คือตลอดที่ผมศึกษาเกี่ยวกับโลกยูโทเปียหรือโลกในอุดมคติที่ซึ่งมนุษย์จะอยู่อย่างสุขสบาย ไม่อดอยาก ไม่มีสงคราม ไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะคิดว่าสวรรค์จัดเป็นโลกยูโทเปียทางฝ่ายวิญญาณหรือไม่ เพราะหนึ่ง เป็นที่สงบสวยงามเหล่าวิญญาณที่เป็นเทวดาสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ไม่มีความอดหยากหรือสงคราม
แต่พอผมศึกษาสวรรค์ของพุทธผมกลับพบว่า สวรรค์ของเรานั้นจัดเป็นกึ่งยูโทเปีย ตรงที่เทวดาแต่ละองค์นั้นมีบุญไม่เท่ากัน เทวดาที่มีบุญมากสามารถเป็นเจ้าของวิมานสวยงามและมีบริวารมากมายหรือถ้ามีมหาบุญก็กลายเป็นเจ้า ผู้ปกครองสวรรค์ ตรงกันข้าม เทวดาที่มีบุญน้อยมักจะเป็นบริวารของเทวดา หรือไม่มีวิมานและเสกสิ่งต่างได้ยากเนื่องจากมีบุญไม่มาก นอกจากนี้สวรรค์นั้นล้วนแต่มีอายุไขรวมถึงเทวดาด้วย เพราะทุกคนต้องจุติไปเกิดตามแรงกรรม
แต่สิ่งที่มีความเป็นยูโทเปียคือสวรรค์เป็นที่สงบ ไม่อดยาก มีแต่ความสวยงามและสิ่งดีๆ สามารถเนรมิตสิ่งต่างๆได้ตามกำลังบุญ
และผมก็มีข้อสงสัยอย่างถ้าสวรรค์เป็ยูโปเปีย เหตุใดถึง ไม่ล่มสลายหรือเจอความวิบัตเหมือน ยูโทเปียหนู หรือที่เรียกกันว่า Universe 25 (ซึ่งเป็นการทดลองโดยนักวิทย์อเมริกา)
ตรงนี้หลายคนจะสงสัยว่า Universe 25 คืออะไรและมันเกี่ยวกับสวรรค์อย่างไร
เรื่องมันเริ่มขึ้นในปี 1970 นักชาติพันธุ์วิทยาที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน Dr.John B. Calhoun (1917-1995) ได้สร้างยูโทเปียที่ดูสมบูรณ์แบบสำหรับหนูขนาด 2.7 ตร.ม. ล้อมรอบสี่ด้านประกอบด้วย ห้อง 256 ห้อง และโพรงอีก 16 โพรงที่นำไปสู่แหล่งอาหารและน้ำ โดยกรงปลอดโรคและปราศจากนักล่า มีคอนโดเมาส์ขนาดเล็กถูกตกแต่งด้วยอาหารไร้ขีดจำกัดแม้แต่ชั้นบน ซึ่งหนูน่าจะเพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายที่ทันสมัยทั้งหมดเหมือนอย่างที่ผู้คนคาดหวังในวันนี้
ในการเริ่มต้นการทดลอง Calhoun ได้นำหนูที่มีสุขภาพดีสี่คู่เข้าไปในกรง ช่วง 104 วันแรก เขาขนานนามว่า "ช่วงเวลาแห่งการต่อสู้" หนูทำการสำรวจ
ที่อยู่อาศัยใหม่ พร้อมทั้งทำเครื่องหมายอาณาเขตของพวกมัน และเริ่มสร้างที่อยู่ จากนั้นตามด้วย "ช่วงใช้ประโยชน์" ประชากรก็เริ่มเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 55 วัน ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าประชากรจะมีความจุน้อยกว่า 1/4 ของความจุของกรง หนูส่วนใหญ่ก็ยังหนาแน่นอยู่รวมกันในบางพื้นที่ เช่น กิจกรรมที่ทำร่วมกันอย่างการกิน ดังนั้น หนูจะจับกลุ่มกันในช่วงเวลาให้อาหาร แม้ว่าจะมีพื้นที่ให้กินเองมากมาย
