ขออนุญาตเล่าปัญหาคร่าวๆ ให้ทุกท่านทราบครับ พอดีผมได้ทำการติดต่อธนาคารทหารไทยธนชาติ สาขาโรบินสัน เพชรบุรี เรื่องการจะเดินบัญชี (บัญชีไม่เคลื่อนไหวมา 10 ปี) ของพ่อ ซึ่งเป็นบัญชีที่อยู่ในความดูแลของสาขาดังกล่าว สืบนื่องจากพ่อผมประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อเดือนกรกฏาคม 2565 ทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ (ผู้ป่วยติดเตียง) แต่พ่อยังมีสติสัมปชัญญะ พูดคุยได้ รับรู้ได้ // ขออนุญาตแจ้งก่อนว่าผมทำงานที่กรุงเทพ และต้องขับรถไปกลับระหว่างกรุงเทพ - เพชรบุรี หลายครั้ง เป็นมหากาพย์หลายเดือนแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 ผมได้ติดต่อสาขาดังกล่าวเป็นครั้งแรก เจ้าพนักที่พนักงาน (ผู้ชาย) แจ้งว่าให้เข็นพ่อมาที่ธนาคารทั้งเตียง ธนาคารอยู่ในห้าง ผมก็เลยแจ้งว่าอาจจะทำไม่ได้เนื่องจากพ่อต้องใส่สายออกซิเจนและสายให้อาหารเหลว ก็เลยจะขอความอนุเคราะห์สาขาช่วยลงพื้นที่ไปหน่อยให้ช่วยตรวจสอบ และดำเนินการ พนักงานคนดังกล่าวก็บอกว่า ไม่ได้ ธนาคารไม่มีนโยบายให้ลงพื้นที่ อยากทำก็ต้องเข็นพ่อมาที่ห้าง
ผมก็เลยนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน่วยงานนี้ก็มาติดต่อธนาคารและขอความอนุเคราะห์จากสาขา สาขาจึงยินยอมและดำเนินการลงพื้นที่ให้ในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ซึ่งใช้ระยะเวลารอคอยกว่า 2 เดือน จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 15.19 น. ธนาคารและผู้จัดการสาขาจึงยินยอมให้ดำเนินการเคลื่อนไหวบัญชี โดยการฝากเงินเข้าไป 100 บาท ผมก็ขอขอบพระคุณในการช่วยเหลือและดำเนินการดังกล่าว
แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. ผู้ช่วยผู้จัดการเงินฝาก โทรแจ้งว่าบัญชีนี้ไม่ใช่บัญชีของพ่อ จึงขอดึงข้อมูลกลับ ยกเลิกการเคลื่อนไหวทางบัญชี และให้ผมเข้ามารับเงินที่สาขา ผมก็รีบกลับรถทันควันจากราชบุรีสู่เพชรบุรีอีกรอบ เพื่อจะมารับเงินและสอบถามปัญหา เมื่อมาถึง ผู้ช่วยผู้จัดการก็คืนเงินให้โดยไม่พูดอะไร ผมต้องสอบถามว่ากรณีนี้คืออะไร ผู้ช่วยผู้จัดการก็เลยแจ้งว่าบัญชีนี้เป็นบัญชีชมรม เคยมีคนมาติดต่อเพื่อระงับบัญชีนี้ไว้เมื่อปลายปี 2565 ซึ่งผมก็งง และถามไปว่าแล้วผู้มีอำนาจในการเบิกจ่าย การเซ็นต์ใช่ พ่อผมหรือไม่ เขาบอกใช่ เป็นลายเซ็นต์คนเดียวและเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว แล้วทำไมจึงดำเนินการไม่ได้ ให้บุคคลภายนอกมาดำเนินการแทนได้ โดยที่บัญชีไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมาแล้วนับ 10 ปี กรณีนี้ไม่แน่ใจว่าผู้ช่วยผู้จัดการสาขา รู้จักกับบุคคลดังกล่าวเป็นการส่วนตัวหรือไม่? รวมถึงแจ้งว่าโยนความผิดให้แก่ธนาคาร เป็นเพราะธนาคารนั้นแหละเปลี่ยนชื่อและควบควมบ่อย ทำให้บัญชีมีความผิดพลาด
