▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Backpack
เที่ยวต่างประเทศ
แผนการเดินทางและท่องเที่ยว
สหรัฐอเมริกา
นักท่องเที่ยว
Part5 เที่ยวอเมริกาครั้งแรก West Coast Trip (San Francisco - Los Angeles - Las Vegas) 18 วัน ไม่ง้อรถส่วนตัว 2023
วันนี้ออกเดินทางไปเที่ยวภูเขาMount Charleston Lodge and Cabins เดินทางจากStripเพียง1ชั่วโมงแต่ขับรถขึ้นมาหูอื้อตลอดเลยค่ะ
วิวระหว่างทางค่ะ
หิมะสูงมากกกกกก สูงกว่าหัวเราอีกค่ะ
เตรียมSnow sledgeเพื่อมาเล่นที่เนินภูเขาค่ะ หลังเดาะไปเลย
วันนี้เดินทางตั้งแต่9.45น.และขับรถไปเอาอุปกรณ์ที่บ้านเพื่อนคุณพ่อและออกเดินทางขึ้นภูเขาไปจุดชมวิวและไปหิมะค่ะ..ภาพด้านล่างคือภาพวิวที่จุดชมวิว จะเห็นว่าพอหมดเขตหิมะก็จะเป็นทะเลทรายเลยค่ะ แต่วันนี้หมอกเยอะทำให้เห็นทะเลทรายไม่ชัด
ลงจากภูเขาก็ประมาณบ่ายสองโมง คุณอาเพื่อนพ่อพาไปเก็บของที่บ้านแล้วขี่จักรยานไปทานอาหารMexicanของร้านส่วนกลางในหมู่บ้านค่ะ ที่หมู่บ้านจะมีร้านอาหารทะเล อาหารเม็กซิกัน อาหารฝรั่งเศสและโบสถ์แต่งงานค่ะ ภายในหมู่บ้านมีทะเลสาบ3แห่งและมีเป็ดที่มาอยู่ตามธรรมชาติเยอะมาก บรรยากาศดีสุดๆ ถ้าใครเลี้ยงสุนัขจะแฮปปรี้มากค่ะเพราะว่ามีจุดบริการถุงอึน้องหมาเยอะ มีสวนให้น้องหมาเดินหลายจุดมาก หรือ ถ้าขี่จักรยานก็มีจุดชมวิวในหมู่บ้านและมีเลนทางจักรยานพิเศษค่ะ บ้านทุกหลังจะคุมโทนสีตามหมู่บ้านกำหนดและบ้านทุกหลังมีสระว่ายน้ำ..ตอนบ่ายทานข้าวเสร็จขี่จักรยานกลับแล้วไปทานชา กินขนมบ้านคุณอาจนเย็นเลยค่ะ
ภายในบ้านน่าอยู่มาก มีโถงห้องนั่งเล่น มีเตาผิง น่านอนมากเลยค่ะ ด้านล่างเป็นสระว่ายน้ำเล็กๆมีน้ำตกลงมาด้วยค่ะ
Day 4 in Las Vegas
วันนี้ซื้อบัตรDeuce24hour passค่ะ เราเดินทางขึ้นรถไปลงLas Vegas Sign เราต่อคิวประมาณครึ่งชั่วโมงเริ่มต่อคิว9.30น. จริงๆคิวไม่ได้ยาวนะคะแต่มีคุณลุงบริการคอยถ่ายภาพและบอกให้ทำท่าทางเยอะแยะเลย เราได้รูปเยอะมากโดยไม่ได้ร้องขอ 5555 อยากจะทิปลุงแต่นั่งดูรูปจนลืม
เรานั่งมาที่Stripส่วนกลาง ภาพด้านล่างคือFlamingoตอนกลางคืนพอดีว่าไม่ได้ถ่ายตอนกลางวันไว้ Flamingoคือคาสิโนแห่งแรกของทะเลทรายแห่งนี้ ให้เราเดินไปตามป้ายเพื่อไปดูสวนนก แต่พอไปดูแล้วป้ายติดว่าฟลามิงโกไม่ออกโชว์ในสวนวันนี้เราเลยดูนกดูปลาไปก่อนค่ะ
