▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวต่างประเทศ
Backpack
แผนการเดินทางและท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยว
สหรัฐอเมริกา
Part 2 เที่ยวอเมริกาครั้งแรก West Coast Trip (San Francisco - Los Angeles - Las Vegas) 18 วัน ไม่ง้อรถส่วนตัว 2023
เรานั่งรถFlixbusมาถึงLA Downtown Flixbusตอน7โมงเช้า เราเลือกลงที่Downtownเพราะว่ารถจะจอดตรงmetro Union Stationซึ่งสะดวกมากๆถ้าใครจะเดินทางต่อmetro or amtrakค่ะ เรามาซื้อบัตรmetroที่สถานีเลยค่ะแล้วนั่งต่อเดียวถึงโรงแรม เช็ครายละเอียดได้ค่ะ Tap Card
เราพักอยู่ที่ Dixie Hollywood hotel เนื่องจากโรงแรมห่างเพียง100เมตรใต้ดินสายสีแดงที่ตรงกับป้ายรถเมล์และใต้ดิน อีกทั้งตรงข้ามThai Townด้วยค่ะ คนเอเชียพักที่นี่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ถ้าใครจะเช่ารถแนะนำจอดชั้น1จะสะดวกมากๆเพราะรถจะจอดหน้าห้องพักเลย ห้องจะเป็นแนวmotel 2ชั้นไม่มีลิฟต์นะคะ ถ้ากระเป๋าใหญ่ก็ต้องใช้พลังยกชึ้นไปค่ะ ถ้าใครอยากเช็คอินก่อนเค้าคิด $20
เราเลือกdrop bagที่โรงแรมแล้วเราก็เลยนั่งใต้ดินไปลงที่ Metro Hollywood/Highland เพื่อไปดูDolby Theather, Chinese Theather (ด้านหน้าจะเป็นรอยประทับมือดาราต่างๆ), Hall of Fame สามารถเช็คList of starได้เลยค่ะเพราะว่าถนนยาวมาก ถ้ามีใครในดวงใจแนะนำให้เช็คแล้วปักหมุดเพื่อเดินไปถ่ายภาพค่ะ ถ้าใครอยากเห็นHollywood signสวยๆ เดินไปหลังDolby Theatherได้ค่ะ จะเห็นภูเขาพอดีเลย บรรยากาศดีมาก
ตอนบ่ายเราได้จองรอบทัวร์กับWarner Bros Studioจะเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง เช่น Friends series, Avenger, etc. ทางWarner Bros.จะใช้สถานที่ดังกล่าวมาrenovateแล้วก็ถ่ายทำค่ะ เราซื้อทัวร์ล่วงหน้าจากKlookโดยต้องระบุเวลาการเข้ารับชมเพราะจะต้องนั่งรถกอล์ฟไปสถานที่ต่างๆก่อนจะพากลับมาที่exhibitionค่ะ การเดินทางง่ายๆคือ ลงสายสีแดงUniversal Studioแล้วหันหลังให้กับป้ายwelcome Universal hollywoodเพื่อข้ามถนนมารอรถบัสค่ะ **อย่าข้ามสะพานนะเพราะนั่นจะไปUniversalสวนสนุก!
