วยซึ่งไม่ได้มีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ขึ้นในกลุ่มนี้ และได้รับส่วนลดในอัตราเท่ากับงวดที่ผ่านมา ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้า ระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์/หน่วย โดยมีผลต่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์/หน่วย
ล่าสุด นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 ว่า ที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบางในช่วงวิกฤตพลังงาน โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการให้ความร่วมมือของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง
ทั้งนี้ ได้เน้นการช่วยเหลือเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 วงเงินช่วยเหลือจะอยู่ที่ประมาณ 4,300 ล้านบาท และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถนำต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงดังกล่าว ไปใช้ในการลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบางข้างต้น โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำกับดูแลการดำเนินการต่อไป
แหล่งข่าวจาก กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า แม้ครม.จะอนุมัติงบประมาณรวม 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง 3,200 ล้านบาท และกพช. เห็นชอบให้ปตท. แบ่งก๊าซมาผลิตไฟฟ้ารวม 4 เดือนจำนวน 4,300 ล้านบาท มาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 แล้วก็ตาม แต่ปัญหาที่พบในขณะนี้คือการชำระค่าไฟฟ้าของกลุ่มดังกล่าวของใบแจ้งยอดชำระค่าไฟงวดเดือนม.ค. 2566 ยังคงเป็นจำนวนที่ยังไม่ได้รับส่วนลดใด ๆ เลย โดยจ่ายในอัตราหน่วยละ 4.72 บาท ปกติเทียบเท่ากลุ่มครัวเรือนทั่วไป
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้รับงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าวมาให้กับการไฟฟ้าจัดจำหน่ายเพื่อนำมาลดค่าไฟฟ้ากลุ่มดังกล่าว ดังนั้น จึงมองว่าใบชำระค่าไฟฟ้าของเดือนก.พ. 2566 ก็น่าจะยังคงเป็นราคาค่าไฟที่จะต้องจ่ายเต็มจำนวนและยังไม่ได้รับส่วนลดใด ๆ ซึ่งคาดว่าประชาชนกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือนตามมติครม.ก็อาจจะได้ส่วนลดในส่วนที่จ่ายไปแล้วของเดือนม.ค. 2566 ช่วงเดือนมี.ค. 2566
“รัฐพยายามหาวิธีช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ทุกอย่างต้องใช้เงิน สิ่งสำคัญคือการหาเงินมาช่วย เพราะที่ผ่านมาก็ขอความช่วยเหลือปตท. มาตลอด ซึ่งครั้งนี้ปตท.จะให้เป็นเม็ดเงินมาเลยก็ยาก จึงแบ่งก๊าซจากโรงแยกก๊าซมาผลิตไฟฟ้าให้โดยตีเป็นวงเงินราว 4,300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือรัฐก็ต้องหามาเติม เพราะตอนนี้ กฟผ.ก็แบกค่า Ft สูงเป็นหลักแสนล้านบาทแล้วเช่นกัน โดยได้รับคืนแค่หน่วยละ 22 สตางค์เท่านั้น” แหล่งข่าว กล่าว
ก้าวไกล เร่ง กกต. แจงให้ชัด แบ่งเขตเลือกตั้ง อัด ทำงานช้า คนยิ่งไม่ไว้ใจ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2629305
“ปดิพัทธ์” ก้าวไกล เร่ง กกต. แจงให้ชัด แบ่งเขตเลือกตั้ง จี้ตอบ นับรวมราษฎรไม่มีสัญชาติไทยด้วยหรือไม่ อัด ยิ่งทำงานยิ่งทำคนไม่ไว้ใจ ชี้ กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลปมบัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์ ทำคะแนนประชาชนสูญเปล่า ต้องไม่ให้เกิดซ้ำอีก
วันที่ 14 ก.พ. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะหารือในวันนี้ ประเด็นการนำจำนวนราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทย มาคิดคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดพึงมีและแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายฝ่ายในสังคมทักท้วง โดยประเด็นหารือรวมถึงอาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องนี้ด้วย