เดินออกมาที่Harrah's ด้านในไม่มีอะไรมีแต่เครื่องเล่นคาสิโนและเดินมาที่The LinqจะมีFerris Wheelที่เห็นคือ The Linqแนะนำให้นั่งชมไฟตอนกลางคืนนะคะสามารถwalk inเข้าไปซื้อบัตรได้เลยค่ะ โดยThe Linqจะมีร้านค้าและร้านอาหารหลายร้าน แถวนั้นคึกคักมากๆค่ะ ดูคิวได้ที่ https://www.vegas.com/attractions/on-the-strip/high-roller-las-vegas/
เดินไปที่Venetian ส่วนตัวคิดว่าคล้ายๆมาเก๊าค่ะ แฮะๆ ภายในVenetianจะมีเรือแกรนดอร่าและคนร้องเพลง มีห้าง ร้านอาหาร ตู้คาสิโน ติดกันจะเป็นTreasure Islandซึ่งมีข่าวไม่นานมานี้ว่ามีคนถูกรางวัลแล้วไม่มาขึ้น ทางคาสิโนได้ตามจนเจอว่าใครแล้วโอนเงินให้.....หึหึ น่าไปลงทุนมากค่ะ
ตรงข้ามVenetianจะเป็นMirage ทางโรงแรมจะมีจัดแสดงภูเขาไฟระเบิดค่ะ เราดูตอนอยู่บนรถเลยไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้ ทราบว่าเดี๋ยวโรงแรมนี้จะเป็นHard Rock Hotelแล้วจะมีรูปGuitarมาแทนค่ะ
เรากลับไปนอนที่โรงแรมเพราะตอนเย็นต้องไปดูการแสดงที่Wynn Hotelเพราะทางโรงแรมมีโชว์ใหม่ชื่อ Awakeningตอนทุ่มครึ่งค่ะ (ราคา$182.36) เราไปถึงที่โรงแรมตอน6.00โมง ฝากท้องไว้กับคาเฟ่ใกล้ๆที่จัดแสดงค่ะ เราแนะนำเลยว่าcafeข้างๆอาหารอร่อย ขนมอร่อยมาก Pretzelก็อร่อย
จะพูดถึงโชว์..เป็นการแสดง เต้น แสงสีเสียงและไฟ มีการเล่าเรื่องแบบbedtime storyซึ่งได้ผลดีมากค่ะแฟนเราหลับ ผู้ชายฝรั่งข้างหน้าเราก็หลับ ภายในWynnเค้าให้แต่งเป็นBusiness Casual การแสดงโชว์ก็เช่นกันค่ะบางคนแต่งแบบมางานกาล่า บางคนก็รองเท้าผ้าใบกับกางเกงขายาวเหมือนเราค่ะ ตอนที่เราต่อคิวเข้างานเราเขินมากเพราะบางคนแต่งจัดเต็มมากเหมือนเรามากันคนละงาน -///-
ซื้ออาหารมาหลายอย่างมากจนทานได้เป็นมื้อเช้าเราเลยฝากอาหารไว้กับทางCafeและบอกเค้าว่าจะมารับหลังจากดูโชว์เสร็จซึ่งเราคิดว่ามีเราคนเดียวที่ฝากค่ะ เพราะหลังโชว์แล้วเราเดินมาที่คาเฟ่ ผู้จัดการใส่สูทเดินมาหาเราว่ามารับของใช่ไหมสักครู่นะครับแล้วรีบเดินเข้าไปเลย ตอนจะรับฝากตอนแรกเค้าลังเลเหมือนกัน พนักงานคนบอกจะรับฝากบอกว่าออกเวร9.30น.ถ้าคุณมารับก่อนผมดูแลให้ได้ครับ (บริการดีม่อก) เราเลยซื้อเค้กไปอีกชิ้นค่ะ 55 อันนี้ไม่เกี่ยวกับบริการแต่น่ากินมาก และผลลัพธ์คือ อร่อยมากกกกกก แบบสายรุ้งพุ่งออกจากปาก