การซื้อบัตรจะมีแบบClassic tour กับ Studio tour เราเลือกStudioทัวร์ภาษาอังกฤษค่ะ เราจะต้องระบุวันและเวลาเพื่อจองบัตรซึ่งราคาบัตรจะประมาณ2300กว่าบาท
ภาพด้านล่างคือ โกดังที่26 (มั้ง) จำเลขชัดๆไม่ได้แต่เป็นโกดังสำคัญในฉากหนังอย่างตัวละครAquamanอยู่ในทะเล
อันนี้เป็นห้องเก็บเสียงสำหรับถ่ายทำรายการโชว์ หรือ ฉากเสียงดังๆเพราะเป็นห้องที่บุเก็บเสียงโดยเฉพาะค่ะ
ภาพนี้คือ การจัดแสดงชุดที่นักแสดงใส่ เช่น ชุดJokerของHeath Ledger
มีชุดและอาวุธแสดงให้ชม ต้องบอกว่าห้องBatmanหวือหวามาก
พูดถึงWB หนีไม่พ้นหนังอมตะ(ของเรา) Harry Potter เราสนุกมาก มีฉากต้นเมนเดรก ฉากห้องปรุงยา ฉากห้องนอนที่ลอนดอน และไม้กายสิทธิ์ต่างๆ สามารถขี่ไม้กวาดแล้วรับรูปภาพเป็นที่ระลึกได้ด้วย..
มีส่วนของFantastic Beast เช่น ฉาก ชุดเสื้อผ้าและไม้เวทมนตร์ (เรามัวแต่สนุกสนานไม่ได้ถ่ายมาเลยค่ะ)
Day 2 in LA
Disneyland 100th Anniversary (ที่แรกของโลก) + Disney California Adventure
การเดินทางไปDisneyสามารถนั่งได้ทั้งAmtrak/Bus/Taxi เนื่องจากเราตื่นสายเลยเรียกUber 45นาทีถึงค่ะ ถ้านั่งBusจะใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง ส่วนค่าUberที่เราจ่ายไปคือ 1600 บาทค่ะ T T
Disneyกำหนดจำนวนคนเข้าในแต่ละวันเพราะฉะนั้นจะต้องดาวน์โหลดapplicationและreserveวันที่จะเข้าparkด้วย ถ้าใครอยากเก็บเครื่องเล่นได้เยอะๆแนะนำGenie or Light Lane คือ การจ่ายเงินเพิ่มเพื่อได้เข้าแถวลัดค่ะ บางเครื่องเล่นก็เปิดแค่Light Laneทำให้เราที่ซื้อบัตรRegularไม่ได้เล่นค่ะ
เราไปวันธรรมดา ตอนซื้อคือlow season ทำให้ไม่มีพลุ หรือ โชว์ที่ปราสาทแต่จะมีแสดงไฟและเพลงที่main streetแทน แล้วparkก็ปิด8.00pmด้วยค่ะ
เราซื้อบัตร1Day hopper low season ค่าบัตรประมาณ 6000 บาทมีทอนกรุบๆ
เริ่มที่Disney California Adventure เราขอเรียกว่าเครื่องเล่นเด็กโต ใครเป็นแฟนๆPixarจะต้องชอบparkนี้แน่นอนค่ะ เราว่าhighlightของที่นี่คือFerris Wheelซึ่งจะมี2อย่างคือนั่งกระเช้าแบบเหวี่ยงได้กับกระเช้าปรกติซึ่งกระเช้าเหวี่ยงได้จะเป็นที่นิยมกว่า...แต่เราว่าน่าเวียนหัวมากกว่านะคะ
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็บ่าย2 เราเลยต้องรีบไปDisneylandเพื่อไปเดินเล่นฝั่งปราสาทกันค่ะ
พื้นทางเดินระหว่าง2parkน่ารักมากๆ มีระบุชื่อคนที่เกี่ยวข้องเต็มไปหมดเลยค่ะ
พอมาถึงก็มีการแสดงโชว์เล่นเพลงDisneyที่หน้าปราสาทเลยค่ะ สนุกสนานมาก
