✈✈✈
อีกครั้งการกลับมาสร้างความบรรลัยให้กับที่ๆ Gerard Butler ต้องเข้าไปอยู่ตรงนั้น ตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้มากนัก คิดว่าก็คงเป็นแนวคล้ายๆ กับเรื่องอื่นที่แกแสดงมา ประมาณว่าบังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งพักหลังผมมอง Gerard Butler ว่าเริ่มจะคล้ายกับ Liam Neeson ที่จะเล่นหนังแนวเดิมๆ เข้าไปเรื่อยๆ กับเรื่องนี้ถึงแม้แนวหนังจะเข้าข่าย "คล้าย" เดิมแต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้หนังดูสนุกและเดือดบรรลัยจริงๆ
✈✈✈
เรื่องราวของ “โบรดี ทอร์เรนซ์” กัปตันเครื่องบินโดยสารที่ต้องนำเครื่องลงจอดบนเกาะแห่งหนึ่งหลังเกิดเหตุฉุกเฉินบนน่านฟ้า แต่ทว่านี่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติสุดเลวร้าย เมื่อเกาะแห่งนี้กลับกลายเป็นเขตสงครามสุดอันตรายที่นำไปสู่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เมื่อผู้โดยสารบนเครื่องถูกกบฏแบ่งแยกดินแดนจับเป็นตัวประกัน ซึ่งที่พึ่งสุดท้ายของทอร์เรนซ์ก็คือ “หลุยส์ กาสปาร์” ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมที่เอฟบีไอส่งตัวมาพร้อมกับเที่ยวบินนี้ ทำให้กัปตันที่เคยจับแค่คันบังคับเครื่องต้องหันมาจับปืนร่วมมือกับนักโทษสุดอันตราย ผนึกกำลังเป็นคู่หูสุดระห่ำเฉพาะกิจ ลุยแหลกแบบไม่สนตายเพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสารทุกคนให้ปลอดภัย
✈✈✈
หนังถูกแบ่งเป็นสามช่วงหลักๆ โดยหลังจากจากหนังแนะนำตัวละครเสร็จแล้ว ก็พาเราไปลุนระทึกกับสถานการณ์ที่เครื่องบินขัดข้อง ให้เราได้ใจหายใจคว่ำกับการที่กัปตัน ทอร์เรนซ์ ต้องเอาเครื่องลงให้ได้ ซึ่งหนังก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนดูในรูปแบบที่เราเคยเห็นกันทั่วไปกับหนังแนวเครื่องบินตกนั่นแหละ
✈✈✈
พอมาช่วงที่สอง เป็นช่วงลุยแหลกแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงช่วยเหลือตัวประกัน ก็จะเปลี่ยนเป็นอีกแนวที่เหมือนหนังมีมิชชั่นให้พระเอกเราทำ พอผ่านช่วงนี้ไปเข้าถึงช่วงไคลแม็กซ์ตอนท้าย เป็นช่วงที่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ช่วงนี้แหละมันส์สุดๆ ไล่ยิงกันกระจาย แล้วก็ต้องมานั่งลุ้นให้หนีรอดไปให้ได้
✈✈✈
ซึงนอกเหนือจากตัวหนังที่มันสนุกและมันส์ในตัวมันเองแล้ว มุมกล้องและสถานการณ์ต่างๆ ที่หนังจัดเข้ามามันช่วยเสริมให้ตัวหนังมีอะไรไปต่อได้เรื่อยๆ และให้คนดูลุ้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงจะคาดเดาได้บ้าง แต่ก็มีความมันส์สะใจคนดูแบบต้องตั้งใจดูอย่างแน่นอน
✈✈✈
เอาจริงๆ หนังมันลงล็อกตามสูตรเป๊ะๆ แต่จุดแข็งของหนัง Gerard Butler แต่ละเรื่องคือการที่หนังของเขาสามารถทำให้หนังมันออกมาสนุกและมันส์แตกต่างกันแบบมีเอกลักษณ์ ซึ่งมันแตกต่างจากหนังของ Liam Neeson ที่พักหลังออกมาเหมือนกันจนแยกไม่ออก เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้ของ Gerard Butler นั้นไม่ต้องห่วงครับดูสนุกแน่นอนครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] PLANE ดิ่งน่านฟ้า เดือดเกาะนรก - จำเจแบบ Gerard Butler ที่ไปที่ไหนก็มีแต่ความมันส์บรรลัยโลก