Day 5 in Las Vegas
วันนี้นั่งDeuceไปNorth Premium Outletค่ะ สามารถนั่งรถบัสแล้วเดินต่ออีก19นาที ต้องบอกว่าเรามีลิมิตการเดินสำหรับระยะทางไม่เกิน1ชั่วโมงค่ะ ถ้าเดิน19นาทีสบายมาก (แอบดูราคาค่ารถเผื่อซื้อของเยอะ....ค่ารถกลับโรงแรมประมาณ1200บาท โอเค เดินจ้า) จริงๆเราไม่เจออะไรที่ชอบมากๆที่Outletเลย ถ้าเป็นhigh end brandnameก็จะเป็นตัวตกรุ่น ถ้าไม่ตกรุ่นก็ไม่ลดราคา ส่วนCoach, Kate Spade, Tory Burch เราซื้อKate Spadeรุ่นเรียบๆมาค่ะ ถ้าราคาดีจริงๆคือ CK ส่วนใหญ่จะรุ่นธรรมดา เสื้อหนาวทั่วไปแต่ราคาคือ ลดแล้วลดอีก ให้อีเมลลดไปอีก คือ ถูกสุดๆนOutletคือCKค่ะ เราเดินวนๆในOutletจนถึงเย็นแล้วเดินกลับมาขึ้นรถ..ที่นี่ตอนกลางคืนอาจจะเปลี่ยวแต่ตำรวจขี่จักรยานคอยดูแลตลอดค่ะ เรามีคนมาขอไฟแช็ก คุณตำรวจขี่จักรยานมาบอกว่าอย่าพูดแบบนี้กับคนอื่น เรารู้สึกปลอดภัยดีมากค่ะ
Day 6 in Las Vegas
จริงๆคือวันกลับ ไฟล์เราเป็นเวลา 8 โมงแต่พอมาเปิดอีเมล...เฮ้ยมันเลื่อนจากLas VegasไปLAถึง 10.50น. ส่วนไฟลท์ต่อไปของเราปิดที่11.00น. กรีดร้อง เจ้าหน้าที่American Airlineจึงเดินไปหาตั๋วที่counter Deltaให้ค่ะ เราเลยได้ไฟลท์กลับมาแต่กว่าจะทำเรื่องคือนานพอสมควรต้องไปขอSpecial Service อ้ออีกเรื่อง สนามบินเปลี่ยนชื่อจากMc Carrenเป็นHarry Reid International Airportแล้วค่ะ เรานั่งUberมาเพราะสัมภาระเยอะแล้วก็ห่างจากโรงแรมแค่ะ2กิโล (ค่าเดินทางประมาณเกือบ400บาท)
เมื่อมาถึงLAXเราต้องรับกระเป๋าที่ชั้นล่างแล้ววิ่ง...ย้ำค่ะว่าวิ่งสุดใจไปTerminal B International Airportเพราะของเราคือสนามบินในประเทศค่ะ ตอนนั้นคือข้อเท้าเจ็บมากแต่ก็ต้องวิ่งสู้ชีวิต โชคดีที่มาถึงทันเวลาค่ะ ... ฟิ้ววว ตม.ขาออกง่ายมากค่ะ แค่เช็คสัมภาระแล้วยื่นpassport คิวเร็วมากกกกก ตอนนี้ตม.อเมริกาไม่มีstampแล้วค่ะทุกอย่างเก็บในdigital เราเลยมีเวลาเดินเล่นสนามบินLAX
ภาพด้านล่างคือสนามบินที่ลาสเวกัสค่ะ มีตู้คาสิโนให้ละลายเงินจนวินาทีสุดท้าย ส่วนใครอยากซื้อของฝากเพิ่มก็มีร้านนะคะ
