ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงเป็นปัญหาอีกนานหลายสิบปี วันนี้เลยมาขอแชร์สิ่งที่ทำอยู่เพื่อลดความเสียหายของผิวสำหรับผิวระคายเคืองง่าย
บอกก่อนว่าเรามีสภาพผิวแห้ง ขาดน้ำ ระคายเคืองง่าย rosacea eczema ซึ่งจะมีความอักเสบใต้ผิวและถูกกระตุ้นได้ง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ปัจจัยกระตุ้นในเมืองไทยคือแค่ก้าวขาออกจากบ้านไปกระตุ้นเลย บทความที่เรารวบรวม trigger ไว้อยู่ที่นี่ ถ้าสนใจสามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้
กลับมาที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ส่วนตัวมองว่ามันไม่สามารถป้องกันได้ 100% ยังไงโอกาสที่จะมีผลกระทบกับผิวมีอยู่แล้วแน่ๆ ไม่มากก็น้อย
เพราะเราไม่สามารถวัดผิวหนังเราได้ตลอดเวลาว่าสิ่งที่เราทำปกป้องได้เท่าไหร่
ไหนจะปัจจัยเหงื่อไหลไคลย้อย หน้ากากถูผิวอีก
เตรียมรับมือแล้วอย่าแพนิกกวาดสกินแคร์ทุกตัวมาใช้ให้ผิวรวนดีกว่า
สิ่งที่เราจะทำคือ
1. เติมความชุ่มชื้นเข้าผิวทุกวันเพื่อชดเชยน้ำใต้ผิวที่อาจจะลดลงระหว่างวัน เนื่องจาก PM2.5 จะทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ผลคือฝุ่น เชื้อโรค แบคทีเรียเข้า และน้ำออกจากชั้นผิวได้ง่ายขึ้น การเติมน้ำให้ผิวช่วยลดการระคายเคืองได้ 100% สามารถดูได้ที่คลิปนี้
https://youtu.be/WZ0rqlxx4Mg เราทดสอบไว้ให้ดูแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวิธีการเดียวกับเรา จะด้วยวิธีการไหนก็ได้แต่อย่าลืมเติมกลับคืนให้ผิวด้วย
2. ทา antioxidant เท่าที่สามารถทำได้ บอกก่อนว่าในกรณีนี้อย่าวู่วามเอา aox ที่เป็นกรดหนักใส่ผิว ให้ดูสภาพผิวก่อน ถ้าผิวมีอาการขาดน้ำ หรือแสบ หรือมีรอยโรคผิวหนังอยู่ให้ค่อยๆ เริ่มจากอ่อนๆก่อน แน่นอนว่าหลายคนคงคิดออกแค่ Vit C แต่ไม่ใช่นะ มีทั้ง Vit E, Licorice, Niacinamide อีกมากมายที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง aox และลดการอักเสบได้ ซึ่งความจริงในเซรั่มที่ใช้ๆกันอยู่ส่วนใหญ่ก็จะมีสารเหล่านี้แฝงมาอยู่แล้ว
3. หาสกินแคร์ที่ลดการอักเสบจริงจังขึ้นนิดนึง เพราะฝุ่นจะกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม และหน้ากากที่ต้องเสียดสีตลอดเวลาอีก ส่วนตัวเราชอบ Licorice ในช่วงวิกฤติมาก เพราะด้วยอาการโรคเองต้องการตัวลดอักเสบที่จริงจังหน่อย และต้องการ aox ด้วย Licorice เลยเป็นส่วนผสมที่เราค่อนข้างเลิฟเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้ตัวลดการอักเสบทั้งกลางวันเพื่อลดความเสียหายและกลางคืนเพื่อฟื้นฟูผิว
