นั้นแหละค่ะ เห็นใน Tiktok ไปแข่งทักษะเยอะ จนแบบดีใจและเสียดาย จากใจคนที่ไม่เคยไปแข่งระดับศิลปหัตถกรรมหรือวิชาการ และไม่เคยไปแข่งทักษะวิชาชีพของระดับอาชีวะ(เพราะว่าเราเรียนจบอาชีวะ) ก็เลยอยากจะพูดความมุมมองของเรา เราเคยเจอที่แบบครูไม่เอาเราไปแข่งด้วยรูปร่างหน้าตาและความเก่ง(คือทุกๆวันนี้มีโรงเรียนไหนคัดเลือกทำแบบนี้บ้างคอมเม้นท์แลกเปลื่ยนกันได้) เราไม่ได้รังเกียจพวกเด็กเก่งๆ และไม่ได้เกลีดพวกความจริตอยากอวดว่าเออลูกฉันไปแข่งมาติด Top อันดับแรกทำให้โรงเรียนเป็นหน้าเป็นตา คือด้วยเราที่แบบเป็นคนที่ไม่เคยแข่งระดับแบบภาค ระดับชาติเราก็ไม่เคย เคยแข่งแค่พวกงานกิจกรรมในวิทยาลัยไม่เคยแข่งระดับวิชาการอะไรเลยจร้า ก็เลยอยากจะเล่าตอนที่เราเรียนม.ต้น เราเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งนึ่งซึ่งเปิดการสอนระดับ อ.1 ถึง ม.3 ยุคนั้นคือไม่มีการเขาเรียกว่า ให้โอกาส เปิดโอกาส แต่ความคิดผอ.ตอนนั้นก็เปิดโอกาสให้ล่ะ แด่เปิดโอกาสเด็กๆระดับอนุบาลและประถมเท่านั้น เราก็เข้าใจส่วนนี้ เราโนสนโนแคร์เรื่องนั้นเข้าใจป่ะ เพราะว่าเราไม่ได้ฟิดเรื่องนี้ ตอนนั้นเราเรียนม.2 ม.3 มั้งจำไม่ได้ มีครูสอนภาษาอังกฤษเล๊ป(แต่ก่อนจะเรียกวิชานี้ว่า "อังกฤษซาวค์แล๊ป" คือมีครูอังกฤษ 5 คน มีครู 2 คน สอนระดับม.ต้น ก็คือมีแยกระดับชั่น) มาที่ห้องเรา ตอนนั้นอ่ะ ครูคนนั้นดึงเพื่อนผู้ชายคนนึ่งแบบดื้อๆเลย (จริงๆเพื่อนคนนี้เก่งภาษาอังกฤษมาก) ก็เลยให้เพื่อนคนนั้นไปแข่ง ด้วยความที่เรายังวัยรุ่นยังเด็กๆ ก็ไม่รู้ ครูคนนั้นก็บอกว่า ครูจะเอาคนนี้ไปแข่งวิชาการดีกว่า ไอ้เพื่อนคนนึ่งบอกถามว่า "ครูคือเอาเพื่อนหนูไปแข่งทำไม" ครูก็บอกว่า "ถ้าเอาพวกเธอไปก็ขายขี้หน้าโรงเรียน เพราะครูเอาคนหน้าตาดีไปแข่ง" ตอนนั้นเหมือนการแซวกันตามประสาครูกับนักเรียน แต่ในใจเราผู้จริงจังมากกก ตอนนั้นคือแบบ "เฮ้ย แบบนั้นก็ได้เหรอครู" ช่วงนั้นยุด Veryyy beauty standard only มากกกกกก ตอนนั้นก็เรื่องที่ล้อกันเล่นไป แต่มุมมองกลับกันเด็กบางคนไม่เคยมีโอกาสไปแข่งทักษะวิชาการหรือศิลปหัตถกรรม เพราเด็กเหล่านั้นก็มีความสามารถ ตอนนั้นเขาส่งแข่งภาษาไทยบ้าง อังกฤษบ้าง ส่งแข่งเต้นแอโรบิดก็มี แข่งจัดสวนถาด และร้องเพลง เราก็อยากไปลองร้องเพลง แต่เขาเอาแค่ระดับประถม เออระดับมัธยมก็เอาคนสวยๆ ไปแข่งร้องเพลง คิดดูเราหน้าตาธรรมดาๆๆ แต่เรามีความสามารถด้านนั้นอ่ะ เราเก่งคอมฯน้าา แต่เขาไม่ส่งระดับม.ต้นไง ทำให้เราเสียโอกาสพลาดโอกาสช่วงนั้น ถามว่าเสียใจมั้ยก็เสียใจ เสียความรู้สึก ถ้าย้อนกลับไปได้เอยอยากจะว่าครูคนนั้นว่า "ทำไมเอาแต่คนหน้าตาดีคนเก่งๆไปแข่งล่ะ แล้วเด็กบางคนก็เก่งๆ ทำไมไม่โดนเลือก เพราะเรื่องรูปร่างหน้าตาเหรอ" มันเป็นคำถามที่เราอยากจะโต้แย่งครู คือเรื่องที่รูปร่างหน้ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเหรอ มันคือเรื่องจริงๆจังๆด้วยเด้ เออยอมรับว่าเราไม่เก่งไม่เด่นไม่สวยเหมือนคนนั้น ก็เลยเงียบเก็บความรู้สึกไว้ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งตอนนี้เราก็จะกำลังจบป.