สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
ถ้าไม่เอาแต่ดราม่ากับการที่ “เด็กเสียความรู้สึก” ก็จะมองเห็นข้อความบางอย่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ
ใกล้สอบ เอาขนมให้ครู ถ้าเราเป็นครูเราจะไม่รับ
ลองนึกสถานการณ์นะคะ เด็กเอาขนมมาให้ช่วงใกล้สอบ ครูอึดอัดใจ มันเหมือน “สินบน” อันนี้ไม่แน่ใจว่าคุณแม่มีจุดประสงค์ยังไงนะคะ แต่เรามองเป็นอื่นยาก ปีใหม่ก็เพิ่งผ่านมา ทำไมไม่ให้ตอนนั้น มาให้ทำไมช่วงใกล้สอบ จะว่าตรุษจีนก็ไม่ใช่ เพราะเลยมาแล้ว
ทีนี้พอครูอึดอัดใจที่จะรับ แต่ต้องรักษาน้ำใจเด็กเลยชิมพอเป็นพิธี พอชิมแล้วต่อให้อร่อยมากแต่ไม่อยากรับ ครูเลยบอก “ขอบคุณนะคะ ครูไม่ค่อยชอบทานขนมแนวนี้ค่ะ หนูเก็บไว้ทานเถอะ” คือถ้าไม่ชิมเลย จะให้บอกเด็กยังไงว่าไม่รับล่ะคะ เอาตรงๆไหมแบบ “ครูไม่สะดวกรับค่ะ มาให้ขนมช่วงจะสอบ เหมือนหนูมาติดสินบนจะเอาคะแนนนะคะ” แบบนี้คุณว่าโอเคไหม
แล้วส่งขนมคืน เพื่อเป็นการส่งสารถึงผู้ปกครองว่า “อย่าทำแบบนี้ ไม่รับ ไม่เหมาะสม”
แต่ผู้ปกครองไม่เก็ท มองแต่ว่าครูไม่รักษาน้ำใจเด็ก 8 ขวบ
ถามว่าครูแก้ปัญหาแบบอื่นได้ไหม เช่นรับแล้วแจกเพื่อนๆในห้องเหรอ เชื่อไหมล่ะ วันรุ่งขึ้นจะมีขนมมาหาครูอีกเพียบ ใกล้สอบนี่ล่ะตัวดี
ฝากพิจารณาสิ่งที่ครูต้องการสื่อสารด้วยค่ะ อย่ามองแต่มุมตัวเองและมุมลูก นี่คือโลกค่ะ การสื่อสารมีฝ่ายสื่อสารและฝ่ายรับสาร ลูกคุณไม่สบายใจ แล้วความอึดอัดใจของคุณครูนี่ก็เป็นประเด็นนะคะ
ถ้าไม่มั่นใจลองคุยกับคุณครูดูสิคะ เราเชื่อว่าคำตอบไม่น่าต่างจากที่เราอธิบาย ครู 3 คน ทำเหมือนกัน มันคือ message บางอย่างที่คุณแม่ต้องเข้าใจแล้วค่ะ ว่าใครกันแน่ที่ทำ “ผิดมารยาท”
สิ่งที่ผู้ใหญ่มีหน้าที่ต้องสอนเด็กด้วยคือ “จังหวะ” นะคะ จะพูดจา จะสื่อสาร จะทำอะไรทุกอย่างต้องมีจังหวะ คนไม่รู้จังหวะ เอาแต่คิดใสๆว่า “ฉันเจตนาดี” เอาแต่เจตนาตัวเองเป็นที่ตั้งก็เงิบแบบนี้ล่ะค่ะ คนโตๆแล้วเงิบเพราะผิดจังหวะก็เยอะ เราเคยเห็นคนเอาของให้ผู้บริหารช่วงใกล้พิจารณาผลงาน ผลคือนายขอบคุณแล้ววางบนโต๊ะไม่หยิบไม่แตะเลย จนสุดท้ายเลขาต้องหยิบไปทิ้งไหนไม่รู้ (จนของหมดอายุ) คนเห็นทั้งแผนก คนให้ก็เงิบหน้าชาไป ที่ไม่รู้จังหวะเพราะตอนเด็กคงไม่มีใครสอนค่ะ ของแบบนี้มันศิลปะ
ใกล้สอบ เอาขนมให้ครู ถ้าเราเป็นครูเราจะไม่รับ