เมื่อปัญหาไม่กระจ่าง ผมก็เลยโทรและทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานใหญ่ วันรุ่งขึ้นผู้ช่วยผู้จัดการก็โทรมาหาผม บอกเดี๋ยวจะเข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือพ่อใหม่ เดี๋ยวไปเดี๋ยวนี้เลย (ไม่ทราบว่าพูดให้พ้นตัวหรือเปล่า) ผมก็เลยแจ้งว่าผมไม่สะดวก ขอเป็นวันรุ่งขึ้น 11.00 น.แทน (วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566)
แต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ผมก็รอผู้ช่วยผู้จัดการลงพื้นที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ตั้งแต่ 11.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเลย โทรก็ไม่โทรแจ้งว่าไม่มาหรืออะไรก็ตาม (ผมโทรตามทาง callcenter หลายรอบ ก็ไม่มา) ถามว่ากรณีนี้ผู้ช่วยผู้จัดการคนดังกล่าว ทำถูกต้องแล้วหรือไม่ ละเลยต่อหน้าที่ ทิ้งลูกค้า รวมถึงพูดจาไม่ดี โยนความผิดให้คนอื่นตลอด ธนาคารควรจะเก็บบุคลากรแบบนี้ไว้หรือไม่ ควรดำเนินการให้ออกหรือไล่ออกให้เขาไปหางานใหม่จะดีกว่าครับ
เคสนี้ผมได้ดำเนินการร้องเรียนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมาธิการรับเรื่องราวร้องทุกข์ วุฒิสภา แล้ว เพราะธนาคารทหารไทยธนชาตไม่ดูแลและไม่สนใจเคส หากท่านใดใช้บริการจากธนาคารนี้ควรพิจารณาข้อนี้ด้วยครับ ผมเสียทั้งเวลา ความรู้สึกและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่ละครั้ง ร่วม 3 เดือน และยังไม่จบไม่สิ้น
ขอบพระคุณทุกท่านที่รับฟังปัญหาครับ
ธ.ทหารไทยธนชาต ควรไล่เจ้าหน้าที่สาขาออกและดูแลบ้าง กับมหากาพย์ร่วม 3 เดือน
เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 ผมได้ติดต่อสาขาดังกล่าวเป็นครั้งแรก เจ้าพนักที่พนักงาน (ผู้ชาย) แจ้งว่าให้เข็นพ่อมาที่ธนาคารทั้งเตียง ธนาคารอยู่ในห้าง ผมก็เลยแจ้งว่าอาจจะทำไม่ได้เนื่องจากพ่อต้องใส่สายออกซิเจนและสายให้อาหารเหลว ก็เลยจะขอความอนุเคราะห์สาขาช่วยลงพื้นที่ไปหน่อยให้ช่วยตรวจสอบ และดำเนินการ พนักงานคนดังกล่าวก็บอกว่า ไม่ได้ ธนาคารไม่มีนโยบายให้ลงพื้นที่ อยากทำก็ต้องเข็นพ่อมาที่ห้าง
ผมก็เลยนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับหน่วยงานรัฐ ซึ่งหน่วยงานนี้ก็มาติดต่อธนาคารและขอความอนุเคราะห์จากสาขา สาขาจึงยินยอมและดำเนินการลงพื้นที่ให้ในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ซึ่งใช้ระยะเวลารอคอยกว่า 2 เดือน จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 15.19 น. ธนาคารและผู้จัดการสาขาจึงยินยอมให้ดำเนินการเคลื่อนไหวบัญชี โดยการฝากเงินเข้าไป 100 บาท ผมก็ขอขอบพระคุณในการช่วยเหลือและดำเนินการดังกล่าว
แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. ผู้ช่วยผู้จัดการเงินฝาก โทรแจ้งว่าบัญชีนี้ไม่ใช่บัญชีของพ่อ จึงขอดึงข้อมูลกลับ ยกเลิกการเคลื่อนไหวทางบัญชี และให้ผมเข้ามารับเงินที่สาขา ผมก็รีบกลับรถทันควันจากราชบุรีสู่เพชรบุรีอีกรอบ เพื่อจะมารับเงินและสอบถามปัญหา เมื่อมาถึง ผู้ช่วยผู้จัดการก็คืนเงินให้โดยไม่พูดอะไร ผมต้องสอบถามว่ากรณีนี้คืออะไร ผู้ช่วยผู้จัดการก็เลยแจ้งว่าบัญชีนี้เป็นบัญชีชมรม เคยมีคนมาติดต่อเพื่อระงับบัญชีนี้ไว้เมื่อปลายปี 2565 ซึ่งผมก็งง และถามไปว่าแล้วผู้มีอำนาจในการเบิกจ่าย การเซ็นต์ใช่ พ่อผมหรือไม่ เขาบอกใช่ เป็นลายเซ็นต์คนเดียวและเป็นผู้รับผิดชอบคนเดียว แล้วทำไมจึงดำเนินการไม่ได้ ให้บุคคลภายนอกมาดำเนินการแทนได้ โดยที่บัญชีไม่ได้มีความเคลื่อนไหวมาแล้วนับ 10 ปี กรณีนี้ไม่แน่ใจว่าผู้ช่วยผู้จัดการสาขา รู้จักกับบุคคลดังกล่าวเป็นการส่วนตัวหรือไม่? รวมถึงแจ้งว่าโยนความผิดให้แก่ธนาคาร เป็นเพราะธนาคารนั้นแหละเปลี่ยนชื่อและควบควมบ่อย ทำให้บัญชีมีความผิดพลาด
เมื่อปัญหาไม่กระจ่าง ผมก็เลยโทรและทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานใหญ่ วันรุ่งขึ้นผู้ช่วยผู้จัดการก็โทรมาหาผม บอกเดี๋ยวจะเข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือพ่อใหม่ เดี๋ยวไปเดี๋ยวนี้เลย (ไม่ทราบว่าพูดให้พ้นตัวหรือเปล่า) ผมก็เลยแจ้งว่าผมไม่สะดวก ขอเป็นวันรุ่งขึ้น 11.00 น.แทน (วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566)
แต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ผมก็รอผู้ช่วยผู้จัดการลงพื้นที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ตั้งแต่ 11.00 น. ถึงเวลา 19.00 น. ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเลย โทรก็ไม่โทรแจ้งว่าไม่มาหรืออะไรก็ตาม (ผมโทรตามทาง callcenter หลายรอบ ก็ไม่มา) ถามว่ากรณีนี้ผู้ช่วยผู้จัดการคนดังกล่าว ทำถูกต้องแล้วหรือไม่ ละเลยต่อหน้าที่ ทิ้งลูกค้า รวมถึงพูดจาไม่ดี โยนความผิดให้คนอื่นตลอด ธนาคารควรจะเก็บบุคลากรแบบนี้ไว้หรือไม่ ควรดำเนินการให้ออกหรือไล่ออกให้เขาไปหางานใหม่จะดีกว่าครับ
เคสนี้ผมได้ดำเนินการร้องเรียนไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมาธิการรับเรื่องราวร้องทุกข์ วุฒิสภา แล้ว เพราะธนาคารทหารไทยธนชาตไม่ดูแลและไม่สนใจเคส หากท่านใดใช้บริการจากธนาคารนี้ควรพิจารณาข้อนี้ด้วยครับ ผมเสียทั้งเวลา ความรู้สึกและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่ละครั้ง ร่วม 3 เดือน และยังไม่จบไม่สิ้น
ขอบพระคุณทุกท่านที่รับฟังปัญหาครับ