ในกลุ่มของโรคทั้งหลายที่มีสาเหตุมาจากภูมิแพ้
โรคหอบหืด โรคหวัดภูมิแพ้ ถือเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตรุนแรงที่สุด
หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูก จามบ่อย คันตา คันคอ น้ำมูกใสไหลเอง หรืออาจข้นเป็นช่วง ๆ
อาการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเรื้อรังและอาจกำเริบเป็นระยะ ๆ
โดยโรคหวัดภูมิแพ้นี้ ปัจจุบันมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคหอบหืดสูงขึ้นอย่างมาก
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ หอบหืดในเด็ก อันตรายแค่ไหน
โรคหอบหืด เกิดขึ้นเนื่องจากหลอดลมของผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งที่มากระตุ้นมากกว่าภาวะปกติ ทำให้หลอดลมหดเกร็งและบวม
เนื่องจากการอักเสบ ผู้ป่วยจะไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดังวี๊ดๆ การหอบอาจเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ และเรื้อรัง
สาเหตุ จากกรรมพันธุ์ พบว่าถ้าผู้ป่วยมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว โอกาสที่จะเป็นโรคจะมีมากขึ้น
สิ่งกระตุ้นต่างๆ โดยการหายใจเข้าไป อาหาร หรือ ยาที่รับประทาน เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หญ้า ควันบุหรี่ น้ำมันรถ สารเคมี
มลพิษในอากาศ เชื้ัอราในอากาศ ขนและรังแคสัตว์ เช่น สุนัข แมว อาหาร เช่น ไข่ นม อาหารทะเล
การออกกำลังกายมากๆ การติดเชื้อทางระบบหายใจ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
อาการและอาการแสดง ไอ มีเสมหะมาก โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย หรือ เวลากลางคืน
แน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก มีเสียงวี๊ดออกจากปอด
ผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือ โรคภูมิแพ้อื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ ต้องจำให้ขึ้นใจว่าตนเองแพ้อะไร
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่, ควันไอเสียรถยนต์, ควันธูป กลิ่นน้ำหอม, การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
ต้องรู้ว่าตัวเองใช้ยาอะไรเป็นประจำ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง อย่าหยุดยา หรือ ซื้อยาเอง และมาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง
เมื่อเริ่มมีอาการ ควรใช้ยาที่แพทย์สั่งไว้ทันทีตามคำแนะนำ ปรับสภาพสิ่งแวดล้อมตามคำแนะนำของแพทย์
ควรทำร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง เช่น กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายแต่พอดีเป็นประจำ
ถ้าคนไข้มีอาการหอบช่วงที่กำลังวิ่งเล่น หรือ มีอาการเหนื่อยให้หยุดพักทันที หายใจเข้าอย่างปกติ
และหายใจออกทางปากโดยค่อยๆเป่าลมออกจากปอดทีละน้อยให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และขณะหายใจออก
อาจห่อปากขณะเป่าลมหายใจออกด้วยก็ได้ ดื่มน้ำอุ่นๆมากๆ พ่นยา หรือ กินยาแก้หอบตามแพทย์สั่ง
ถ้ามียาขยายหลอดลมแบบพ่นชนิดออกฤทธิ์เร็ว ให้พ่น 2 พัฟ ซ้ำได้ 3 ครั้ง ห่างกัน 20 นาที
หากอาการดีขึ้นให้พ่นยาทุก 4 - 6 ชั่วโมงต่ออีกประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์
การจัดที่อยู่อาศัยของผู้ป่วยหอบหืดและภูมิแพ้ ห้องนอน เป็นห้องที่สำคัญเพราะเป็นห้องที่จะต้องอยู่นานที่สุด
ห้องนอนควรมีของน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ไม่เก็บของ หรือ หนังสือในห้องนอน ไม่ควรปูพรม เครื่องนอน ควรใช้ผ่าคลุมกันไรฝุ่น
ที่นอน หมอน หมอนข้าง และผ้าห่มควรทำความสะอาดและนำมาผึ่งแดดบ่อยๆ ผ้าม่าน และ ผ้าปูที่นอน ควรซักอย่างน้อยทุกสัปดาห์
โดยใช้น้ำอุณหภูมิมากกว่า 55 องศาเซลเซียสเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที เครื่องปรับอากาศควรหมั่นทำความสะอาดหน้ากากบ่อยๆ
รวมถึงทำความสะอาดพัดลม ไม่เล่นของเล่น หรือ ตุ๊กตาที่เป็นขน ในบ้านไม่ควรมีที่เก็บของอับชื้น หรือ ปลูกต้นไม้ในบ้านเพราะราและฝุ่นจะจับง่าย
เก็บอาหารให้มิดชิดเพื่อป้องกันหนูและแมลงสาป ไม่ควรเลี้ยงสัตว์มีขน ถ้าจำเป็น ควรให้อยู่เฉพาะบริเวณนอกบ้านและอาบน้ำทุกสัปดาห์
หอบหืดในเด็ก อันตรายแค่ไหน?
หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูก จามบ่อย คันตา คันคอ น้ำมูกใสไหลเอง หรืออาจข้นเป็นช่วง ๆ
อาการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเรื้อรังและอาจกำเริบเป็นระยะ ๆ
โดยโรคหวัดภูมิแพ้นี้ ปัจจุบันมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคหอบหืดสูงขึ้นอย่างมาก
วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้ หอบหืดในเด็ก อันตรายแค่ไหน
โรคหอบหืด เกิดขึ้นเนื่องจากหลอดลมของผู้ป่วยตอบสนองต่อสิ่งที่มากระตุ้นมากกว่าภาวะปกติ ทำให้หลอดลมหดเกร็งและบวม
เนื่องจากการอักเสบ ผู้ป่วยจะไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดังวี๊ดๆ การหอบอาจเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ และเรื้อรัง
สาเหตุ จากกรรมพันธุ์ พบว่าถ้าผู้ป่วยมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว โอกาสที่จะเป็นโรคจะมีมากขึ้น
สิ่งกระตุ้นต่างๆ โดยการหายใจเข้าไป อาหาร หรือ ยาที่รับประทาน เช่น ฝุ่น ตัวไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หญ้า ควันบุหรี่ น้ำมันรถ สารเคมี
มลพิษในอากาศ เชื้ัอราในอากาศ ขนและรังแคสัตว์ เช่น สุนัข แมว อาหาร เช่น ไข่ นม อาหารทะเล
การออกกำลังกายมากๆ การติดเชื้อทางระบบหายใจ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
อาการและอาการแสดง ไอ มีเสมหะมาก โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย หรือ เวลากลางคืน
แน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก มีเสียงวี๊ดออกจากปอด
ผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือ โรคภูมิแพ้อื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ ต้องจำให้ขึ้นใจว่าตนเองแพ้อะไร
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่, ควันไอเสียรถยนต์, ควันธูป กลิ่นน้ำหอม, การเปลี่ยนแปลงของอากาศ
ต้องรู้ว่าตัวเองใช้ยาอะไรเป็นประจำ ใช้ยาตามแพทย์สั่ง อย่าหยุดยา หรือ ซื้อยาเอง และมาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้ง
เมื่อเริ่มมีอาการ ควรใช้ยาที่แพทย์สั่งไว้ทันทีตามคำแนะนำ ปรับสภาพสิ่งแวดล้อมตามคำแนะนำของแพทย์
ควรทำร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง เช่น กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายแต่พอดีเป็นประจำ
ถ้าคนไข้มีอาการหอบช่วงที่กำลังวิ่งเล่น หรือ มีอาการเหนื่อยให้หยุดพักทันที หายใจเข้าอย่างปกติ
และหายใจออกทางปากโดยค่อยๆเป่าลมออกจากปอดทีละน้อยให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และขณะหายใจออก
อาจห่อปากขณะเป่าลมหายใจออกด้วยก็ได้ ดื่มน้ำอุ่นๆมากๆ พ่นยา หรือ กินยาแก้หอบตามแพทย์สั่ง
ถ้ามียาขยายหลอดลมแบบพ่นชนิดออกฤทธิ์เร็ว ให้พ่น 2 พัฟ ซ้ำได้ 3 ครั้ง ห่างกัน 20 นาที
หากอาการดีขึ้นให้พ่นยาทุก 4 - 6 ชั่วโมงต่ออีกประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์
การจัดที่อยู่อาศัยของผู้ป่วยหอบหืดและภูมิแพ้ ห้องนอน เป็นห้องที่สำคัญเพราะเป็นห้องที่จะต้องอยู่นานที่สุด
ห้องนอนควรมีของน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ไม่เก็บของ หรือ หนังสือในห้องนอน ไม่ควรปูพรม เครื่องนอน ควรใช้ผ่าคลุมกันไรฝุ่น
ที่นอน หมอน หมอนข้าง และผ้าห่มควรทำความสะอาดและนำมาผึ่งแดดบ่อยๆ ผ้าม่าน และ ผ้าปูที่นอน ควรซักอย่างน้อยทุกสัปดาห์
โดยใช้น้ำอุณหภูมิมากกว่า 55 องศาเซลเซียสเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที เครื่องปรับอากาศควรหมั่นทำความสะอาดหน้ากากบ่อยๆ
รวมถึงทำความสะอาดพัดลม ไม่เล่นของเล่น หรือ ตุ๊กตาที่เป็นขน ในบ้านไม่ควรมีที่เก็บของอับชื้น หรือ ปลูกต้นไม้ในบ้านเพราะราและฝุ่นจะจับง่าย
เก็บอาหารให้มิดชิดเพื่อป้องกันหนูและแมลงสาป ไม่ควรเลี้ยงสัตว์มีขน ถ้าจำเป็น ควรให้อยู่เฉพาะบริเวณนอกบ้านและอาบน้ำทุกสัปดาห์