มาที่สนามบินใน Los Angelesค่ะ เดินวนๆไปไม่มีอะไรถูก แฮ่แต่เราชอบเมนูน้ำAcaiของStarbucksมากกกเป็นRefreshmentที่สดชื่นจริงๆค่ะ
ขากลับแวะสนามบินนาริตะเพราะนั่งJAL เราก็รู้สึกสนุกกับการละลายทรัพย์พอสมควรค่ะเพราะว่าคิดถึงdrug storeกับขนมมากๆ ขาไปลงที่Hanedaเราก็ซื้อขนมพอกรุบกริบแล้วก็กินซูชิให้หายคิดถึงค่ะ
ตม.ขาเข้าที่นี่ไม่น่ากลัวเราเตรียมข้อมูลทริปทั้งแบบละเอียดและโดยรวม(โดยรวมเป็นตารางของแต่ละวัน ถ้าเปลี่ยนโรงแรมจะกรอกที่อยู่และเบอร์โทรของทุกโรงแรมไว้สามารถโทรเช็คได้) รวมถึงemployment letter - ส่วนเอกสารback upที่เตรียมคือ copy passport, copy id card, copy บัตรเครดิต)
จบแล้วสำหรับทริปนี้ มีเรื่องประทับใจมากมายและได้skillในการเที่ยวค่ะ เราชอบคนที่นี่นะถ้าถามเค้าก็จะตอบ มีความอิสระแต่ก็มีขอบเขตไม่ไปวุ่นวายกับเรื่องคนอื่นค่ะ ต้องการอะไรก็บอกเค้าสงสัยตรงไหนก็ถามตรงๆไม่ต้องคิดอะไร ได้ยินไม่ชัดเค้าก็ตะโกนใส่(แต่ไม่ได้ประชดนะ) เราเจอคุณป้าใส่สายสะพายToday is my Birthdayหลายคนค่ะ เราก็จะทักHappy Birthday, You look gorgeous today เค้าก็จะตอบกลับอย่างเฟรนลี่ คนไม่รู้จักกันก็สามารถคุยกันได้อย่างสนุกสนาน เช่น เราเจอฝรั่งทักที่Dolby theatherว่าเสื้อสวยจัง ว้าวใส่คู่กันเลย คุณมาจากสิงคโปร์หรอ เราบอกไม่ๆ ไทยแลนด์จ้า เค้าบอกอุ๊ย ขอโทษที่ทักผิดนะ มาเที่ยวหรอ เราบอกใช่ ว้าว I love you and your dog (เรารักหมาค่ะ) เค้าบอก Me too I love you, welcome to Hollywood บทสนทนานี้คือเรานั่งแล้วเค้าเดินไปพูดไป คุยตะโกนกันไปแล้วจบ ยังไม่รวมถึงโดนคุณลุงขับรถบัสสอนว่าต้องถามทุกครั้งที่ขึ้นนะอย่าขึ้นเพราะแค่รถมา รถแต่ละสายไปไม่เหมือนกันนะ...ตอนนี้มีทริปในใจไปฟลอริด้าแล้วค่ะ 5555 แต่ขอไปเก็บเงินก่อนเพราะคิดว่าไปแถบนู้นต้องเช่ารถ ค่าใช้จ่ายพุ่งแน่นอน
สิริรวมทริปนี้นะคะ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ THB160k(ไม่รวมซื้อของ) เที่ยวสนุกอย่ากินแบบรันทดมากๆ คิดถึงผักผลไม้ก็ทานมันบ้าง (แฟนเราซื้อมาม่าMaruchanไปเป็นถุงเลย)
หวังว่าทุกคนจะสนุกและชอบรีวิวของเรานะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