เรื่องของเรื่องคือ น้องเราใช่มะเค้าไปทำบัตรผ่อนสินค้ารวมทั้งใช้กดเงินได้ด้วยแห่งหนึ่งละทีนี้น้องก็ไม่ยอมจ่ายเค้าคือไม่จ่ายน่ะเอาง่าย ๆเลย ล่าสุดน้องเรามาปรึกษาว่าควรทำอย่างไรดี เราก็ต่อว่าและตำหนิเค้าไปชุดใหญ่เลยแต่ด้วยความรักน้องและนี่คือน้องเลยคิดว่าจะช่วยเหลือแต่จะไม่ช่วยโปะ แต่จะให้น้องร่วมรับผิดชอบด้วย เค้าจะได้เรียนรู้ว่าตนเองทำอะไรผิดพลาดไปต้องรับผิดชอบตัวเองได้ เพราะพี่ไม่สามารถช่วยเหลือน้องได้เสมอไป
คือน้องเล่าให้ฟังว่าวันนึงมีใครก็ไม่รู้โทรมาหาแล้วก็บอกแค่ว่า มีจดหมายจากสำนักงานทนายของเค้าอะส่งมาหาน้องแต่ตีกลับไม่มีคนรับทางคน ๆนั้นก็บอกน้องว่าปกติไม่มีคนอยู่บ้านหรือเปล่าคะ ซึ่งน้องเรามันก็ถามคนๆนั้นว่าก่อนจะบอกข้อมูลขอสอบถามก่อนว่าคุณชื่ออะไรและมาจากสำนักงานไหน แต่เห็นน้องบอกว่าคนๆ นั้นแจ้งแค่ว่าเป็นแอดมิน น้องมันก็ไม่ค่อยจะเชื่อนะก็ถามว่าชื่ออะไรและขอรหัสพนักงานหน่อย ทางนั้นไม่บอกบอกแค่ว่าเป็นแอดมินและให้ติดต่อไปที่เบอร์ xxxxxxxxx ซึ่งเป็นเบอร์ของเจ้าหน้าที่ของสำนักานทนายความ ทางน้องมันก็เอะใจก็ถามว่าสำนักงานชื่ออะไรอยู่ที่ไหน ทางน้นก็แจ้งแบบชื่อสำนักงานทนายความแห่งนึงที่ฟังดูพิลึก ๆ ละทีนี้น้องมันก็ทำการโทรหาคนที่บอกว่าเป็นแอดมิน น้องบอกว่าสำนักงานกฎหมายมีแอดมินด้วยหรือ
พอน้องโทรไปตามนั้นน้องบอกว่าโทรไปหลายรอบมากกก จนน้องมันรำคาญก็เลยไม่โทรละ อยู่ๆ ก็มีคนโทรมาหามันบอกว่าเห็นโทรมาหลายรอบแล้ว คือใครหรือ น้องมันก็ถามว่าตอนนี้เรียนสายกับใคร ชื่ออะไร และจากสำนักงานทนายความที่ไหนหรือ ทางน้นก็แจ้งแค่ว่าเจ้าของเบอร์ไม่อยู่ เค้าจะคุยแทน แต่ไม่ได้แจ้งเลขรหัสประจำตัวทนายความอะไรเลย ซึ่งปกติแล้วน้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ที่ทวงเงินจะบอกรหัสทุกครั้งเพราะเป็นกฎหมาย พอน้องบอกชื่อไปทางนั้นก็เอ่ยชื่อสถาบันการเงินที่มันติดเงินเค้าไป ซึ่งน้องตะลึงมากกก
1. พนักงานคนนั้นบอกว่าตอนนี้ถ้าหากไม่จ่ายก็จะต้องขึ้นศาลและจะต้องจ่ายเงินยอดเงินคงค้างทั้งหมด 600000 บาท น้องก็สะตั้นไปแปปมันยังไม่พูดอะไรนะ คืองงไปพักใหญ่