ใช้เหมือนจะดี แต่แล้วความวิบัติก็เกิดขึ้นในประชากรหนูตัวผู้ เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างมาก รุนแรง มีการโจมตี ข่มขืน แม้กระทั้งกินเนื้อเพื่อนฝูง โดยที่ไม่มีการยั่วยุหรือแรงจูงใจที่ชัดเจน
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามของกลุ่มใหญ่คือ หนูที่เชี่ยวชาญทางสังคมน้อยที่สุดและถูกกีดกันจากการผสมพันธุ์อย่างสมบูรณ์ พวกมันใช้เวลาย้ายไปมาระหว่างหนูกลุ่มใหญ่ บางครั้งก็กินนอนด้วยตัวเองหรือต่อสู้กันเอง และหากหนูตัวใดตกไปอยู่ท่ามกลางหนูกลุ่มใหญ่ มันจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่กระทำโดยคู่ของหนูที่เป็นศัตรูในกลุ่มนั้นมากกว่า
เมื่อสังคมพังทลายลง ตัวเมียก็มีทัศนคติที่ก้าวร้าวมากขึ้น การดูแลรังของมันท่ามกลางความโกลาหลเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น แม่หนูหลายตัวจึงแสดงท่าทีรุนแรงต่อลูกๆของตัวเอง บางส่วนจะถอนตัวจากความรับผิดชอบของแม่โดยสมบูรณ์ บางส่วนไม่สนใจลูกๆและเลิกผสมพันธุ์โดยสิ้นเชิง
ผ่านไป 315 วัน มีประชากรหนูถึง 620 ตัว แสดงพฤติกรรมรุนแรงและกีดกันการผสมพันธุ์ ความรุนแรงยังคงปะทุขึ้นท่ามกลางกลุ่มหนูที่ไร้จุดหมายเหล่านี้ นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในการบุกรุกรังและเสียชีวิต
กระทั่งเมื่อจำนวนหนูเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ตัว (ที่ทดลองออกแบบมาให้ลองรับหนูได้ 3,000 ตัว) จำนวนหนูในการทดลองก็เริ่มลดลงจนได้เมื่อหนูส่วนใหญ่เลิกที่จะสนใจแม้แต่การผสมพันธุ์และหนีไปอยู่ตามที่สูงของกำแพงที่ทดลอง ในขณะที่ด้านล่างหนูจำนวนมหาศาลได้กลายเป็นดังกลุ่มแก๊งอันธพาลที่มักต่อสู้ฆ่าฟันและกินกันเอง
ไม่นานนักสถานการณ์ในที่ทดลองก็กลายเป็นดั่ง “วันสิ้นโลก” ของเหล่าหนูไปได้ไม่ยาก เมื่ออาณานิคมหนูค่อยๆ สูญพันธุ์ไปจากการต่อสู้เข่นฆ่ากันเองและการปฏิเสธที่จะผสมพันธุ์ ทั้งๆ ที่จนจบการทดลองอาหารก็ไม่ได้หมดไปเลยด้วยซ้ำ
หรือจากบทสรุปคือ ยูโทเปียหนูนั้นเป็นการสร้างโลกที่ว่าถ้าทุกคนอยู่ในโลกที่ปลอดภัย มีอาหารการกินครบท้วน ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยผลสุดท้ายจะพังลงกลายเป็น นรกเพราะสัตว์โลกนั้นล้วนมีกิเลสที่ค่อยขับเคลื่อนเหล่าหนูที่ควรอยู่อย่างสงบหันมาฆ่ากันเองตั้งตนเป็นใหญ่เพียงเพราะสัญชาติญาณดิบทำงาน ลองดูอย่างประเทศคอมมิวนิสต์ที่ล่มหายตายจากไปในประวัติศาสตร์ก็ได้ เมื่อมนุษย์จะสร้างโลกในอุดมคติที่สมบูรณ์ผลสุดท้ายจะล่มเพราะไม่อาจต้านทานกิเลสของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ผมเลยสงสัยว่าในเมื่อสวรรค์ทุกศาสนาใกล้เคียงกับยูโทเปียเหตุใดมันถึงไม่ล่มในเมื่อเทวดาก็มีกิเลสเหมือนกัน เหตุใดสวรรค์ถึงไม่กลายเป็นแบบ Universe 25 ที่จบลงด้วยการกลายเป็นนรก