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกล เคยแสดงความกังวลว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน อาจนำไปสู่เลือกตั้งโมฆะ เช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงตั้งคำถามว่า การนับรวมราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยนั้น เป็นสิ่งที่ กกต. เคยทำมาก่อนหรือไม่ หากเคยทำมาก่อน ก็ไม่น่าต้องกังวลว่าจะมีปัญหา แต่หากไม่เคยทำมาก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ควรทำเช่นกัน หลังจากนั้น กกต. ออกมาชี้แจงว่า การประกาศจำนวนราษฎรในอดีต ก็ทำเป็นประกาศรวมที่นับทั้งคนสัญชาติไทยและคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เพิ่งจะมาแยกคน 2 กลุ่มนี้ ออกจากกันในประกาศจำนวนราษฎร วันที่ 31 ธันวาคม 2557 แต่ กกต. ยังไม่ได้ตอบคำถามของพรรคก้าวไกลว่า แล้วการเลือกตั้งที่ผ่านมา เช่น ปี 2562 ได้คิดรวมคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณด้วยหรือไม่ ดังนั้น ในเมื่อ กกต. จะประชุมวันนี้ ก็ควรมีคำตอบเรื่องนี้ รวมถึงคำตอบว่า ถ้า กกต. จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะกระทบต่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งหรือไม่
นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตามกฎหมาย การเลือกตั้งควรมีขึ้นไม่เกินวันที่ 7 พฤษภาคม นี้ ทั้งที่ประชาชนมีความหวังให้การเลือกตั้ง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่จากการทำงานของ กกต. ปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้เลย ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งที่ทะเบียนราษฎรออกมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้หลายจังหวัดเริ่มพบกลไกที่ย้ายเขตเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางคะแนน เช่น พิษณุโลก เขต 1 มีความพยายามตัดพื้นที่ที่ตนทำงานอย่างต่อเนื่องออกไป และเอาพื้นที่ของนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นฝ่ายรัฐบาลมาเติมแทน นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบรายงานผลเลือกตั้งแบบ Real time ทั้งที่ กกต. ได้รับงบประมาณจัดเลือกตั้งถึงเกือบ 6,000 ล้านบาท
“กกต. ต้องชี้แจงเรื่องพวกนี้ เพราะสำคัญมากต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ในฐานะองค์กรอิสระที่มีหน้าที่หลักคือ จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใสเป็นธรรม แต่ยิ่งใกล้เลือกตั้ง กกต. กลับยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำงานกันอย่างไร ทำไมดูขาดความพร้อม ขาดความชัดเจนเต็มไปหมด” ปดิพัทธ์ กล่าว
ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับพวกรวม 3 ราย กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีละเว้นไม่ดำเนินการรับมอบและติดตามถุงเมล์การทูตที่บรรจุซองใส่บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักร จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเหตุให้ กกต. มีมติให้บัตรเลือกตั้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ไม่สามารถนำมานับเป็นคะแนนได้ ว่าเป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจน สะท้อนความผิดพลาดล้มเหลวของ กกต. ซึ่งต้องไม่ปล่อยให้เกิดซ้ำอีก แม้อดีตรองเลขาธิการ กกต. จะถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและต้องรับโทษ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลการเลือกตั้ง เสียงของประชาชนที่ถูกทำให้สูญเปล่า เป็นสิ่งที่เรียกคืนไม่ได้ ทุกพรรคการเมือง รวมถึงอดีตพรรคอนาคตใหม่ ล้วนได้รับผลกระทบ เพราะคะแนนจากนิวซีแลนด์บางส่วน อาจทำให้พรรคมีคะแนนมากขึ้นและชนะเลือกตั้งในบางเขต เช่น นครปฐมเขต 1 อดีตพรรคอนาคตใหม่ ชนะ 4 คะแนน แต่กลับมาแพ้เพราะเจ้าหน้าที่นับรวมคะแนนผิดแล้วไม่ยอมรวมใหม่ เปลี่ยนไปนับคะแนนใหม่ มีการแสดงคะแนนเปลี่ยนไปมาถึง 5 ครั้ง ก่อนเกิดคะแนนเขย่งและพรรคอนาคตใหม่แพ้เลือกตั้งในที่สุด