ลองนึกสถานการณ์นะคะ เด็กเอาขนมมาให้ช่วงใกล้สอบ ครูอึดอัดใจ มันเหมือน “สินบน” อันนี้ไม่แน่ใจว่าคุณแม่มีจุดประสงค์ยังไงนะคะ แต่เรามองเป็นอื่นยาก ปีใหม่ก็เพิ่งผ่านมา ทำไมไม่ให้ตอนนั้น มาให้ทำไมช่วงใกล้สอบ จะว่าตรุษจีนก็ไม่ใช่ เพราะเลยมาแล้ว
ทีนี้พอครูอึดอัดใจที่จะรับ แต่ต้องรักษาน้ำใจเด็กเลยชิมพอเป็นพิธี พอชิมแล้วต่อให้อร่อยมากแต่ไม่อยากรับ ครูเลยบอก “ขอบคุณนะคะ ครูไม่ค่อยชอบทานขนมแนวนี้ค่ะ หนูเก็บไว้ทานเถอะ” คือถ้าไม่ชิมเลย จะให้บอกเด็กยังไงว่าไม่รับล่ะคะ เอาตรงๆไหมแบบ “ครูไม่สะดวกรับค่ะ มาให้ขนมช่วงจะสอบ เหมือนหนูมาติดสินบนจะเอาคะแนนนะคะ” แบบนี้คุณว่าโอเคไหม
แล้วส่งขนมคืน เพื่อเป็นการส่งสารถึงผู้ปกครองว่า “อย่าทำแบบนี้ ไม่รับ ไม่เหมาะสม”
แต่ผู้ปกครองไม่เก็ท มองแต่ว่าครูไม่รักษาน้ำใจเด็ก 8 ขวบ
ถามว่าครูแก้ปัญหาแบบอื่นได้ไหม เช่นรับแล้วแจกเพื่อนๆในห้องเหรอ เชื่อไหมล่ะ วันรุ่งขึ้นจะมีขนมมาหาครูอีกเพียบ ใกล้สอบนี่ล่ะตัวดี
ฝากพิจารณาสิ่งที่ครูต้องการสื่อสารด้วยค่ะ อย่ามองแต่มุมตัวเองและมุมลูก นี่คือโลกค่ะ การสื่อสารมีฝ่ายสื่อสารและฝ่ายรับสาร ลูกคุณไม่สบายใจ แล้วความอึดอัดใจของคุณครูนี่ก็เป็นประเด็นนะคะ
ถ้าไม่มั่นใจลองคุยกับคุณครูดูสิคะ เราเชื่อว่าคำตอบไม่น่าต่างจากที่เราอธิบาย ครู 3 คน ทำเหมือนกัน มันคือ message บางอย่างที่คุณแม่ต้องเข้าใจแล้วค่ะ ว่าใครกันแน่ที่ทำ “ผิดมารยาท”
สิ่งที่ผู้ใหญ่มีหน้าที่ต้องสอนเด็กด้วยคือ “จังหวะ” นะคะ จะพูดจา จะสื่อสาร จะทำอะไรทุกอย่างต้องมีจังหวะ คนไม่รู้จังหวะ เอาแต่คิดใสๆว่า “ฉันเจตนาดี” เอาแต่เจตนาตัวเองเป็นที่ตั้งก็เงิบแบบนี้ล่ะค่ะ คนโตๆแล้วเงิบเพราะผิดจังหวะก็เยอะ เราเคยเห็นคนเอาของให้ผู้บริหารช่วงใกล้พิจารณาผลงาน ผลคือนายขอบคุณแล้ววางบนโต๊ะไม่หยิบไม่แตะเลย จนสุดท้ายเลขาต้องหยิบไปทิ้งไหนไม่รู้ (จนของหมดอายุ) คนเห็นทั้งแผนก คนให้ก็เงิบหน้าชาไป ที่ไม่รู้จังหวะเพราะตอนเด็กคงไม่มีใครสอนค่ะ ของแบบนี้มันศิลปะ
ความคิดเห็นที่ 11
เราเข้าใจ ความรู้สึกคุณแม่นะคะ สงสารคุณลูกสาวเลย ตั้งใจให้ แต่คุณครูปฏิเสธไม่รับ
แต่ถ้าในมุมเรา ถ้าเราเป็นครู เราก็คงจะรับไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ (อธิบายน้อง แล้วก็ค่อยคืนกลับ) แต่ก็คงจะสอนเด็กไปด้วย ว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้