ตรีแล้ว เราก็ย้อนกลับคิดว่า "ถ้าเรามีเสียงมากพอที่จะเถี่ยงครูเขาได้เราก็อยากจะทำแบบนั้น" มันคือความรู้สึกที่ไม่อยากบอกกับเพื่อน และพ่อแม่ ก็เลยมีโอกาสจะเล่าใน Pantip ตั้งกระทู้เล่าเรื่อง สำหรับเรื่องแข่งทักษะวิชาการหรือศิลปหัตถกรรมปีนี้ ในมุมมองของเราณ ตอนนี้คือแบบสะท้อนว่า เด็กเราเก่ง อยากให้นักเรียนที่ไปแข่งมีโปรไฟส์ดีๆ สอบเข้าโรงเรียนดีๆ แต่ทางกลับกันเด็กๆบางคนไม่เคยมีโอกาสไปแข่งด้วยซ่ำ เพราะไม่มีความสามารถทั้งด้านการเรียน ถ้าเด็กบางคนอยากไปสอบเข้าโรงเรียนดีๆ เขามีเงือนไขว่า ต้องมีผลงานไปแข่งทักษะนะ ทำให้มองดูแล้วเด็กไม่มีโอกาสไปเรียนที่ดีๆ แต่ไปเรียนระดับที่แบบว่าไม่คอยนิยม และไกลบ้านโดยเฉพาะเด็กที่จบม.6 อยากยื่น Post เข้ามหาลัยคือต้องอยากเรียนที่ดีๆเป็นธรรมดา แต่เงื่อนไขแต่ล่ะคณะไม่เหมือนกัน ว่าจะรับเด็กมีผลงานแข่งทักษะ หรือแข่งนู้นอะไรแบบนี้ อันนี้สะท้อนเห็นได้ว่า มันเหมือนการแข่งขัน อย่างเราจบอาชีวะมามีการแข่งแบบนี้มั้ย มี เขาจเรียกว่าแข่งทักษะวิชาชีพ ข้อดีอย่างนึ่งการไปแข่งทักษะวิชาชีพของระดับอาชีวะ 1. สามารถไปประกอบอาชีพได้ 2.สามารถต่อยอดในอนาคตเช่นเป็นเจ้าร้านซ่อมรถ เราเคยลงชื่อไปแล้ว แต่ทาองอาจารย์ไม่เอาเรา เพราะว่าเรามีวิรกรรมเยอะถ้าเราไปอ่ะขายขี้หน้าวิทยาลัย เราก็ยอมรับว่าเออ ให้เพื่อนไปก็ได้ แต่ก็เสียดายพลาดโอกาสนี้ เพราะว่าเป็นนาทีทองของเรา ที่อยากโชว์แต่โอกาสมันหายไปในอากาศเลยจร้า ก็เลยได้แต่เชียร์เพื่อน ถามว่าทำไมถึงเราเล่าเรื่องแบบนี้ เพราะว่าเราอยากจะเป็นครูสอนอาชีวะใช่ป่ะ แต่.....เรื่องการแข่งวิชาชีพไม่เคยมีประสบการณ์ ถ้าเราเป็นครูอาชีวะ ทางผอ.จะมอบหมายให้เราไปดูแลเด็กที่ไปแข่ง และควบคุ่มซ่อมเด็ก ไอ้เราก็ไม่มีประการณ์ในด้านแข่งทักษะวิชาชีพระดับภาค ระดับชาติ อ่ะ เราแค่แข่งขันภายในวิทยาลัยและกิจกรรมเท่านั้น เราก็คิดเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยากจะเป็นครูอาชีวะ ก็เลยถามว่าจะเป็นครูอาชีวะได้ไง ทั้งๆที่ไม่มีผลงานด้านแข่งทักษะวิชาชีพระดับภาค ระดับชาติ เวลาสอบภาคค. ครูอาชีวะ เราจะเป็นยังไงถ้าไม่มีผลงานส่งเด็กแข่งทักษะ เราอาจจะอยู่อันดับที่ 25 35 อะไรแบบนี้ อันนี้เราก็คิดหนัก(แต่เราไปเป็นครูอัตราจ้างก่อนขั้นแรกนะอันนี้แค่สมมุติ) ตอนนี้เราก็ทำใจเรื่องนั้นและมองการแข่งแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเป็นเรา เราอยากมอบเด็กๆโชว์ความสามารถของตนเอง โดยการคัดเลือกภายในห้อง ไม่ว่าไม่เก่งก็ลองดูก่อน รูปร่างหน้าตาเอาหมด เพราะยุดนี้เป็น Free dom no beauty standard only และคอยคัดเลือกว่าใครเก่งจะไปแข่งระดับภาคต่อ อันนี้ความคิดของเราในอนาคต ก็จบเล่าเรื่อง ที่เราเล่าเรื่องไม่ใช่ว่าเกลียดพวกหัวกะทิ เราก็สนับสนุนเด็กๆเหล่านี้ให้มีวิชาติดตัว ไปแข่งศิลปหัตถกรรมก็ขอให้ภูมิใจตัวเองว่าเราคือตัวแทน และโรงเรียนไหนได้ที่ดีๆก็ยินดีด้วย ส่วนโรงเรียนไหนอันดับที่พอใจก็สู้กันใหม่ ออ ส่วนระดับอาชีวะ ใครที่ทำดีแล้วก็กลับมาสู้ต่อ น้องอย่าลืมว่าน้องคือตัวแทนวิทยาลัย จงสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง อนาคตจบมามีงานที่น้องอยากจะทำของตนเอง
เมื่อฉันไม่เคยไปแข่งศิลปหัตถกรรมหรือวิชาการและแข่งวิชาชีพเลย แล้วฉันจะเป็นครูอาชีวะได้ไง???