JJNY : โลงศพขาดตลาดในจีน│"เพื่อไทย" ชี้ส่งออกอาการหนักติดลบ│“ณัฐวุฒิ” อัด “2ป.”│วิปเคาะลงตัวอภิปรายทั่วไป 15-16 ก.พ.

โลงศพขาดตลาดในจีน หลังยอดเสียชีวิตจากโควิดพุ่งไม่หยุด
https://www.prachachat.net/bbc-thai/news-1187112
 
 
บีบีซีพบหลักฐานบ่งชี้ว่าพื้นที่ชนบทจีนกำลังมีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 เป็นจำนวนมาก หลังจากเชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่ระบาดจากเมืองใหญ่เข้าสู่พื้นที่ห่างไกลที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ อีกทั้งมีสถานพยาบาลไม่เพียงพอ
 
บีบีซีลงพื้นที่ในเมืองซินโจว มณฑลซานซี ทางภาคเหนือของจีน และได้พูดคุยกับบรรดาผู้ผลิตโลงศพที่กำลังมีงานล้นมือ พวกเขาเล่าว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีคำสั่งซื้อโลงศพจำนวนมาก และต้องเร่งทำงานจนแทบไม่มีเวลาพัก
 
ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ลูกค้าที่มาซื้อโลงศพรายหนึ่งเล่าให้บีบีซีฟังว่า ขณะนี้โลงศพกำลังขาดตลาด และบรรดาผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับงานศพกำลังทำรายได้อย่างงาม
 
ที่ผ่านมามีการถกเถียงเรื่องตัวเลขที่แท้จริงของผู้เสียชีวิตจากโควิดในจีน หลังจากเชื้อแพร่ระบาดไปยังมหานครใหญ่ต่าง ๆ
 
ดร.อู๋ จวินโหย่ว นักระบาดวิทยาชั้นแนวหน้าของจีนระบุว่า นับตั้งแต่จีนยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาก็มีประชากรราว 80% หรือกว่า 1 พันล้านคนติดเชื้อโควิด-19 และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 60,000 คน
 
เมื่อสัปดาห์ก่อนทางการจีนรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับโควิดเพิ่มอีก 13,000 คนภายในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์
 
แต่ยอดผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นการเสียชีวิตในโรงพยาบาล ส่วนในพื้นที่ชนบทที่มีสถานพยาบาลไม่เพียงพอนั้น ผู้ป่วยโควิดส่วนใหญ่มักเสียชีวิตที่บ้าน และไม่ถูกนับรวมเข้ากับตัวเลขดังกล่าวของทางการ
 
แม้จะไม่มียอดประเมินอย่างเป็นทางการของผู้เสียชีวิตจากโควิดในพื้นที่ชนบทจีน แต่ทีมข่าวบีบีซีพบหลักฐานบ่งชี้ว่ายอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่เหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
บีบีซีไปสำรวจฌาปนสถานแห่งหนึ่ง และพบว่าที่นี่ก็มีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก ส่วนในอีกหมู่บ้าน บีบีซีได้พูดคุยกับชาวบ้านที่เล่าว่าสินค้าที่ใช้ตกแต่งในงานศพกำลังขายดิบขายดี โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงปกติ
 
ผู้ทำงานในแวดวงธุรกิจงานศพทุกคนในมณฑลซานซีที่บีบีซีได้พบเล่าถึงสถานการณ์เดียวกันในขณะนี้ว่ามีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น และทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับโควิด-19

นายหวัง เผยเหว่ย ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าให้บีบีซีฟังว่าเพิ่งสูญเสียพี่สะใภ้จากโควิด โดยเธออายุ 50 ปีเศษ และเป็นโรคเบาหวานมาหลายปีก่อนที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 

หลังจากติดโควิด เธอก็มีไข้สูง จากนั้นอวัยวะต่าง ๆ เริ่มล้มเหลว ระบบภูมิคุ้มกันของเธอไม่แข็งแรงพอที่จะรอดชีวิตได้” เขาเล่าพร้อมบอกว่าค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพตอนนี้มีราคาพุ่งสูงขึ้นมาก เพราะมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเป็นจำนวนมาก

ในช่วงที่ทีมข่าวบีบีซีลงพื้นที่มณฑลซานซีเป็นช่วงใกล้กับช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่คนหนุ่มสาวจะเดินทางกลับภูมิลำเนาตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบทเพื่อเยี่ยมเยียนคนในครอบครัวซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยชรา
 
นี่จึงทำให้เกิดความกังวลว่าการกลับบ้านของชาวจีนจำนวนมากในช่วงตรุษจีนปีนี้จะทำให้โควิดแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วสู่พื้นที่ชนบทอันห่างไกล
ส่งผลให้รัฐบาลเตือนประชาชนที่อาศัยในเมืองใหญ่ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางกลับภูมิลำเนาในปีนี้หากสมาชิกอาวุโสในครอบครัวยังไม่ติดโควิด

นายแพทย์ ต๋ง หย่งหมิง ซึ่งเปิดคลินิกในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในมณฑลซานซีบอกว่า ชาวบ้านที่นี่อย่างน้อย  80% ติดโควิดแล้ว
 
“ชาวบ้านทั้งหมดมาหาเราเวลาที่พวกเขาป่วย…เราเป็นคลินิกแห่งเดียวที่นี่”

นายแพทย์ต๋ง บอกว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากโควิดเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว

ผู้เสียชีวิตในภูมิภาคนี้มักถูกฝังอยู่ตามทุ่งนา ซึ่งเกษตรกรมักใช้พื้นที่เดียวกันนี้ในการเพาะปลูกพืชผลต่าง ๆ หลังจากนั้น คนเลี้ยงแพะรายหนึ่งที่บีบีซีได้พบยืนยันว่าแถวนี้มีหลุมศพใหม่เกิดขึ้นมากมาย

เขาเล่าว่าในหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่มีประชากรราว 2,000-3,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิดระบาดระลอกล่าสุดไปแล้วกว่า 40 คน

วันหนึ่งมีใครสักคนเสียชีวิตลง แล้ววันต่อมาก็มีอีกคน เป็นอย่างนี้ไม่หยุดหย่อนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา” เขาบอก
 
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในแถบนี้มีแนวคิดเรื่องสัจธรรมชีวิต และมองว่าการเจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ชาวนาคนนี้บอกว่าผู้คนจะยังเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนต่อไปเหมือนที่เคยทำมา
  
ลูกชายและลูกสะใภ้ของผมจะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้” เขากล่าว
 
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าสมาชิกครอบครัวจะนำโควิดกลับมาแพร่ให้คนที่บ้าน เขาบอกว่า “ผู้คนไม่ควรกังวลไป ไม่ต้องกลัว! เพราะยังไงคุณก็มีโอกาสติดอยู่ดีแม้จะพยายามซ่อนตัว พวกเราส่วนใหญ่ติดเชื้อแล้ว และยังมีชีวิตอยู่ดี

ชาวนาผู้นี้แสดงความหวังว่า การระบาดระลอกใหญ่ที่สุดในจีนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และเขาก็หวังว่าอย่างน้อยตอนนี้จะได้ใช้พลังงานกับผู้เป็นที่รักที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่าการฝังศพคนตาย
 


"เพื่อไทย" ชี้ส่งออกอาการหนักติดลบ 3 เดือนติด แนวโน้มปี 66 ลดฮวบ
https://siamrath.co.th/n/417906

"เพื่อไทย" ชี้ส่งออก อาการหนักติดลบ 3 เดือนติด แนวโน้มปี 66 ลดฮวบ ห่วง ค่าเงินบาทแข็ง ดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งออกจะยิ่งทรุด แนะรบ.ดูแลค่าบาท-เร่งสร้างความมั่นใจนักลงทุนทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ
 
วันที่ 26 ม.ค.2566 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคมปีที่แล้วลดลงมาก โดยติดลบไปถึง -14.6 % ซึ่งเป็นการส่งออกติดลบติดกันเป็นเดือนที่ 3 โดยเดือนตุลาคมส่งออกติดลบ -4.4% เดือนพฤศจิกายนส่งออกติดลบ - 6.0% และมาติดลบหนักในเดือนธันวาคม ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ก่อนแล้ว การติดลบ 3 เดือนติดในปลายปีที่แล้ว ส่งสัญญาณน่ากังวลและจะส่งผลให้โอกาสที่การส่งออกทั้งปี 2566 นี้ติดลบได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ที่ไม่น่าจะคาดหวังจากการส่งออกได้ คงได้แต่คาดหวังแต่การท่องเที่ยวเท่าเที่ยวเท่านั้น อีกทั้ง เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ และมีโอกาสถดถอยสูงขนาด ธนาคารโลกยังปรับลดการคาดประมาณเหลือเพียง 1.7% จาก 3% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก การลงทุน  และการท่องเที่ยวของไทยด้วย 
 
นายกฤษฎา กล่าวว่า นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วจะยิ่งทำให้ราคาสินค้าไทยแพงขึ้น และมีผลกระทบซ้ำเติมกับการส่งออก ซึ่งอยากให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่แข็งค่าเกินไป เพื่อส่งเสริมให้การส่งออกดีขึ้น อีกทั้งภาวะอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ต่างจากของสหรัฐอเมริกามาก และดอกเบี้ยของไทยก็เริ่มปรับขึ้น โดยล่าสุด ธปท. เพิ่งปรับขึ้นอีก 0.25% เป็น 1.5%  ก็อาจส่งผลกระทบให้ค่าบาทแข็งค่าขึ้น การส่งออกอาจจะยิ่งลดลง ปัญหาหลักที่การส่งออกลดลง น่าจะมาจากการที่การลงทุนของไทยหดหายและลดลงมาตลอดตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้ประเทศไทย ขาดทิศทางอนาคตว่าประเทศไทยจะมีทิศทางเศรษฐกิจอย่างไร อะไรจะเป็นอุตสาหกรรมของไทยในอนาคต ในขณะที่อุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมได้ล้าสมัยและเสื่อมถอยแล้ว ดังนั้นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้การลงทุนของไทยเพิ่มมากขึ้นและมีทิศทางอนาคตของประเทศที่ชัดเจน



“ณัฐวุฒิ” อัด “2ป.”ปาดหน้าแข่งกันหาเสียงไล่บี้กันเหมือนเด็ก-เรียกร้องให้รีบยุบสภา
https://www.matichon.co.th/clips/news_3789531

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการ ครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊คกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แข่งกันลงพื้นที่หาเสียง เปรีบทำตัวเหมือนเด็ก เรียกร้องให้รีบยุบสภาเสีย พร้อมเย้ยพล.อ.ประยุทธ์ เวลาไปลงพื้นที่ ระวังคะแนนเสียงจะหล่นใส่   ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่