ครู เพราะหนูยังไม่มีรายได้ ต้องรบกวนเงินพ่อแม่ แค่หนูตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี เชื่อฟัง ครูๆก็ดีใจ มากๆ แล้ว
ส่วนขนมที่ให้ครูมา ครูขอให้หนูเอาไปแบ่งให้เพื่อน หรือเอาไปกินกับเพื่อนๆหนูได้มั้ยค่ะ จะดีกว่ามั้ยค่ะ ถ้าเพื่อนๆ ได้กินขนมแปลกๆแบบนี้
น่าจะอยากกินมากกว่าครูนะคะ อะไรทำนองนี้ ที่เราจะสอนนักเรียนเรา
(เราคิดว่า ตอนน้องเอาไปให้ครู อาจจะเอาไปให้ที่โต๊ะครู ตอนมีเพื่อนๆ อยู่เต็มห้อง ถ้าครูรับ เด็กๆคนอื่นอยากทำตาม มันจะกลาย
เป็นว่า ครูรับสินบนจากเด็กหรือป่าว ทั้งๆที่เด็กไม่ได้คิดอะไร ครูเค้าแค่ระวังไว้ เกรงจะเป็นเรื่องความเอื้อเอ็นดู หรือรู้สึกเห็นใจ
มีผลเอนเอียงในการตรวจงาน ให้คะแนน การทำงาน การบ้าน ด้วยนะ แล้วคุณยิ่งบอกว่า ใกล้สอบแล้ว มันยิ่งเป็นการไม่สมควรให้ในช่วงนี้นะคะ)
และถ้าเราเป็นคุณแม่ แล้วลูกสาวบอกอยากซื้อขนมไปฝากครู เราก็คงจะสอนลูกแหละ ว่าหนูนึกถึงคุณครู อยากให้ครูได้กินของแปลก
หรือของที่ตัวเองชอบ ก็มีน้ำใจ คิดถึงคนอื่น เป็นเรื่องที่ดีนะคะ แต่การซื้อของกินไปฝากใคร บางทีเราต้องดูหลายๆอย่างนะคะ เผื่อเค้าไม่ชอบ
เค้ากินไม่ได้ เค้าแพ้อาหารบางอย่างที่เราไม่รู้ บลาๆๆๆ เราก็คงอธิบายไป
และเราคงบอกลูกว่า แม่ซื้อให้หนูไปลองกินกับเพื่อนๆ สนิท ก่อนดีกว่า คุณครูเค้ามีเงินซื้อกินเองได้ลูก หนูเอาไปให้คุณครูคงไม่เหมาะมั้งค่ะ
เค้าคงไม่ชอบกินขนมเหมือนหนูหรอก ไว้ถ้าอยากให้ของอะไรกับคุณครู เราค่อยให้วันหลัง แล้วมาช่วยกันคิดดีกว่านะคะ ว่าให้อะไรถึงจะเหมาะสม
ในมุมที่ลูกสาว คิดถึงคุณครู เป็นเรื่องที่ดีนะคะ มีใจแบ่งปัน
ลูกสาวคงอยากเป็นที่รักของคุณครูเป็นพิเศษ เราพูดในมุมเคยเป็นครูประถม-มัธยม มาก่อน
เด็กที่เอาอะไรมาฝากเรา บอกตรงๆ เราลำบากใจที่จะรับนะคะ มันเหมือนเด็กต้องการสิทธิพิเศษจากเรา
เพราะด้วยวัยประมาณนี้ ส่วนใหญ่ ถ้าเจออะไรจะนึกถึงเพื่อนก่อนมากกว่า (เทียบจากลูกสาวเราและลูกๆเพื่อนรอบตัว)
ของฝากให้ครู ส่วนใหญ่จะเป็น พวกแม่ๆ ผปค มากกว่า ที่เอาไปฝากครู แถมยังจะเอาไปฝากช่วงก่อนสอบซะด้วยนะ
ยังไงก็ เป็น กลจ ให้น้องและคุณแม่นะคะ