2. น้องมันบอกว่าทำไมเงินต้นไม่เท่าไหร่แต่ทำไมบริษัทฟ้องมันแพงขนาดนี้ และทางนั้นก็อธิบายไม่ได้เพราะแจ้งแค่ว่าสถาบันการเงินที่เค้าซื้อยอดหนี้มาเป็นคนคิดเงินทางสำนักงานทนายความไม่รู้เลย
3. ทางจนท.คนนั้นบอกว่าจะให้เค้าช่วยเหลืออย่างไร ทางน้องมันก็บอกว่าจะจ่ายนะแต่ขอทยอยจ่ายหนี้ได้ไหม ทางนั้นก็บอกยอดเงินซึ่งก็เป็นยอดที่เกินจากยอดเงินที่ทางสถาบันอนุมัติมาให้หน่อยนึง น้องมันก็ไมติดใจเพราะมีค่าธรรมเนียม ค่าติดตามทวงถาม ค่าดอกเบี้ย แต่พอน้องบอกว่าถ้าจะผ่อนจ่ายได้ไหม มันบอกว่าตอนนี้ต้องติดต่อต้นทางก่อนคือสำนักงานการเงินว่าจะผ่อนจ่ายได้หรือไม่ เค้ายังตัดสินใจให้ไม่ได้และหรือถ้าจะจ่ายปิดยอดเลย ก็จ่ายมาซึ่งยอดที่แจ้งมาไม่ใช่ยอดที่น้องได้ตั้งแต่แรก และไม่มีการลดให้ด้วยนะ น้องบอกว่า แฮร์คัดได้ไหม ทางน้นถามว่าแฮร์คัดคืออะไร
4. พอน้องบอกว่าจา่ยปิดยอดไม่ไหวหรอกขอเลื่อนไปก่อนถ้าจะให้ปิดยอด ทางน้นก็ไม่พูดอะไรหรือเสนออะไรต่อ ก็ตัดสายไปเลย
ซึ่งน้องบอกว่าถึงแม้จะทวงเงินก็น่าจะพูดจาดี ๆ หน่อยแต่พูดเหมือนเราไปทำอะไรผิดร้ายแรงมาก มันก็พร้อมจะคืนละแหละเพราะถ้ามาถึงสำนักกฎหมายแล้วมันจะไม่จ่ายอีกไม่ได้แล้ว
ถามว่าทำไมเราในฐานะพี่และมีเงินให้น้องปิดยอดหนี้ได้ คือก่อนหน้านี้เคยปิดยอดสถาบันการเงินอื่นมาให้แล้ว และน้องยังคงเดิมยังไม่เปลียนนิสัยไงละคะ เราเลบอยากให้เค้ารู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะอยู่ยังไงละ เสียดายเงินดอกเบี้ยให้กับพวกสถาบันการเงินพวกนี้ไหม ดอกเบี้ยปีนึงตั้ง 28เปอร์เซ็นต์นะคะ ไม่น้อยเลยคะ คิดเองนะน้อง 100 นึง คุณต้องจ่ายให้มัน 28 บาทเลยนะคะ ไม่งั้นมันอยู่ไมไ่ด้หรอกพวกสถาบันการเงินพวกนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละเค้าก็ไม่ได้บังคับให้เราไปสมัครกับเค้านี่เนาะเค้าไม่ผิดหรอก เรานี่แหละผิดที่ไปเข้าหาเค้าเอง
แต่เรากับน้องก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จากยอดเงินต้นไม่เท่าไหร่ 20000 มันก้าวกระโดดไปถึง 60000 ได้ยังไง มันไม่ใช่ละ ก็เลยปรึกษากันว่าจะลองไปปรึกษาทนายความที่รู้จักดูว่า น้องเราไม่ได้คิดจะหนีไม่จ่ายแต่จะจา่ยแค่ขอผ่อนไงละ แต่ทางนั้นยังไม่ยอม
