อุทัยทริป กางเต็นท์ เที่ยวถ้ำเขาวง

กระทู้สนทนา

สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ ท่องเที่ยว เที่ยวไทย

เมื่อต้นสัปดาห์ อากาศค่อนข้างหนาว เลยวางแผนชวนแฟนไปกางเต็นท์ พอตกลงกันได้ว่าจะไปกาง ขั้นตอนต่อไป คือหาลาน โดยมีโจทย์ว่า คนไม่เยอะ ไม่เคยไป ไม่ไกลมาก อากาศน่าจะเย็น ตัวเลือกแรก ราชบุรี เพชรบุรี จากนั้นนึกขึ้นได้ว่าน้องที่รู้จักแนะนำให้ไปอุทัย เราก็เลยลองหาข้อมูล ลานกางเต็นท์จังหวัดอุทัยธานี เราก็ได้ตัวเลือกมาหลายที่ แต่ที่ๆลงในเว็ปส่วนมากคนน่าจะเยอะ เลยใช้ตัวเลือกค้นหาใน map ซึ่งก็ได้เจอ ลานกางเต็นท์ลานใหม่ เพิ่งเปิดทดลองกางเต็นท์วันที่ 19 มกราคม เลยรีบทักไปหาทางเพจ ซึ่งลานใหม่น่าจะยังจัดการอะไรไม่ค่อยลงตัวเลยมีเพจเฟสบุ๊คอยู่สองเพจซึ่งสองเพจ admin คนเดียวกัน ลืมบอกไปครับ ลานนี้ชื่อ ลานนกฮูก ลานอยู่ในโซนใกล้ๆกันลานยางนาแต่ขับแยกในซอยไปอีกทาง

รายละเอียดของ ลานนกฮูก มีคร่าวๆ ดังนี้ครับ

ช่วงทดลองเปิด ค่ากางเต็นท์ 150 บาทต่อคนต่อคืน

กางทาร์ปไม่คิดเพิ่ม

ห้องน้ำอาบน้ำรวมส้วม ชาย 2 ห้อง มีโถปัสสาวะ แยกสองโถ ห้องน้ำรวมส้วมหญิง 3 ห้อง

ปลั๊กต่อไฟมีเกือบทั้งลาน แต่เนื่องจากเป็นลานที่ใช้ไฟโซล่าเซล จึงไม่เหมาะกับ อุปกรณ์ที่กินไฟเยอะ

จุดล้างจานมีจุดเดียว 1 อ่าง

เกริ่นเรื่องมาพอสมควรเราเริ่มออกเดินทางเลยครับ

ผมออกเดินทางจากบ้าน ตอน 6.54 น โดยวิ่งไปตามแมพ วิ่งเส้นบางบัวทอง-สุพรรณแล้วไปเข้า อ.บ้านไร่เลย ใช้เวลาเดินทาง 3ชั่วโมงถ้วน ไปถึงลาน

พอไปถึง ลานยังว่างอยู่เยอะเราได้ขนของเลือกจุดกาง ทางเจ้าของได้แนะนำจุดกางให้เราเลยเลือกกางจุดนั้นอย่างไว ซึ่งในวันที่กางนั้น อากาศ ประมาณ 30 องศา ซึ่งถือว่าร้อนพอสมควร แต่ว่าจุดที่กางต้นไม้เยอะ ทำให้มีร่มไม้คอยบัง

หลังจากกางเสร็จ ได้เวลาอาหาร มื้อแรกเราทำกินกินง่ายๆ คือ เมนูโซบะเย็น กับไก่ทอด

วิธีทำก็ง่ายๆ ลวกเส้นแช่น้ำแย็น ส่วนน้ำซุปก็ผสมน้ำเปล่า 1ต่อ5 ใส่วาซาบินิดหน่อย เป็นอันจบ

ไก่ทอดก็ซื้อสำเร็จใส่ฟรอยอุ่นเอาให้กรอบ

หลังจากกินอิ่ม เราไปแวะเที่ยวตลาดซาวไฮ้ ซึ้งเป็นตลาดชุมชน อยู่ไม่ไกลจากลานกางเต็นท์มาก

โดยสินค้าที่ขายที่ตลาด จะมี ขอกิน อาหาร ราคาดีไม่แพง แล้วก็มีของทำมือขาย เสื้อมัดย้อม เขียง (ไม่ได้ถ่ายเป็นรูปไว้มีแต่คลิป) แนะนำให้มาเดินกันเยอะๆ มีที่จอดรถข้างในด้วยครับ