4. ปิดผิวให้ดี ใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ไม่น้อยไปไม่มากไป
5. อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามกับสกินแคร์รักษาสิว แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้เติมความชุ่มชื้นควบคู่กันไป เพราะช่วงที่ผิวผจญเพลิงมาเกราะป้องกันจะอ่อนแออยู่แล้ว ความทนทานกรดก็จะลดลงด้วย
6. ทาแป้ง ส่วนตัวเราทาแป้งแบบอัดหนักนิดนึงในตอนเช้าเพื่อลดแรงเสียดสีจากหน้ากากและให้ฝุ่นไม่ติดหน้า (จะบอกว่า PM2.5 ทะลวงได้อยู่แล้วแหละ แต่อย่างน้อยก็อาจจะกันฝุ่นอื่นไว้ได้บ้าง ลดความเสียหายได้หน่อย)
7. ล้างหน้าให้สะอาด ถ้าต้องแต่งหน้าให้แต่งปกติ รองพื้นได้แต่ล้างให้สะอาด ไม่งั้นอุดตันรูขุมขนก็จะเป็นลูปเกราะผิวพังสิวขึ้นวนไปเรื่อยๆ
8. ใส่หน้ากากและเปลี่ยนหน้ากากบ่อยๆ ลดแบคทีเรีย
9. ทากันแดดที่มีประสิทธิภาพ ถ้าเติมกันแดดอย่างสม่ำเสมอในระหว่างวันได้จะดีมาก
10. ใช้ mist ที่ช่วยลดการอักเสบหรือปกป้องมลภาวะ *Optional
สุดท้ายคือเลี่ยงการออกนอกบ้าน ข้อนี้คือลดโอกาสที่ผิวจะเสียหายได้อย่างมีนัยยะสำคัญมาก
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นแนะนำ keep hydrating and protecting
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับทุกคนบ้าง ถ้าเข้าใจผิดพลาดตรงไหนสามารถให้ความรู้เพิ่มเติมทั้งกับเราและคนอื่นๆจะได้เรียนรู้และเอาไปใช้ได้
ขอให้ทุกคนมีผิวที่ชุ่มชื้นตลอดวันนะ 😊
💕 ลดความเสียหายให้ผิวจาก PM2.5 สไตล์คนระคายเคืองง่าย 💕
บอกก่อนว่าเรามีสภาพผิวแห้ง ขาดน้ำ ระคายเคืองง่าย rosacea eczema ซึ่งจะมีความอักเสบใต้ผิวและถูกกระตุ้นได้ง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ปัจจัยกระตุ้นในเมืองไทยคือแค่ก้าวขาออกจากบ้านไปกระตุ้นเลย บทความที่เรารวบรวม trigger ไว้อยู่ที่นี่ ถ้าสนใจสามารถไปอ่านเพิ่มเติมได้
กลับมาที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ส่วนตัวมองว่ามันไม่สามารถป้องกันได้ 100% ยังไงโอกาสที่จะมีผลกระทบกับผิวมีอยู่แล้วแน่ๆ ไม่มากก็น้อย
เพราะเราไม่สามารถวัดผิวหนังเราได้ตลอดเวลาว่าสิ่งที่เราทำปกป้องได้เท่าไหร่
ไหนจะปัจจัยเหงื่อไหลไคลย้อย หน้ากากถูผิวอีก
เตรียมรับมือแล้วอย่าแพนิกกวาดสกินแคร์ทุกตัวมาใช้ให้ผิวรวนดีกว่า
สิ่งที่เราจะทำคือ
1. เติมความชุ่มชื้นเข้าผิวทุกวันเพื่อชดเชยน้ำใต้ผิวที่อาจจะลดลงระหว่างวัน เนื่องจาก PM2.5 จะทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ผลคือฝุ่น เชื้อโรค แบคทีเรียเข้า และน้ำออกจากชั้นผิวได้ง่ายขึ้น การเติมน้ำให้ผิวช่วยลดการระคายเคืองได้ 100% สามารถดูได้ที่คลิปนี้ https://youtu.be/WZ0rqlxx4Mg เราทดสอบไว้ให้ดูแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวิธีการเดียวกับเรา จะด้วยวิธีการไหนก็ได้แต่อย่าลืมเติมกลับคืนให้ผิวด้วย