แต่ถ้าในมุมเรา ถ้าเราเป็นครู เราก็คงจะรับไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ (อธิบายน้อง แล้วก็ค่อยคืนกลับ) แต่ก็คงจะสอนเด็กไปด้วย ว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้
ครู เพราะหนูยังไม่มีรายได้ ต้องรบกวนเงินพ่อแม่ แค่หนูตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี เชื่อฟัง ครูๆก็ดีใจ มากๆ แล้ว
ส่วนขนมที่ให้ครูมา ครูขอให้หนูเอาไปแบ่งให้เพื่อน หรือเอาไปกินกับเพื่อนๆหนูได้มั้ยค่ะ จะดีกว่ามั้ยค่ะ ถ้าเพื่อนๆ ได้กินขนมแปลกๆแบบนี้
น่าจะอยากกินมากกว่าครูนะคะ อะไรทำนองนี้ ที่เราจะสอนนักเรียนเรา
(เราคิดว่า ตอนน้องเอาไปให้ครู อาจจะเอาไปให้ที่โต๊ะครู ตอนมีเพื่อนๆ อยู่เต็มห้อง ถ้าครูรับ เด็กๆคนอื่นอยากทำตาม มันจะกลาย
เป็นว่า ครูรับสินบนจากเด็กหรือป่าว ทั้งๆที่เด็กไม่ได้คิดอะไร ครูเค้าแค่ระวังไว้ เกรงจะเป็นเรื่องความเอื้อเอ็นดู หรือรู้สึกเห็นใจ
มีผลเอนเอียงในการตรวจงาน ให้คะแนน การทำงาน การบ้าน ด้วยนะ แล้วคุณยิ่งบอกว่า ใกล้สอบแล้ว มันยิ่งเป็นการไม่สมควรให้ในช่วงนี้นะคะ)
และถ้าเราเป็นคุณแม่ แล้วลูกสาวบอกอยากซื้อขนมไปฝากครู เราก็คงจะสอนลูกแหละ ว่าหนูนึกถึงคุณครู อยากให้ครูได้กินของแปลก
หรือของที่ตัวเองชอบ ก็มีน้ำใจ คิดถึงคนอื่น เป็นเรื่องที่ดีนะคะ แต่การซื้อของกินไปฝากใคร บางทีเราต้องดูหลายๆอย่างนะคะ เผื่อเค้าไม่ชอบ
เค้ากินไม่ได้ เค้าแพ้อาหารบางอย่างที่เราไม่รู้ บลาๆๆๆ เราก็คงอธิบายไป
และเราคงบอกลูกว่า แม่ซื้อให้หนูไปลองกินกับเพื่อนๆ สนิท ก่อนดีกว่า คุณครูเค้ามีเงินซื้อกินเองได้ลูก หนูเอาไปให้คุณครูคงไม่เหมาะมั้งค่ะ
เค้าคงไม่ชอบกินขนมเหมือนหนูหรอก ไว้ถ้าอยากให้ของอะไรกับคุณครู เราค่อยให้วันหลัง แล้วมาช่วยกันคิดดีกว่านะคะ ว่าให้อะไรถึงจะเหมาะสม
ในมุมที่ลูกสาว คิดถึงคุณครู เป็นเรื่องที่ดีนะคะ มีใจแบ่งปัน
ลูกสาวคงอยากเป็นที่รักของคุณครูเป็นพิเศษ เราพูดในมุมเคยเป็นครูประถม-มัธยม มาก่อน
เด็กที่เอาอะไรมาฝากเรา บอกตรงๆ เราลำบากใจที่จะรับนะคะ มันเหมือนเด็กต้องการสิทธิพิเศษจากเรา
เพราะด้วยวัยประมาณนี้ ส่วนใหญ่ ถ้าเจออะไรจะนึกถึงเพื่อนก่อนมากกว่า (เทียบจากลูกสาวเราและลูกๆเพื่อนรอบตัว)
ของฝากให้ครู ส่วนใหญ่จะเป็น พวกแม่ๆ ผปค มากกว่า ที่เอาไปฝากครู แถมยังจะเอาไปฝากช่วงก่อนสอบซะด้วยนะ
ยังไงก็ เป็น กลจ ให้น้องและคุณแม่นะคะ
แสดงความคิดเห็น
ซื้อของให้ครูแล้วมีปัญหา