✈✈✈
อีกครั้งการกลับมาสร้างความบรรลัยให้กับที่ๆ Gerard Butler ต้องเข้าไปอยู่ตรงนั้น ตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้มากนัก คิดว่าก็คงเป็นแนวคล้ายๆ กับเรื่องอื่นที่แกแสดงมา ประมาณว่าบังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งพักหลังผมมอง Gerard Butler ว่าเริ่มจะคล้ายกับ Liam Neeson ที่จะเล่นหนังแนวเดิมๆ เข้าไปเรื่อยๆ กับเรื่องนี้ถึงแม้แนวหนังจะเข้าข่าย "คล้าย" เดิมแต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้หนังดูสนุกและเดือดบรรลัยจริงๆ
✈✈✈
เรื่องราวของ “โบรดี ทอร์เรนซ์” กัปตันเครื่องบินโดยสารที่ต้องนำเครื่องลงจอดบนเกาะแห่งหนึ่งหลังเกิดเหตุฉุกเฉินบนน่านฟ้า แต่ทว่านี่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติสุดเลวร้าย เมื่อเกาะแห่งนี้กลับกลายเป็นเขตสงครามสุดอันตรายที่นำไปสู่สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เมื่อผู้โดยสารบนเครื่องถูกกบฏแบ่งแยกดินแดนจับเป็นตัวประกัน ซึ่งที่พึ่งสุดท้ายของทอร์เรนซ์ก็คือ “หลุยส์ กาสปาร์” ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมที่เอฟบีไอส่งตัวมาพร้อมกับเที่ยวบินนี้ ทำให้กัปตันที่เคยจับแค่คันบังคับเครื่องต้องหันมาจับปืนร่วมมือกับนักโทษสุดอันตราย ผนึกกำลังเป็นคู่หูสุดระห่ำเฉพาะกิจ ลุยแหลกแบบไม่สนตายเพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสารทุกคนให้ปลอดภัย
✈✈✈
หนังถูกแบ่งเป็นสามช่วงหลักๆ โดยหลังจากจากหนังแนะนำตัวละครเสร็จแล้ว ก็พาเราไปลุนระทึกกับสถานการณ์ที่เครื่องบินขัดข้อง ให้เราได้ใจหายใจคว่ำกับการที่กัปตัน ทอร์เรนซ์ ต้องเอาเครื่องลงให้ได้ ซึ่งหนังก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนดูในรูปแบบที่เราเคยเห็นกันทั่วไปกับหนังแนวเครื่องบินตกนั่นแหละ
✈✈✈
พอมาช่วงที่สอง เป็นช่วงลุยแหลกแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงช่วยเหลือตัวประกัน ก็จะเปลี่ยนเป็นอีกแนวที่เหมือนหนังมีมิชชั่นให้พระเอกเราทำ พอผ่านช่วงนี้ไปเข้าถึงช่วงไคลแม็กซ์ตอนท้าย เป็นช่วงที่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ช่วงนี้แหละมันส์สุดๆ ไล่ยิงกันกระจาย แล้วก็ต้องมานั่งลุ้นให้หนีรอดไปให้ได้
✈✈✈
ซึงนอกเหนือจากตัวหนังที่มันสนุกและมันส์ในตัวมันเองแล้ว มุมกล้องและสถานการณ์ต่างๆ ที่หนังจัดเข้ามามันช่วยเสริมให้ตัวหนังมีอะไรไปต่อได้เรื่อยๆ และให้คนดูลุ้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงจะคาดเดาได้บ้าง แต่ก็มีความมันส์สะใจคนดูแบบต้องตั้งใจดูอย่างแน่นอน
✈✈✈
เอาจริงๆ หนังมันลงล็อกตามสูตรเป๊ะๆ แต่จุดแข็งของหนัง Gerard Butler แต่ละเรื่องคือการที่หนังของเขาสามารถทำให้หนังมันออกมาสนุกและมันส์แตกต่างกันแบบมีเอกลักษณ์ ซึ่งมันแตกต่างจากหนังของ Liam Neeson ที่พักหลังออกมาเหมือนกันจนแยกไม่ออก เพราะฉะนั้นหนังเรื่องนี้ของ Gerard Butler นั้นไม่ต้องห่วงครับดูสนุกแน่นอนครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้