พอจะมีใครให้คำแนะนำได้บ้างคะ เงิน 20000 บาทอะเรามีให้มันนะน้องอะ แต่ถ้ามันง่ายแบบนั้นน้องจะไม่เข็ดนะสิคะ สงสารก็สงสารนะ แล้วเราจะสอนเค้ายังไงดีละคะ ละถ้าต้องขึ้นศาลนี่ต้องจ่าย 60000 บาทเลยนะคะ น้องมันบอกว่าถ้าไปศาลทางนั้นก็จะไม่ยอมลดหนี้ให้เลยนะ
สำนักงานทนายแห่งหนึ่งโทรมาทวงเงินที่ซื้อมาจากบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง แต่มันแปลกๆ นะ
คือน้องเล่าให้ฟังว่าวันนึงมีใครก็ไม่รู้โทรมาหาแล้วก็บอกแค่ว่า มีจดหมายจากสำนักงานทนายของเค้าอะส่งมาหาน้องแต่ตีกลับไม่มีคนรับทางคน ๆนั้นก็บอกน้องว่าปกติไม่มีคนอยู่บ้านหรือเปล่าคะ ซึ่งน้องเรามันก็ถามคนๆนั้นว่าก่อนจะบอกข้อมูลขอสอบถามก่อนว่าคุณชื่ออะไรและมาจากสำนักงานไหน แต่เห็นน้องบอกว่าคนๆ นั้นแจ้งแค่ว่าเป็นแอดมิน น้องมันก็ไม่ค่อยจะเชื่อนะก็ถามว่าชื่ออะไรและขอรหัสพนักงานหน่อย ทางนั้นไม่บอกบอกแค่ว่าเป็นแอดมินและให้ติดต่อไปที่เบอร์ xxxxxxxxx ซึ่งเป็นเบอร์ของเจ้าหน้าที่ของสำนักานทนายความ ทางน้องมันก็เอะใจก็ถามว่าสำนักงานชื่ออะไรอยู่ที่ไหน ทางน้นก็แจ้งแบบชื่อสำนักงานทนายความแห่งนึงที่ฟังดูพิลึก ๆ ละทีนี้น้องมันก็ทำการโทรหาคนที่บอกว่าเป็นแอดมิน น้องบอกว่าสำนักงานกฎหมายมีแอดมินด้วยหรือ
พอน้องโทรไปตามนั้นน้องบอกว่าโทรไปหลายรอบมากกก จนน้องมันรำคาญก็เลยไม่โทรละ อยู่ๆ ก็มีคนโทรมาหามันบอกว่าเห็นโทรมาหลายรอบแล้ว คือใครหรือ น้องมันก็ถามว่าตอนนี้เรียนสายกับใคร ชื่ออะไร และจากสำนักงานทนายความที่ไหนหรือ ทางน้นก็แจ้งแค่ว่าเจ้าของเบอร์ไม่อยู่ เค้าจะคุยแทน แต่ไม่ได้แจ้งเลขรหัสประจำตัวทนายความอะไรเลย ซึ่งปกติแล้วน้องบอกว่าเจ้าหน้าที่ที่ทวงเงินจะบอกรหัสทุกครั้งเพราะเป็นกฎหมาย พอน้องบอกชื่อไปทางนั้นก็เอ่ยชื่อสถาบันการเงินที่มันติดเงินเค้าไป ซึ่งน้องตะลึงมากกก
1. พนักงานคนนั้นบอกว่าตอนนี้ถ้าหากไม่จ่ายก็จะต้องขึ้นศาลและจะต้องจ่ายเงินยอดเงินคงค้างทั้งหมด 600000 บาท น้องก็สะตั้นไปแปปมันยังไม่พูดอะไรนะ คืองงไปพักใหญ่
2. น้องมันบอกว่าทำไมเงินต้นไม่เท่าไหร่แต่ทำไมบริษัทฟ้องมันแพงขนาดนี้ และทางนั้นก็อธิบายไม่ได้เพราะแจ้งแค่ว่าสถาบันการเงินที่เค้าซื้อยอดหนี้มาเป็นคนคิดเงินทางสำนักงานทนายความไม่รู้เลย