2. ทา antioxidant เท่าที่สามารถทำได้ บอกก่อนว่าในกรณีนี้อย่าวู่วามเอา aox ที่เป็นกรดหนักใส่ผิว ให้ดูสภาพผิวก่อน ถ้าผิวมีอาการขาดน้ำ หรือแสบ หรือมีรอยโรคผิวหนังอยู่ให้ค่อยๆ เริ่มจากอ่อนๆก่อน แน่นอนว่าหลายคนคงคิดออกแค่ Vit C แต่ไม่ใช่นะ มีทั้ง Vit E, Licorice, Niacinamide อีกมากมายที่ทำหน้าที่เป็นทั้ง aox และลดการอักเสบได้ ซึ่งความจริงในเซรั่มที่ใช้ๆกันอยู่ส่วนใหญ่ก็จะมีสารเหล่านี้แฝงมาอยู่แล้ว
3. หาสกินแคร์ที่ลดการอักเสบจริงจังขึ้นนิดนึง เพราะฝุ่นจะกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม และหน้ากากที่ต้องเสียดสีตลอดเวลาอีก ส่วนตัวเราชอบ Licorice ในช่วงวิกฤติมาก เพราะด้วยอาการโรคเองต้องการตัวลดอักเสบที่จริงจังหน่อย และต้องการ aox ด้วย Licorice เลยเป็นส่วนผสมที่เราค่อนข้างเลิฟเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้ตัวลดการอักเสบทั้งกลางวันเพื่อลดความเสียหายและกลางคืนเพื่อฟื้นฟูผิว
4. ปิดผิวให้ดี ใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ไม่น้อยไปไม่มากไป
5. อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามกับสกินแคร์รักษาสิว แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้เติมความชุ่มชื้นควบคู่กันไป เพราะช่วงที่ผิวผจญเพลิงมาเกราะป้องกันจะอ่อนแออยู่แล้ว ความทนทานกรดก็จะลดลงด้วย
6. ทาแป้ง ส่วนตัวเราทาแป้งแบบอัดหนักนิดนึงในตอนเช้าเพื่อลดแรงเสียดสีจากหน้ากากและให้ฝุ่นไม่ติดหน้า (จะบอกว่า PM2.5 ทะลวงได้อยู่แล้วแหละ แต่อย่างน้อยก็อาจจะกันฝุ่นอื่นไว้ได้บ้าง ลดความเสียหายได้หน่อย)
7. ล้างหน้าให้สะอาด ถ้าต้องแต่งหน้าให้แต่งปกติ รองพื้นได้แต่ล้างให้สะอาด ไม่งั้นอุดตันรูขุมขนก็จะเป็นลูปเกราะผิวพังสิวขึ้นวนไปเรื่อยๆ
8. ใส่หน้ากากและเปลี่ยนหน้ากากบ่อยๆ ลดแบคทีเรีย
9. ทากันแดดที่มีประสิทธิภาพ ถ้าเติมกันแดดอย่างสม่ำเสมอในระหว่างวันได้จะดีมาก
10. ใช้ mist ที่ช่วยลดการอักเสบหรือปกป้องมลภาวะ *Optional
สุดท้ายคือเลี่ยงการออกนอกบ้าน ข้อนี้คือลดโอกาสที่ผิวจะเสียหายได้อย่างมีนัยยะสำคัญมาก
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นแนะนำ keep hydrating and protecting
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับทุกคนบ้าง ถ้าเข้าใจผิดพลาดตรงไหนสามารถให้ความรู้เพิ่มเติมทั้งกับเราและคนอื่นๆจะได้เรียนรู้และเอาไปใช้ได้
ขอให้ทุกคนมีผิวที่ชุ่มชื้นตลอดวันนะ 😊