คนที่มาเที่ยวนิยมใส่เสื้อผ้าDisneyและสะพายกระเป๋าเป้เล็กๆเป็นตัวการ์ตูนDisneyกันค่ะ ที่นี่มีขายเบียร์หลายประเภทมาก ถ้าใครชอบดื่มสามารถดื่มไปต่อคิวเครื่องเล่นไปได้ ถ้าเครื่องเล่นไหนมีsingle rideให้แยกกันเข้าไปเล่นนะคะจะได้คิวเล่นที่เร็วขึ้น
ที่นี่สามารถเข้าไปชมปราสาทได้ จะเป็นเรื่องเล่าของSleeping Beautyค่ะ จะเป็นทางเดินเล็กๆสำหรับ1คนเดินตามทางเหมือนเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ถ้าใครเคยไปที่ฝรั่งเศสจะแตกต่างกันมากเลยค่ะ ที่ฝรั่งเศสจะกว้างและโอ่งโถงกว่า
โยดาน้อยกำลังถูกจับตามองค่ะ น่ารักมากๆ โยดาก็ไม่รู้เรื่องเลยว่าถูกข่มขู่อยู่
การจัดแสดงแสงสีจะเริ่มประมาณทุ่มนึงถ้าจำไม่ผิด มีการโปรยหิมะปลอมให้ด้วยค่ะ คนที่มาเที่ยวพาร์คก็จะร้องเพลงดิสนีย์ตามตลอด สนุกมากเลย
ตอนกลับเรากลับรถบัสสายเดียวถึงใต้ดินใกล้ๆที่พักแต่ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด2ชั่วโมง เราเลยลงbusแล้วต่อUberเพื่อความสะดวกและปลอดภัยค่ะ กว่าจะถึงห้องพักก็ประมาณ5ทุ่มได้ เหนื่อยร่างแหลกมาก
Day 3 in LA
Griffith Observatory and Santa Monica
เมื่อวานเหนื่อยมาก วันนี้ตื่นเกือบ10โมงค่ะ ตื่นมาก็ทานข้าวแล้วลงMetro Vermont / Sunset แล้วรอรถDash(ฟรี)เพื่อขึ้นไปที่หอดูดาวกันค่ะ
ถ้าใครชอบเดินสามารถเดินขึ้นมาได้ มีคนมาเดินtrekking, joking, yoga หรือ พาสุนัขมาเดินเล่นรอบๆเพราะบรรยากาศดีมาก ตอนนั่งรถบัสขึ้นมาก็จะเห็นบ้านหลังใหญ่ๆเต็มหมด...แถวนี้น่าอยู่มากค่ะ
ถ้าไม่ได้ซื้อทัวร์หรือนั่งรถขึ้นไปHollywood sign ก็สามารถมาถ่ายรูปตรงนี้ได้เหมือนกันค่ะ แนะนำให้ขึ้นไปหอดูดาวแล้วออกมาทางระเบียง ตรงมุมใกล้ๆHollywood signจะได้รูปแบบด้านล่าง
รูปนี้คือSamsung Ultra 22 zoom 10x
ภายในหอดูดาวก็จะมีการอธิบายต่างๆเกี่ยวกับดวงดาว เวลา โดยผู้สร้างคือคนที่มาขุดทองบริเวณนี้และอยากตอบแทนสังคมค่ะ ถ้าใครอยากดูการจัดแสดงดูดาวสามารถซื้อตั๋วจ่ายพิเศษเข้าไปชมได้ (มีกำหนดอายุว่าเด็กๆหลานๆไม่สามารถเข้าได้)
นอกจากHollywood signแล้วยังมีcity viewให้ชมด้วยนะคะ
ขากลับก็นั่งเหมือนเดิมค่ะแต่ว่านั่งmetroสายสีแดงไปลง 7th Street / Metro Center แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีน้ำเงินExpoนั่งสุดสายไปSanta Monica
พอออกจากสถานีก็เดินตามทางไปตรงๆจะเป็นชายหาด..พื้นถนนจะทำเป็นรูปเข็มทิศแล้วชี้ไปSanta Monicaค่ะ
โดยรวมคือ สวนสนุกเล็กๆติดชายหาด อาหารค่อนข้างแพง รสชาติเฉยๆ..วิวสวยแต่ไม่ได้ว้าวค่ะ
มีลิ้งทั้ง5partsในคอมเม้นนะคะ <3