3. ทางจนท.คนนั้นบอกว่าจะให้เค้าช่วยเหลืออย่างไร ทางน้องมันก็บอกว่าจะจ่ายนะแต่ขอทยอยจ่ายหนี้ได้ไหม ทางนั้นก็บอกยอดเงินซึ่งก็เป็นยอดที่เกินจากยอดเงินที่ทางสถาบันอนุมัติมาให้หน่อยนึง น้องมันก็ไมติดใจเพราะมีค่าธรรมเนียม ค่าติดตามทวงถาม ค่าดอกเบี้ย แต่พอน้องบอกว่าถ้าจะผ่อนจ่ายได้ไหม มันบอกว่าตอนนี้ต้องติดต่อต้นทางก่อนคือสำนักงานการเงินว่าจะผ่อนจ่ายได้หรือไม่ เค้ายังตัดสินใจให้ไม่ได้และหรือถ้าจะจ่ายปิดยอดเลย ก็จ่ายมาซึ่งยอดที่แจ้งมาไม่ใช่ยอดที่น้องได้ตั้งแต่แรก และไม่มีการลดให้ด้วยนะ น้องบอกว่า แฮร์คัดได้ไหม ทางน้นถามว่าแฮร์คัดคืออะไร
4. พอน้องบอกว่าจา่ยปิดยอดไม่ไหวหรอกขอเลื่อนไปก่อนถ้าจะให้ปิดยอด ทางน้นก็ไม่พูดอะไรหรือเสนออะไรต่อ ก็ตัดสายไปเลย
ซึ่งน้องบอกว่าถึงแม้จะทวงเงินก็น่าจะพูดจาดี ๆ หน่อยแต่พูดเหมือนเราไปทำอะไรผิดร้ายแรงมาก มันก็พร้อมจะคืนละแหละเพราะถ้ามาถึงสำนักกฎหมายแล้วมันจะไม่จ่ายอีกไม่ได้แล้ว
ถามว่าทำไมเราในฐานะพี่และมีเงินให้น้องปิดยอดหนี้ได้ คือก่อนหน้านี้เคยปิดยอดสถาบันการเงินอื่นมาให้แล้ว และน้องยังคงเดิมยังไม่เปลียนนิสัยไงละคะ เราเลบอยากให้เค้ารู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะอยู่ยังไงละ เสียดายเงินดอกเบี้ยให้กับพวกสถาบันการเงินพวกนี้ไหม ดอกเบี้ยปีนึงตั้ง 28เปอร์เซ็นต์นะคะ ไม่น้อยเลยคะ คิดเองนะน้อง 100 นึง คุณต้องจ่ายให้มัน 28 บาทเลยนะคะ ไม่งั้นมันอยู่ไมไ่ด้หรอกพวกสถาบันการเงินพวกนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละเค้าก็ไม่ได้บังคับให้เราไปสมัครกับเค้านี่เนาะเค้าไม่ผิดหรอก เรานี่แหละผิดที่ไปเข้าหาเค้าเอง
แต่เรากับน้องก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จากยอดเงินต้นไม่เท่าไหร่ 20000 มันก้าวกระโดดไปถึง 60000 ได้ยังไง มันไม่ใช่ละ ก็เลยปรึกษากันว่าจะลองไปปรึกษาทนายความที่รู้จักดูว่า น้องเราไม่ได้คิดจะหนีไม่จ่ายแต่จะจา่ยแค่ขอผ่อนไงละ แต่ทางนั้นยังไม่ยอม
พอจะมีใครให้คำแนะนำได้บ้างคะ เงิน 20000 บาทอะเรามีให้มันนะน้องอะ แต่ถ้ามันง่ายแบบนั้นน้องจะไม่เข็ดนะสิคะ สงสารก็สงสารนะ แล้วเราจะสอนเค้ายังไงดีละคะ ละถ้าต้องขึ้นศาลนี่ต้องจ่าย 60000 บาทเลยนะคะ น้องมันบอกว่าถ้าไปศาลทางนั้นก็จะไม่ยอมลดหนี้ให้เลยนะ