สวรรค์จัดว่าเป็น ยูโทเปียหรือไม่
แต่พอผมศึกษาสวรรค์ของพุทธผมกลับพบว่า สวรรค์ของเรานั้นจัดเป็นกึ่งยูโทเปีย ตรงที่เทวดาแต่ละองค์นั้นมีบุญไม่เท่ากัน เทวดาที่มีบุญมากสามารถเป็นเจ้าของวิมานสวยงามและมีบริวารมากมายหรือถ้ามีมหาบุญก็กลายเป็นเจ้า ผู้ปกครองสวรรค์ ตรงกันข้าม เทวดาที่มีบุญน้อยมักจะเป็นบริวารของเทวดา หรือไม่มีวิมานและเสกสิ่งต่างได้ยากเนื่องจากมีบุญไม่มาก นอกจากนี้สวรรค์นั้นล้วนแต่มีอายุไขรวมถึงเทวดาด้วย เพราะทุกคนต้องจุติไปเกิดตามแรงกรรม
แต่สิ่งที่มีความเป็นยูโทเปียคือสวรรค์เป็นที่สงบ ไม่อดยาก มีแต่ความสวยงามและสิ่งดีๆ สามารถเนรมิตสิ่งต่างๆได้ตามกำลังบุญ
และผมก็มีข้อสงสัยอย่างถ้าสวรรค์เป็ยูโปเปีย เหตุใดถึง ไม่ล่มสลายหรือเจอความวิบัตเหมือน ยูโทเปียหนู หรือที่เรียกกันว่า Universe 25 (ซึ่งเป็นการทดลองโดยนักวิทย์อเมริกา)
ตรงนี้หลายคนจะสงสัยว่า Universe 25 คืออะไรและมันเกี่ยวกับสวรรค์อย่างไร
เรื่องมันเริ่มขึ้นในปี 1970 นักชาติพันธุ์วิทยาที่มีชื่อเสียงชาวอเมริกัน Dr.John B. Calhoun (1917-1995) ได้สร้างยูโทเปียที่ดูสมบูรณ์แบบสำหรับหนูขนาด 2.7 ตร.ม. ล้อมรอบสี่ด้านประกอบด้วย ห้อง 256 ห้อง และโพรงอีก 16 โพรงที่นำไปสู่แหล่งอาหารและน้ำ โดยกรงปลอดโรคและปราศจากนักล่า มีคอนโดเมาส์ขนาดเล็กถูกตกแต่งด้วยอาหารไร้ขีดจำกัดแม้แต่ชั้นบน ซึ่งหนูน่าจะเพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายที่ทันสมัยทั้งหมดเหมือนอย่างที่ผู้คนคาดหวังในวันนี้
ในการเริ่มต้นการทดลอง Calhoun ได้นำหนูที่มีสุขภาพดีสี่คู่เข้าไปในกรง ช่วง 104 วันแรก เขาขนานนามว่า "ช่วงเวลาแห่งการต่อสู้" หนูทำการสำรวจ
ที่อยู่อาศัยใหม่ พร้อมทั้งทำเครื่องหมายอาณาเขตของพวกมัน และเริ่มสร้างที่อยู่ จากนั้นตามด้วย "ช่วงใช้ประโยชน์" ประชากรก็เริ่มเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 55 วัน ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าประชากรจะมีความจุน้อยกว่า 1/4 ของความจุของกรง หนูส่วนใหญ่ก็ยังหนาแน่นอยู่รวมกันในบางพื้นที่ เช่น กิจกรรมที่ทำร่วมกันอย่างการกิน ดังนั้น หนูจะจับกลุ่มกันในช่วงเวลาให้อาหาร แม้ว่าจะมีพื้นที่ให้กินเองมากมาย
ใช้เหมือนจะดี แต่แล้วความวิบัติก็เกิดขึ้นในประชากรหนูตัวผู้ เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวอย่างมาก รุนแรง มีการโจมตี ข่มขืน แม้กระทั้งกินเนื้อเพื่อนฝูง โดยที่ไม่มีการยั่วยุหรือแรงจูงใจที่ชัดเจน
ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามของกลุ่มใหญ่คือ หนูที่เชี่ยวชาญทางสังคมน้อยที่สุดและถูกกีดกันจากการผสมพันธุ์อย่างสมบูรณ์ พวกมันใช้เวลาย้ายไปมาระหว่างหนูกลุ่มใหญ่ บางครั้งก็กินนอนด้วยตัวเองหรือต่อสู้กันเอง และหากหนูตัวใดตกไปอยู่ท่ามกลางหนูกลุ่มใหญ่ มันจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่กระทำโดยคู่ของหนูที่เป็นศัตรูในกลุ่มนั้นมากกว่า
เมื่อสังคมพังทลายลง ตัวเมียก็มีทัศนคติที่ก้าวร้าวมากขึ้น การดูแลรังของมันท่ามกลางความโกลาหลเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น แม่หนูหลายตัวจึงแสดงท่าทีรุนแรงต่อลูกๆของตัวเอง บางส่วนจะถอนตัวจากความรับผิดชอบของแม่โดยสมบูรณ์ บางส่วนไม่สนใจลูกๆและเลิกผสมพันธุ์โดยสิ้นเชิง
ผ่านไป 315 วัน มีประชากรหนูถึง 620 ตัว แสดงพฤติกรรมรุนแรงและกีดกันการผสมพันธุ์ ความรุนแรงยังคงปะทุขึ้นท่ามกลางกลุ่มหนูที่ไร้จุดหมายเหล่านี้ นำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากในการบุกรุกรังและเสียชีวิต
กระทั่งเมื่อจำนวนหนูเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ตัว (ที่ทดลองออกแบบมาให้ลองรับหนูได้ 3,000 ตัว) จำนวนหนูในการทดลองก็เริ่มลดลงจนได้เมื่อหนูส่วนใหญ่เลิกที่จะสนใจแม้แต่การผสมพันธุ์และหนีไปอยู่ตามที่สูงของกำแพงที่ทดลอง ในขณะที่ด้านล่างหนูจำนวนมหาศาลได้กลายเป็นดังกลุ่มแก๊งอันธพาลที่มักต่อสู้ฆ่าฟันและกินกันเอง
ไม่นานนักสถานการณ์ในที่ทดลองก็กลายเป็นดั่ง “วันสิ้นโลก” ของเหล่าหนูไปได้ไม่ยาก เมื่ออาณานิคมหนูค่อยๆ สูญพันธุ์ไปจากการต่อสู้เข่นฆ่ากันเองและการปฏิเสธที่จะผสมพันธุ์ ทั้งๆ ที่จนจบการทดลองอาหารก็ไม่ได้หมดไปเลยด้วยซ้ำ
หรือจากบทสรุปคือ ยูโทเปียหนูนั้นเป็นการสร้างโลกที่ว่าถ้าทุกคนอยู่ในโลกที่ปลอดภัย มีอาหารการกินครบท้วน ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยผลสุดท้ายจะพังลงกลายเป็น นรกเพราะสัตว์โลกนั้นล้วนมีกิเลสที่ค่อยขับเคลื่อนเหล่าหนูที่ควรอยู่อย่างสงบหันมาฆ่ากันเองตั้งตนเป็นใหญ่เพียงเพราะสัญชาติญาณดิบทำงาน ลองดูอย่างประเทศคอมมิวนิสต์ที่ล่มหายตายจากไปในประวัติศาสตร์ก็ได้ เมื่อมนุษย์จะสร้างโลกในอุดมคติที่สมบูรณ์ผลสุดท้ายจะล่มเพราะไม่อาจต้านทานกิเลสของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ผมเลยสงสัยว่าในเมื่อสวรรค์ทุกศาสนาใกล้เคียงกับยูโทเปียเหตุใดมันถึงไม่ล่มในเมื่อเทวดาก็มีกิเลสเหมือนกัน เหตุใดสวรรค์ถึงไม่กลายเป็นแบบ Universe 25 ที่จบลงด้วยการกลายเป็นนรก