หลังจากเดินตลาดเสร็จเราเดินทางไปต่อที่ถ้ำเขาวง ซึ่งห่างประมาณ 10กิโลเมตร การเดินทางง่ายมีป้ายบอกทางตลอด แต่ดูแมพดีกว่าและแนะนำไปทางถนนใหญ่ ขับง่ายกว่า

วัดนี้เรามาถึงจอดรถลงเดินนิดเดียวก็จะพบกับวิวที่สวยงามของวัด

เราสามารถเดินขึ้นไปข้างบนทรงไทยได้ (แต่ผมไม่ได้ขึ้น)

ผมกับแฟนเดินไปทางด้านขวาจะมีทางขึ้นบนทรงไทย และขึ้นเขา แต่ก่อนขึ้นเขาจะเจอวิหารหลวงพ่อบุญทิพย์ครับ

ผมกับแฟนได้เดินขึ้นเขากันไป ซึ่งก่อนหน้ามีพี่ 2คนเดินนำขึ้นไปก่อนแล้วสองคนเราจึงตัดสินใจเดินขึ้นตามไป

ระหว่างทางขึ้นไปบนเขา ขอแนะนำอย่างนี้ครับ เดินด้วยความระมัดระวังเพราะทางขวา ค่อนข้างชัน ทางเดินช่วงแรกๆจะดีครรับลังๆ จะเป็นหินส่วนใหญ่

จากจุดขึ้นเขามีจุดนึงให้แวะถ่ายรูปขึ้นคือครึ่งทาง

และนี่คือจุดที่บอก ผมนั่งพักตรงนี้อยู่นานมาก หลังจากพักเสร็จ ก็เดินทางต่อไปอีกประมาณ500เมตร

หลังจากเดินไปซักพักต้องหยุดขำกับแฟน เพราะจากนี้ป้ายบอกทางไม่มีบอกระยะทางแล้ว มีเขียนไว้น่ารักๆ ตามรูปเลยครับ

เดินต่อไปอีกซัก 300เมตรจากป้ายนี้ก็จะพบกับกุฏิแม่ชี และทางซ้ายมือ จะมีทางเดินไปถ้ำ ซึ่งพอมาถึงแล้วพบว่า ถ้ำไม่มีอะไรเลย

มารู้ทีหลังว่าเค้าย้ายถ้ำลงไปแล้ว

ถ้าใครมาแล้วอยากขึ้นเขาแนะนำให้ขึ้นแค่จุดที่เป็นลานที่มีพระก็พอครับ แต่ถ้าใครอยากเห็นด้วยตาตัวเองให้สุดทางก็เดินต่อครับ

จากนั้นเราก็กลับลานกางเต็นท์ อาบน้ำ แล้วไปนั่งดูวิวลาน ที่พี่เจ้าของลานเค้าแนะนำ ให้ขึ้นไปนั่งดู

พอเริ่มมืดก็กลับมาที่เต็นท์ เตรียมทำมื้อเย็นกินกัน ซึ่งเวลานี้ไฟปลั๊กต่อได้ดับไปแล้วเพราะการใช้ไฟเกินขนาด อย่างที่บอกตอนแรกว่าลานใช้ไฟโซล่าเซล

แต่ก็ไม่มีปัญหากับเรา เพราะเรามีตะเกียงแก๊สสำรอง และก็ไฟสำรองเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว

โดยมื้อเป็นเมนูง่ายๆ ที่อุ่นกินกันแต่อร่อย เพราะหลังจากออกแรงเดินขึ้นเขาลงมาหิวกันพอสมควร

มื้อนี้มีซุปกิมจิ ข้าวหน้าเนื้อ คิมมารี ไก่ทอด ผักสลัด

ทานกันเสร็จแล้วก็นั่งเล่นฟังเพลงกันเพลินๆ ซักพักไม่นาน ประมาณ3ทุ่ม ฝนก็ตกลงมา ซึ่งพยากรณือากาศในเว็ปแจ้งไว้ว่าจะมีฝนตกช่วง 5โมงเย็น เราก็คิดว่ารอดกันแล้ว

ซึ่งฝนตกตั้งแต่ 3ทุ่มกว่า เราก็ได้รีบเข้าเต็นท์นอนกัน พอสี่ทุ่ม มีแต่ลมเย็นมาฝนเบา พวกเราก็เลยหลับสบายๆ กับลมเย็นๆ ตื่นเช้ามา7โมงฝนก็ยังตกอยู่ อากาศเย็นสบายมาก ไม่ถึงกับหนาว

เมนูมื้อเช้าก็ง่ายๆขนมปัง ไข่ลวก กาแฟ ข้าว